CHAPTER 5 รุ่นพี่แล้วไง
เสียงเพลงจังหวะหนักแน่นดังระรัวทั่วทั้งผับ แสงไฟหลากสีสาดกระทบผู้คนที่กำลังเต้นรำอย่างสนุกสนาน กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งปนกับเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของผู้คนในคืนวันหยุด
ยี่หวาใส่ชุดเดรสสีดำเกาะอก ความยาวเหนือเข่าเข้ารูปจนเผยให้เห็นเสน่ห์อันเย้ายวน ทุกย่างก้าวของเธอสะกดสายตาผู้ชายแทบทั้งผับ บ้างหันมามอง บ้างกระซิบกระซาบชื่นชมความสวยสะกดใจของเธอ
เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะกลางผับโบกมือเรียก ยี่หวายกยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อน เส้นผมยาวสลวยสลัดเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดิน ยิ่งทำให้เธอดูราวกับนางราตรีที่ทุกคนอยากเข้าหา
แต่ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้อง มีสายตาหนึ่งที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและความเป็นเจ้าของ
เขานั่งอยู่ไม่ไกล สายตาคมกริบไม่เคยละไปจากร่างอรชรนั้นแม้เพียงเสี้ยววินาที ตั้งแต่ยี่หวาก้าวผ่านประตูเข้ามา จนถึงตอนที่เธอเดินไปยังโต๊ะเพื่อน ใจของเขาราวกับถูกบีบแน่น ภาพผู้หญิงที่เขารักปรากฏต่อหน้าท่ามกลางสายตาของชายอื่น ทำให้ความหึงหวงแล่นพล่านในอกอย่างไม่อาจห้ามได้
แก้วเหล้าที่อยู่ในมือหมื่นลี้สั่นเล็กน้อย เขากัดฟันแน่น ดวงตาคมทอดมองเพียงเธอผู้หญิงที่เขาไม่เคยเผื่อใจให้เลยแม้แต่นิดเดียว
“คิดว่าจะไม่มา” ธามไทเอ่ยด้วยความดีใจ
“วันนี้วันเกิดธามหนิจะไม่มาได้ยังไง สุขสันต์วันเกิดนะ” เธอยื่นของขวัญที่เตรียมมาให้เพื่อน ทำให้เพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้เอ่ยแซว
“อะไรยังไงตกลงคบไม่คบ?” แป้งหอมเอ่ยแซว
“ก็อยากคบอยู่นะ” เจ้าของวันเกิดพูดจริงจังสายตาจ้องมองไปที่ยี่หวา คืนนี้เธอสวยมากจนเขาละสายตาไม่ได้เลย
“เป็นเพื่อนกันก็ดีแล้ว”
“โห่ อุตส่าห์ดีใจดับฝัน” เตยหอมหัวเราะใครจะได้เป็นเจ้าของหัวใจของยี่หวากัน
“พูดแบบนี้ธามเสียใจแย่” เจ้าตัวเอ่ยเสียงเบาๆ และหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาก็ไม่เคยเป็นมากกว่าเพื่อน
“ถามจริงหวาแกมีแฟนป่ะทำไมใจแข็งจังเลย หรือแอบไปสุ้มคบกับใคร” เตยหอมถามด้วยความจริงจัง
“บะ บ้าฉันจะไปมีแฟนที่ไหน” เธอไม่กล้าสบตา เพราะรู้ว่าที่ผ่านมาเธอลบเขาออกจากหัวใจไม่ได้เลย
“เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักกับรุ่นน้องที่มาใหม่” แป้งหอมจริง
“อย่าไปบังคับฝืนใจเขาดิ” ธามไทไม่ยอมเหมือนกัน
“พอๆ จะทะเลาะกันทำไมวันนี้วันเกิดธามนะ” ยี่หวาต้องเป็นฝ่ายห้าม เพราะเดี๋ยวจะหมดสนุกก่อน
“รุ่นน้องชื่อ...ชื่ออะไรวะแป้ง” เตยหอมหันไปถามเพื่อน
“อ๋อ ชื่อเดย์”
ยี่หวาเหมือนหูดับไปชั่วขณะเมื่อได้ยืนชื่อนี้อีกครั้ง คงไม่ใช่คนเดียวกันเขาคงไม่กลับมาเมืองไทย คงเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น
เสียงเพลงดังกลบทุกความวุ่นวาย แต่ไม่อาจหลบสายตาคมที่จับจ้องไปยังหญิงสาวบนโต๊ะเพื่อนได้เลย หมื่นลี้ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบช้าๆ แต่ดวงตาไม่ยอมละไปจากร่างอรชรในชุดเดรสสีดำ
“ถ้ามองขนาดนั้น ไม่กินไปเลยล่ะวะ?” ภรัณที่นั่งข้างกันหัวเราะเบาๆ ก่อนเอียงหน้าเข้ามาแซวเสียงดังพอให้ได้ยิน
“อีกไม่นานหรอก...” หมื่นลี้ปรายตากลับอย่างเย็นชา มุมปากยกยิ้มบางที่เจือความเหยียดหยัน
“พูดจริง? นั่นรุ่นพี่เลยนะโว้ย” ภรัณชะงักเล็กน้อย ก่อนถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เสียงหัวเราะเย็นชาหลุดออกมาจากปากหมื่นลี้ เขาวางแก้วลงกับโต๊ะดัง แล้วเอ่ยช้าๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความแข็งกร้าว
“จริงจังงั้นเหรอ หึ ของแบบนั้นก็แค่ของเล่นเท่านั้นแหละ จะให้กูไปจริงจังได้ยังไง”
ภรัณเลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทอย่างไม่เชื่อเต็มร้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อได้เพียงพ่นลมหายใจเบาๆ
“พี่เขาสวยขนาดนั้นมองเป็นของเล่นได้ยังไง” ธีธัชเพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้น รุ่นพี่สาวสวยไม่เคยมีแฟนมาก่อน
“กูจะไม่กลับไปรักผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง”
“อีกครั้ง? / อีกครั้ง!” เพื่อนทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน เพราะได้ยินประโยคแปลกๆ
“คืออะไรอีกครั้งมึงรู้จักพี่ยี่หวามาก่อนเหรอ”
“หูพวกมึงเพี้ยนหรือเปล่า” เขาแก้ตัว
ในขณะที่หมื่นลี้เอนตัวพิงเก้าอี้ สายตายังคงมองยี่หวาไม่วางตา ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวกับคำพูดเมื่อครู่เป็นเพียงเกราะที่สร้างขึ้นเพื่อปิดบังความรู้สึกแท้จริง เพราะเขารู้ตัวดีว่าหัวใจมันกำลังหวนกลับไปหาผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยสาบานว่าจะไม่มีวันรักอีก
ยี่หวานั่งหัวเราะพูดคุยกับเพื่อนๆ แม้ไม่ค่อยถนัดนักกับการมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ แต่คืนนี้ก็ยอมตามใจเพื่อน
ระหว่างที่เธอยกแก้วจิบเบาๆ ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา เขายิ้มกว้างพร้อมยกแก้วขึ้นตรงหน้า
“ขอชนหน่อยสิครับ สวยแบบนี้ไม่ชนไม่ได้แล้ว”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่ค่อยดื่ม” ยี่หวายกมือขึ้นส่ายเล็กน้อย
“แค่แก้วเดียวเองครับ ไม่เสียหายหรอก” แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมถอย ยืนขวางด้วยท่าทีตื้อไม่หยุด
เพื่อนๆ ที่นั่งด้วยกันเริ่มมองหน้ากันอย่างอึดอัด ยี่หวาเม้มปากแน่นพยายามจะปฏิเสธอีกครั้ง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะเลิกรา เธอจึงถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วยกแก้วขึ้นชนอย่างเสียไม่ได้
“เอ้า ชนก็ชน...”
แก้วกระทบกันเบาๆ ก่อนยี่หวาจะยกดื่มเพียงเล็กน้อยทว่าไม่รู้ทำไม รสขมเฝื่อนกลับแล่นลงคอจนเธอขมวดคิ้วแน่น
ไม่นานความเวียนหัวก็เริ่มก่อตัวขึ้นในสมอง สายตาพร่าเลือนนิดๆ เธอยกมือแตะขมับ แล้วเอ่ยเสียงเบา
“เราขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะ...”
“เดี๋ยวฉันไปด้วย” เตยหอมเป็นเพื่อนเพราะรู้ว่ายี่หวาคออ่อน
“ไม่ต้องสนุกไปก่อนเลย”
เพื่อนๆ หันมามองเป็นห่วง แต่ยี่หวายกยิ้มบางๆ พยายามไม่ให้ใครวิตกจึงค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ
ยี่หวาเดินออกจากห้องน้ำด้วยอาการมึนเมา ขาของเธอสั่นเล็กน้อย ร่างกายเหมือนเบาหวิวจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เธอพยายามก้าวเดินอย่างระวัง แต่เพียงหันเล็กน้อยกลับชนเข้ากับแผงอกกว้างของใครบางคนเต็มแรง
“อ๊ะ!” ร่างอรชรถูกแรงสะท้อนดึงกลับ ก่อนที่มือแข็งแรงจะโอบรอบเอวไว้ทันที กลายเป็นว่าเธอถูกกักอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นปนกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ
“ได้เจอกันสักที...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบใกล้หู น้ำเสียงหนักแน่นราวกับตั้งใจรอมานาน
หญิงสาวหยุดชะงักร่างกายทันทีดวงตาที่พร่าเลือนเบิกกว้างขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมกริบคู่นั้น หัวใจเธอเต้นแรงแทบหลุดออกมาจากอก
“ดะ...เดย์” เสียงของเธอสั่นพร่าทั้งตกใจทั้งไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าคนตรงหน้าคือเขา คนที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีก
หมื่นลี้ยกยิ้มบางๆ แฝงแววเย็นชาในดวงตา นิ้วมือกระชับเอวเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อยากปล่อยให้หนีไปไหนได้อีก
“ผู้หญิงเลวแบบเธอไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อฉัน!”
“ปล่อย...”
“ฉันกลับมาแล้วยี่หวา ฉันเจ็บแค่ไหนเธอจะต้องเจ็บมากเท่านั้น!”
“เป็นบ้าอะไรของนาย” เธอเงยหน้าจ้องมองสบตากับเขา เห็นแววตาที่โกรธแค้นทำให้เธอไม่กล้ามอง
“ฉันมาเอาคืนผู้หญิงแบบเธอไง ผัวเก่ากอดแค่นี้ทำเป็นรังเกียจเหรอวะ”
“เมาก็กลับไปนอน เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
“ใครอยากเกี่ยวข้องกับคนแบบเธอ”
