พันธะรักเมียแต่ง - 2
นิ่มเดินไปปรับโซฟาเป็นเตียงนอนแล้วก็หยิบผ้าห่มที่มีติดประจำห้องสำหรับห้องพิเศษและหมอนแล้วล้มตัวลงนอน ส่วนคริษฐ์นั่งเก้าอี้แทนที่แม่ของเจติยาแล้วมองหน้าที่ซีดเซียวของอดีตแฟนสาวของตนเอง เขาเป็นต้นเหตุของเรื่องวันนี้ หากมาไม่ทันเจติยาคงสิ้นลมและเขาจะรู้สึกผิดต่อเพื่อนที่จากไปมาก
‘พี่ขอโทษ’ เขาขอโทษเธอในใจ สองเดือนก่อนเธอได้บอกจบความสัมพันธ์และไม่ใช่แค่เธอที่เจ็บ เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่เขาเลือกไม่ได้ เพราะเขาได้สัญญากับพ่อก่อนท่านจะสิ้นใจแล้วว่าจะแต่งงานกับคนที่ท่านได้หมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่เด็ก แม้ไม่ได้ ‘รัก’ ลัลนา แต่ก็หลีกเลี่ยงวิวาห์ครั้งนี้ไม่ได้จึงจำยอมกล้ำกลืนฝืนทนเข้าพิธีสมรสในครั้งนี้
เรือนหอหลังใหญ่ในไร่ธรรมวิเศษ แน่นอนไร่องุ่นแห่งนี้เป็นไร่ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมมีรีสอร์ตให้พักผ่อนชมธรรมชาติและความสวยงามของไร่องุ่นอีกด้วย แม้บรรยากาศดีแต่ว่าหากอยู่แบบโดดเดี่ยวจะมีความสุขได้ยังไงล่ะ
ลัลนานั่งทานมื้อเช้าคนเดียวในห้องรับประทานอาหาร เธอกับคริษฐ์ไม่ได้อยู่บ้านกับแม่และน้องสาวของเขา ทั้งสองอยู่บ้านอีกหลังแต่อยู่ในไร่เดียวกัน หากจะไปยังบ้านอีกหลังก็ต้องนั่งรถไป เพราะระยะทางห่างจากเรือนหอของเธอประมาณสามกิโลเมตร
แม่บ้านวัยกลางคนมองดูนายหญิงของบ้านนั่งทานมื้อเช้าคนเดียวเหงาๆ ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยก็พากันสงสาร และก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนกันแน่ ทำไมเจ้าบ่าวออกไปกลางดึกและจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา
“นาอิ่มแล้วค่ะน้าแจ่ม” เธอบอกแม่บ้านประจำบ้าน
“ไม่อร่อยเหรอคะ ทำไมทานนิดเดียวเองคะคุณนา” แจ่มถามเมื่อเดินมาเห็นข้าวต้มยังเหลือเต็มชาม
“นาไม่ค่อยหิวค่ะ น้าแจ่มเก็บโต๊ะเลยนะคะ เดี๋ยวนาจะไปบ้านใหญ่หาคุณแม่ค่ะ น้าแจ่มบอกน้าชัดไปส่งนาด้วยนะคะ เดี๋ยวนาขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนค่ะ”
“ได้ค่ะคุณนา”
“ขอบคุณนะคะน้าแจ่ม” แล้วลัลนาก็ลุกจากเก้าอี้เดินออกจากห้องรับประทานอาหาร
ส่วนแจ่มก็ได้แต่มองตามหลังนายหญิงด้วยความสงสารและเห็นใจ เพิ่งแต่งงานกันแท้ๆ แต่เจ้าบ่าวกลับออกไปจากห้องหอตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน เดาว่าคงไม่พ้นเรื่องเจติยาอีกเหมือนเดิมที่ทำให้ออกไปกลางดึก เพราะนางกับสามีรู้ดีว่าไม่มีเรื่องอะไรทำให้คริษฐ์ร้อนใจได้เท่าเรื่องของอดีตแฟนสาวอีกแล้ว ก่อนงานแต่งงานเจติยาก็ไปกระโดดน้ำตายแล้วครั้งหนึ่ง คนงานทุกคนในไร่ต่างรู้ดีว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันยังไง สงสารก็แต่ลัลนาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่ต้องมารับรู้และเจ็บปวดกับการกระทำของนายตนกับผู้หญิงอีกคน
จักษ์และลีลายังไม่ทันกลับกรุงเทพฯ ยังคงพักอยู่บ้านไร่ของเพื่อนรัก และสร้อยกับคนางค์ลูกสาวก็ต้อนรับเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่มาเยี่ยม แต่ครั้งนี้ทั้งสองครอบครัวเป็นทองแผ่นเดียวกันจึงไม่ถือว่าเป็นแขกแล้วตอนนี้ หลังจากทานมื้อเช้า จักษ์กับลีลาก็ต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ ด้วยที่บริษัทมีงานด่วนเข้ามาจึงไม่ได้อยู่พักผ่อนต่อ
“เดี๋ยวงานที่กรุงเทพเสร็จ พี่จะพาลีลามาพักผ่อนให้สร้อยหายคิดถึง” จักษ์เอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทของภรรยา
“ค่ะพี่จักษ์ ขอบคุณนะคะที่คิดถึงกัน ถ้าวันนี้พี่คงยังอยู่คงจะดีมาก” สร้อยเอ่ยถึงสามีที่จากไปของตน
“คงเขาไปสบายแล้ว ตอนนี้คงมองดูพวกเราอย่างมีความสุขที่พวกเราทำให้ความต้องการของคงเป็นจริง” จักษ์เอ่ย
“นั่นสิสร้อย วันนี้เราสองครอบครัวเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนะ เดี๋ยวงานพี่จักษ์เสร็จ ฉันจะให้พี่จักษ์พามาหาอีกนะ ฝากดูแลยัยนาด้วยนะสร้อย” ลีลาเอ่ยกับเพื่อนพร้อมฝากฝังลูกสาวตนกับเพื่อนรัก
“ฝากอะไรกัน หนูนาเป็นลูกสาวฉันแล้วนะเธอ ไปเถอะเดี๋ยวออกสายกว่านี้จะถึงช้าได้”
