บท
ตั้งค่า

พันธะรักเมียแต่ง - 1

ทันทีที่พิธีแต่งงานและจดทะเบียนส่งตัวเข้าหอเสร็จสรรพ เจ้าบ่าวก็หายตัวไปจากบ้านไม่มีใครติดต่อได้ แล้วเธอควรรู้สึกยังไงทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันสำคัญของตนและเขา แต่เขากลับไม่อยู่หายตัวออกไปจากห้องหอทันทีเมื่อพ่อกับแม่ส่งตัวให้พรเสร็จ เขาก็คุยโทรศัพท์แล้วออกไปทันทีด้วยความเร่งรีบไม่พูดจากับเธอสักคำว่าจะไปไหน มีเรื่องอะไรด่วนกว่าคืนแรกของการแต่งงานอีกล่ะ และใครกันที่โทรมาหาเขา

ลัลนา มากมีทรัพย์ หรือนา วัย 26 ปี วันนี้เธอได้ทำการเปลี่ยนนามสกุลมาใช้ของสามีเป็นธรรมวิเศษ สามีของเธอก็คือนายคริษฐ์ ธรรมวิเศษ วัย 33 ปี ทายาทคนโตของไร่องุ่นธรรมวิเศษ พ่อกับแม่ของเธอและพ่อกับแม่ของเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนและให้คำมั่นสัญญากันว่าหากมีลูกสาวลูกชายจักให้แต่งงานกัน ซึ่งตอนนี้เธอกับเขาก็ได้แต่งงานกันตามคำมั่นสัญญาของพวกท่านแล้ว แม้วันนี้พ่อของคริษฐ์จะไม่อยู่แล้วก็ตาม จริงอยู่เขาไม่ได้ ‘รัก’ เธอ แต่สำหรับเธอแล้วมันคือความ ‘รัก’ เป็นรักแรกเจอและเป็นความรักในเงามาตลอด 10 กว่าปีแล้วก็ว่าได้

“นาไม่ควรคาดหวังไปมากกว่านี้ใช่ไหมคะคุณคริษฐ์” เธอพึมพำกับตัวเองพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่มที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดง สีชมพูและขาวปะปนกันเป็นรูปหัวใจสองดวงบนเตียง

“นารู้แต่แรกแล้วว่าคุณคริษฐ์ไม่รู้สึกอะไรกับนา กลับ ‘เกลียด’ นาเสียด้วยซ้ำที่ตกลงแต่งงานกับคุณ” เธออยากเข้มแข็งแต่ก็ยากเหลือเกิน มือน้อยยกมือขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลรินอาบเปื้อนแก้มแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินไปผลัดเปลี่ยนชุดอาบน้ำนอนในคืนเข้าหอที่ไร้เงาเจ้าบ่าวร่วมเตียงด้วย

คริษฐ์นั่งเฝ้ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินรอจนเจ้าหน้าที่เปิดประตูออกมาแล้วคุณหมอก็บอกว่าคนที่ถูกส่งตัวมานั้นปลอดภัยแล้วเขาก็โล่งอก เขารีบวิ่งไปเกาะขอบเตียงที่เจ้าหน้าที่เข็นออกมาจากห้องแล้วเดินตามไปยังห้องพักฟื้นโดยมีญาติของหญิงสาวเดินตามไปด้วย

“ขอโทษที่น้าโทรไปรบกวนคริษฐ์นะลูก แต่น้าไม่รู้จะโทรหาใครแล้ว น้ากลัว กลัวมากตอนเข้าไปในห้องเห็นยายแจนน้ำลายฟูมปาก” นางบอกชายหนุ่มเสียงสั่นเครือ

“ไม่เป็นไรหรอกครับน้านิ่ม น้านิ่มคิดถูกแล้วที่โทรหาผม ที่น้องแจนเป็นแบบนี้ก็เพราะผม ดีที่เราพามาล้างท้องทัน” เขาบอกท่าน

“น้าขอโทษคริษฐ์อีกครั้งนะลูกที่รบกวนวันสำคัญของเราแบบนี้ แล้วตอนออกมาเจ้าสาวของคริษฐ์ไม่โกรธเหรอลูก”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ตอนนี้คนที่เราต้องห่วงคือน้องแจนมากกว่า” เขาจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลและที่พักให้เจติยาทุกอย่าง เจติยาเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทของเขา แต่ว่าเพื่อนสนิทได้จากไปเมื่อแปดปีก่อน เขาจึงรับอาสาดูแลครอบครัวของเพื่อนต่อ ให้บ้านพักและให้อาชีพกับสองแม่ลูกและส่งเจติยาเรียนจนตอนนี้เรียนจบบัญชีมาช่วยงานที่ไร่องุ่นของตนเอง

“ขอบคุณคริษฐ์มากนะลูกที่ดีกับเราสองแม่ลูก”

“น้านิ่มกับน้องแจนเป็นครอบครัวของผมเหมือนกันนะครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมจะดูแลน้านิ่มกับน้องแจนเอง ผมสัญญากับไอ้เชนยังไง ผมก็จะทำแบบนั้นครับ จนกว่าน้านิ่มกับน้องแจนจะไม่ต้องการผมแล้ว” เขาบอกท่าน

“คริษฐ์กลับบ้านเถอะลูก ทางนี้น้าจัดการเอง”

เมื่อมาถึงห้องพักฟื้น นางก็เอ่ยบอก ส่วนเจ้าหน้าที่พอย้ายผู้ป่วยนอนบนเตียงเสร็จก็พากันออกไปจากห้อง

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะอยู่กับน้านิ่ม รอจนกว่าน้องแจนจะตื่น” เขายังไม่อยากกลับไปเจอหน้าเจ้าสาว ไม่อยากกลับไปอยู่ในห้องที่น่าอึดอัดนั้น

“งั้นก็ตามสบายเถอะ” แล้วนางก็มองดูลูกสาวที่หลับสนิทบนเตียงแล้วมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียงลูกสาว หากว่าคริษฐ์ไม่แต่งงานตามคำสั่งเสียของพ่อที่จากไป คนที่เป็นเจ้าสาวของชายหนุ่มในวันนี้คงเป็นลูกสาวนาง เพราะคริษฐ์กับเจติยาคบหากันมาได้ห้าปี แต่ทุกอย่างมันต้องจบลงเมื่อก่อนพ่อของคริษฐ์จากไปนั้นได้สั่งเสียไว้และคริษฐ์ก็รับปากจะทำตาม และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เจติยาคิดสั้นในวันนี้ เพราะยอมรับความจริงไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel