บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 หัวใจเริ่มหวั่นไหว

ยามสาย – ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ

เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังขึ้นคลอเบา ๆ ข้างเตียงคนป่วย

ทันทีที่นิรินทร์ค่อย ๆ ลืมตา แสงแดดอุ่นสะท้อนผ่านผ้าม่านบาง ๆ ทำให้เธอหลี่ตาเบา ๆ อย่างงัวเงีย

“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ เจ้าหญิงนิทรา!”

ดาวิการีบโถมตัวมานั่งข้างเตียงด้วยสีหน้าเริงร่าเต็มที่

นิรินทร์หัวเราะเบา ๆ พลางขยี้ตาอย่างเหนื่อยล้า

ลลิชาก้าวเข้ามาดูแผลบนศีรษะด้วยสีหน้าห่วงใย

“โอเคมั้ยแก? โชคดีมากเลยนะที่ยังสวยอยู่ หน้ายังเป๊ะ!”

“เสียงพวกฉันทำให้ตื่นรึเปล่า?”

อันนาถามพลางโน้มตัวลงมานั่งข้างเตียง สายตาอ่อนโยนจนหัวใจอุ่นวาบ

นิรินทร์ส่ายหน้ายิ้ม “ไม่หรอก แต่ตื่นมาแล้วเจอพวกแกครบทีมแบบนี้...รู้สึกดีจังเลย”

ประตูห้องถูกเคาะเบา ๆ ก่อนจะเปิดออก

พิพัฒน์ก้าวเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มอีกคน—หมอธาราในเสื้อเชิ้ตคลุมกาวน์สีขาวที่เดินตามมาติด ๆ

สี่สาวรีบยกมือไหว้พร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายกลับไปนั่งเรียบร้อย

แต่สายตาของนิรินทร์กลับประสานเข้ากับคนที่เธอไม่คิดว่าจะเจอเร็วขนาดนี้

เธอแอบค้อนให้เขาเบา ๆ

หมอธาราเพียงยิ้มที่มุมปาก…เหมือนอ่านใจเธอได้หมด

“เมื่อคืนหลับสบายมั้ยครับ?”

น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่กลับกระทบใจคนฟังอย่างประหลาด

นิรินทร์พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้น

“หมอขอตรวจหน่อยนะครับ”

เขาโน้มตัวเข้ามา ใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจแนบอกเธออย่างเบามือ ขณะสายตายังคงจับจ้องด้วยความแน่วแน่

“ยังปวดหัวอยู่มั้ยครับ?”

เขาขยับเข้าใกล้บาดแผลบนศีรษะเพื่อดูอาการ

นิรินทร์เบือนหน้าหลบ…ชัดเจน

“นิรินทร์”

เสียงปรามของพิพัฒน์ดังก้องขึ้นทันที

หญิงสาวจึงฝืนยิ้ม “นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่มากเท่าเมื่อคืน”

หมอธาราไม่สนใจท่าทีเย็นชานั้น เขายังคงตรวจด้วยสีหน้าเรียบขรึม

“แผลยังบวมอยู่ ควรนอนพัก ห้ามเดินโดยไม่จำเป็นนะครับ”

“แต่หนูไม่ได้เจ็บขานี่คะ แค่เดินไปเข้าห้องน้ำ...”

“หมอบอกว่าไงก็ทำตามเถอะลูก ถ้าอยากหายไว ๆ”

พิพัฒน์พูดแทรกเสียงนุ่มแต่จริงจัง

หมอธาราหันไปพยักหน้ากับชายตรงหน้า

“ผมจะสั่งยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดเพิ่มให้ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงแจ้งพยาบาลได้เลยครับ ผมจะแวะมาตอนเย็นอีกครั้ง”

“ขอบคุณครับหมอ”

พิพัฒน์รับคำ ก่อนเดินไปส่งเขาถึงหน้าห้อง

ทันทีที่หมอธาราหายออกไปจากกรอบประตู

สาว ๆ ในห้องก็แทบกลายร่างเป็นกองเชียร์

“โอ๊ย ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีหมอหล่อระดับซีรีส์เกาหลีอยู่ในโรงพยาบาลนี้!”

ดาวิกาโถมตัวซบไหล่นิรินทร์อย่างละลายใจ

“หมอแบบนี้น่ะเหรอ ต้องป่วยทุกอาทิตย์ไปเลยสิ!” ลลิชาซบอีกข้างอย่างพร้อมใจ

“พวกแกอย่ามาเพ้อฝันใส่คนป่วยได้มั้ย...”

นิรินทร์บ่นแต่ดวงตากลับแฝงรอยยิ้มจาง ๆ

อันนาเดินมาดึงแขนเพื่อนสองคนออก “พอเลย ปล่อยให้นิรินได้พัก แผลจะได้หายเร็ว ๆ”

“ทำเป็นพูดดี แกนั่นแหละตัวดี! ฉันเห็นสายตานะ...”

ดาวิกาแซวพลางหัวเราะคิก

อันนาส่ายหน้าแรง “ไม่มี๊ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะดาด้า!”

“แล้วชื่อหมอล่ะ รู้รึยัง?” ลลิชาหันมาถามนิรินทร์อย่างจริงจัง

นิรินทร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนขมวดคิ้ว

“...ยังเลย”

“หมอช่วยชีวิตแกแต่ไม่รู้จักชื่อเนี่ยนะ?”

ลลิชาหัวเราะ ก่อนจะชี้ไปที่ป้ายชื่อบนหัวเตียง

“หมอธารา...ชื่อเพราะด้วยนะ”

นิรินทร์หันไปมองตามพลางนิ่งไปเล็กน้อย

แล้วเบือนหน้ากลับมาอย่างเงียบ ๆ

“หมอธารา...”

เสียงกระซิบของเธอเบาหวิว ราวกับกำลังเอ่ยชื่ออะไรบางอย่างที่เริ่มเคลื่อนไหวอยู่ในใจ

เธอซุกตัวลงใต้ผ้าห่มอีกครั้ง ปล่อยให้ร่างกายรับฤทธิ์ของยาแก้ปวด

แต่ในใจ...กลับไม่อาจสงบลงง่าย ๆ เช่นนั้นอีกแล้ว

ช่วงเย็นหลังประชุมผู้ถือหุ้นเสร็จเรียบร้อย

พิพัฒน์ก็รีบบึ่งรถตรงมายังโรงพยาบาลโดยไม่แวะพักสักนาที

เมื่อเปิดประตูเข้ามายังห้องพักผู้ป่วย…ภายในกลับเงียบสงัด

แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงทอดทาบลงบนผ้าห่มสีขาวสะอาด

บนเตียงของนิรินว่างเปล่า

หัวใจคนเป็นพ่อกระตุกวูบหนึ่งโดยอัตโนมัติ

สายตากวาดมองรอบห้องอย่างตื่นตระหนก

จนเหลือบเห็นประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท พร้อมเสียงก๊อกน้ำที่เปิดอยู่เบา ๆ

จังหวะเต้นของหัวใจเริ่มผ่อนคลายลงทีละน้อย

แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา

สายตาเขาก็เห็นร่างบางที่คุ้นตากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวริมสุด

พิพัฒน์ชะงักฝีเท้า ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้...ช้า ๆ

ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงข้างโซฟา

ดวงตาคู่คมจ้องมองวงหน้าเรียวเล็กของหญิงสาวที่กำลังหลับพริ้มอย่างเงียบงัน

ใบหน้าเธอขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา

ผมยาวเปียกหมาดแนบแก้ม ผิวพรรณดูนุ่มละมุนราวกับจะหลุดลอยจากปลายนิ้ว

เปลือกตาที่ปิดสนิทดูสงบ ทว่ากลับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้

พิพัฒน์ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว

หัวใจของเขา...เต้นแรงอย่างเงียบงัน

เหมือนคลื่นใต้น้ำที่ไม่มีใครมองเห็น

ความรู้สึกแปลกประหลาดไหลย้อนกลับมาอย่างไม่ทันตั้งตัว—

ความรู้สึกที่เขาเคยคิดว่าหายไปจากชีวิตนานแล้ว

การ ‘รู้สึก’ บางอย่างต่อใครสักคน...อีกครั้ง

เขาค่อย ๆ โน้มตัวลงใกล้...ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นรินที่รินจากปลายจมูกของเธอ

ในวินาทีนั้น เขาแทบลืมทุกกรอบ ทุกสถานะ ทุกข้อจำกัด

ทว่าก่อนที่ระยะห่างระหว่างใบหน้าทั้งสองจะลดเหลือเพียงกระซิบ

เปลือกตาคู่นั้นกลับเปิดขึ้น...อย่างฉับพลัน

ดวงตากลมโตคู่นั้น จ้องมองกลับมาด้วยแววตาตื่นเต็มตา

ไม่ใช่งัวเงีย

ไม่ใช่ฝัน

แต่เป็นสายตาของคนที่รับรู้ได้ถึงทุกสัมผัสที่กำลังจะเกิดขึ้น

ทั้งคู่จ้องตากันนิ่งงัน

เงียบ...

จนเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก พร้อมเสียงเสาน้ำเกลือลากผ่านพื้น

“อ้าว คุณพ่อมาแล้วเหรอคะ? ไม่ได้ยินเสียงเลย...”

นิรินทร์ที่ล้างหน้าจนสะอาดเอี่ยมเช็ดน้ำบนใบหน้าด้วยผ้าขนหนูสีอ่อน

เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มบางที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

อันนาที่เพิ่งรู้สึกตัวจากแรงสายตา รีบลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ

“นิรินทร์จะเข้าห้องน้ำทำไมไม่ปลุกฉัน”

เธอเดินเข้าไปประคองเพื่อนกลับมานั่งที่เตียงทันที

“นอนทั้งวัน เดี๋ยวจะกลายเป็นคนไข้หลังติดเตียงพอดี ก็อยากยืดเส้นยืดสายบ้างนี่นา”

นิรินทร์ตอบพลางเอนตัวลงนอนเช่นเดิม

ผ้าห่มถูกดึงขึ้นคลุมไหล่อย่างเคยชิน

พิพัฒน์เดินเข้ามาใกล้เตียง

น้ำเสียงกลับมาเป็นโทนนุ่มอ่อนเหมือนเดิม แม้สายตาจะยังหลบเลี่ยงหญิงสาวอีกคน

“ทานอะไรบ้างหรือยังลูก”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ตั้งแต่ห้าโมงเย็น”

“แล้วหมอเข้ามาตรวจช่วงเย็นรึเปล่า”

เขาหันไปถามคนเฝ้าไข้

อันนาหันมาตอบโดยไม่สบตา “มาตรวจแล้วค่ะ หมอธาราแวะมาตรวจช่วงเย็นก่อนกลับ”

พิพัฒน์พยักหน้าเบา ๆ แล้วหยิบถุงเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า

“พ่อแวะซื้อของที่ลูกชอบมาให้ด้วย...กล้วยเชื่อมกับเต้าหู้น้ำขิง เจ้าเดิมที่นิรินชอบ”

นิรินทร์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง แต่เต็มไปด้วยความซึ้งใจ

“ขอบคุณนะคะ... คุณพ่อ”

เขายิ้มบาง ๆ แต่หางตากลับเหลือบไปมองหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนเงียบอยู่ใกล้หน้าต่าง

แม้จะไม่มีบทสนทนาใดระหว่างเขากับคนาในจังหวะนั้น

แต่ ‘ความรู้สึก’ ที่ค้างคาในอากาศ...ยังไม่จางหาย

และต่างฝ่าย...ก็รู้ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel