บท
ตั้งค่า

บทที่ ๕ ขอโทษจากใจ 1

นราภัทรมาปรากฏกายนั่งอยู่ตรงหน้านรินธรกับเอลิซ่า หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว สีหน้าซีดเซียวและแววตาหม่นเศร้าทำให้สองสาวลอบสบตากันด้วยความประหลาดใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาชายหนุ่มไม่เคยมีสภาพแบบนี้มาก่อน ต่อให้มีปัญหาเรื่องงานหรือต้องวุ่นวายเพราะเรื่องผู้หญิงสักแค่ไหน เขาก็จะใช้ชีวิตอย่างปกติ มีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้าแทบจะตลอดเวลาเสมอ

“เป็นอะไรไปเคียว วันนี้สีหน้าเคียวดูไม่ค่อยดีเลยนะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เอลิซ่าถามขึ้นในฐานะเพื่อนสนิท แต่นราภัทรยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่เช่นเดิม เขาไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าเธอพูดด้วย

“เคียว...เป็นอะไรไปเหรอเคียว!” เอลิซ่าถามซ้ำเสียงดัง

“ว่าไงนะแอล” คนนั่งเหม่อสะดุ้งเล็กน้อย แล้วรีบหันมาถาม

“แอลถามว่าเคียวเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมถึงทำหน้าแบบนี้”

“เปล่าหรอก ผมแค่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ สงสัยเมื่อคืนจะดื่มหนักเกินไป” นราภัทรแก้ตัวพร้อมกับหลุบเปลือกตาลงต่ำ มือหนาบีบเข้าหากันแน่นโดยที่สองสาวเองก็สังเกตเห็น

นรินธรเห็นอาการคล้ายคนกำลังคิดหนักของนราภัทร จึงรู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เขาตั้งใจจะปิดบังเหมือนทุกครั้ง ความรู้สึกน้อยใจที่พี่ชายไม่ยอมปริปากบอกอะไรเวลาที่มีเรื่อง ทำให้หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายทวงถามขึ้นมาเสียเอง

“พี่เคียวคะ ไหนสัญญาแล้วไงว่าถ้ามีปัญหาอะไรจะบอกมิกิก่อนเสมอ แล้วไอ้อาการซึมเศร้าอย่างกับถูกพรากของสำคัญหรือใครตายจากเนี่ย มันเพราะอะไรกันคะ!”

คนเป็นน้องสาวถามเสียงห้วนอย่างเหลืออด ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาฟังดูรุนแรงจนทำให้นราภัทรชะงักนิ่ง ก่อนที่ร่างสูงกำยำจะลุกพรวดขึ้นยืนตระหง่าน มือทั้งสองข้างกำแน่น สายตาจ้องมองอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ใช่! ที่ฉันนั่งเสียใจก็เพราะเสียของรักอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ ในเมื่อรู้แล้วว่าฉันกำลังมีปัญหา เธอก็หัดสงบปากสงบคำเลิกพูดแทงใจดำฉันได้แล้วมิกิ แค่นี้ฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้ว เลิกนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กสามขวบเสียที มันน่ารำคาญมากนะรู้ไหม!” นราภัทรตะคอกลั่นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน สีหน้าและแววตาไม่มีเค้าล้อเล่นใดๆ

“เป็นอะไรไปเคียว ทำไมต้องว่าน้องแบบนั้นด้วยละ มันไม่แรงเกินไปหน่อยเหรอ” เอลิซ่าที่นั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ พูดแทรกขึ้น แต่แล้วเธอก็ต้องนิ่งเงียบหนักยิ่งกว่าเดิมอีก

“อย่าเอาใจกันให้มากนักเลยแอล ที่ฉันพูดน่ะมันถูกทุกอย่างนั่นแหละ มิกิไม่ได้เป็นเด็กอีกแล้วนะ ควรจะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว” นราภัทรหันมาบอกกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงเดียวกัน ก่อนจะเดินหนีขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นบนทันที

นรินธรนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะปล่อยหยาดน้ำตาให้รินไหลรดแก้มนวล ทั้งเสียใจที่ถูกดุและเป็นห่วงในท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่ชาย ตลอดเวลาที่ผ่านมา นราภัทรไม่เคยโมโหร้ายและพูดจาแข็งกร้าวกับเธอเลยสักครั้ง แต่อะไรกันที่ทำให้พี่ชายของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้รวดเร็วถึงขนาดนี้

เอลิซ่าเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จึงโทรศัพท์ไปตามคิรานนท์ บอกให้รีบมาที่บ้านบารมีไพศาลกุลโดยด่วน ระหว่างที่รอเขามาตามมาสมทบที่นี่ เธอก็ทำได้แค่เพียงปลอบใจหญิงสาวรุ่นน้องเท่านั้น นรินธรนิ่งเงียบไม่พูดจา นอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาด้วยความเสียใจ

นานพอสมควรกว่าคิรานนท์จะมาถึงบ้านบารมีไพศาลกุลพร้อมกับอาณัติ ชายหนุ่มทั้งสองพาร่างสูงโปร่งตรงรี่เข้าไปหาสองสาวในห้องโถงใหญ่ทันทีที่มาถึง

“มิกิเป็นอะไรไปแอล” อาณัติถามเอลิซ่า เมื่อเห็นใบหน้าหวานสวยของนรินธรเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“ก็เคียวน่ะสิชิน วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรถึงได้อารมณ์ร้ายนัก อยู่ดีๆ ก็ตะคอกน้องจนร้องไห้อย่างที่เห็นนี่แหละ ทำไมกลายคนเป็นคนไม่มีเหตุผลไปได้ก็ไม่รู้” เอลิซ่าอธิบาย ก่อนจะหันไปมองหน้าหญิงสาวรุ่นน้อง ซึ่งตอนนี้ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่อย่างเดิม แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้หนักเหมือนตอนแรกแล้ว

“อย่าเพิ่งไปว่าอะไรเคียวนักเลยแอล แค่เรื่องบางเรื่องที่ต้องพบเจอในตอนนี้ก็ทำให้มันกลุ้มใจจะตายอยู่แล้วนะ” คิรานนท์พูดขึ้นบ้าง เพราะไม่อยากให้นรินธรกับเอลิซ่าเข้าใจว่านราภัทรทำแบบนั้นลงไปเพราะขาดเหตุผล

นรินธรเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนรักของพี่ชาย เพราะรู้สึกแปลกใจในคำพูดของเขา หญิงสาวยกมือบางปาดน้ำตาบนแก้มนวล ก่อนจะเอ่ยถามคิรานนท์ถึงปัญหาที่แท้จริงของนราภัทร

“มันเกิดอะไรขึ้นกันคะพี่คริส” น้ำเสียงของเธอฟังดูเศร้าสร้อย จนอาณัตินึกอยากจะเข้าไปโอบกอดปลอบโยนเสียเต็มประดา แต่ก็ติดอยู่ที่ว่าตัวเขาเองก็คงจะถูกโยนออกไปเหมือนกัน หากทำอย่างนั้นกับเธอ

“เอ่อ พี่ว่า...” คิรานนท์อึกอัก หันไปสบตาอาณัติอย่างลังเล

“แกไม่ต้องพูดหรอกคริส เดี๋ยวฉันจัดการเอง” อาณัติตัดสินใจว่าจะเป็นฝ่ายบอกความจริงเอง เขาถอนหายใจหนักหน่วง เมื่อนึกถึงเรื่องที่นราภัทรกำลังเผชิญอยู่ แต่การปิดบังทุกอย่างไม่ให้นรินธรรู้ มันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างน่าอดสู จึงถูกถ่ายทอดให้สองสาวฟังโดยละเอียด

นรินธรได้ยินทุกอย่างก็ถึงกับเกิดอาการหน้าซีดตัวเกร็ง หยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากขอบตาอีกครั้ง เพราะเพิ่งเข้าใจว่านราภัทรกำลังรู้สึกย่ำแย่แค่ไหน แค่ถูกดุยังน้อยเกินไป หากเทียบกับการที่เธอพูดจาซ้ำเติมเขาให้ยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม แม้จะเป็นเพราะความไม่รู้ก็ตาม

เอลิซ่าเองก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากอาณัติไม่แพ้นรินธร เธอรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยที่ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างนราภัทร ใช้วิธีร้ายกาจแบบนั้นเพื่อยึดอิสรภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง

กระนั้นก็ยังอดอิจฉาอนันตญาไม่ได้ ที่มีความสำคัญกับนราภัทรมากจนถึงขั้นต้องวางแผนแย่งชิงมาครอบครอง เอลิซ่ายิ้มกับตัวเองอย่างโล่งอก นึกดีใจที่ได้รู้ว่าเรื่องนี้เข้าก่อนที่เธอจะหลงรักเขาจนหมดหัวใจ

“พี่เคียวทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องฆ่าตัวตาย...จริงเหรอคะ” นรินธรถามซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าอาณัติกับคิรานนท์คงไม่เอาเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้มาล้อเล่นแน่

“ทุกอย่างเป็นอย่างที่ชินบอกนั่นแหละครับมิกิ พวกพี่ไม่กล้าโกหกหรอก เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะเอามาพูดเล่นกันได้ พี่ยืนยันว่าเรื่องที่ชินพูดเป็นความจริงครับ” คำยืนยันของคิรานนท์ทำให้คนฟังยิ่งใจหาย

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีละ”

เอลิซ่าเอ่ยแทรกขึ้น หลังจากที่นั่งนิ่งเงียบ บอกตัวเองให้พยายามตัดใจจากนราภัทรเสียโดยเร็ว ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่มีวันเห็นเธอเป็นมากกว่าเพื่อนได้อย่างแน่นอน

ไม่ว่าจะมีอนันตญาอยู่หรือไม่ก็ตาม...

บางทีการหันกลับไปพิจารณาคนที่เฝ้าเอาใจและแคร์ความรู้สึกของเธออย่างคิรานนท์ อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่ารู้สึกอย่างไร มีเพียงเอลิซ่าเท่านั้นที่พยายามปิดหูปิดตาตัวเองออกจากความเป็นจริง

“เรื่องนี้ปล่อยให้มิกิจัดการเองเถอะนะคะ” หญิงสาวบอกเป็นเชิงขออนุญาต เมื่อเห็นทุกคนไม่ขัดข้อง ร่างบอบบางจึงพาตัวเองเดินตามพี่ชายขึ้นไปที่ห้องทำงานทันที คิรานนท์ขยับจะลุกตามไป แต่มือเรียวสวยของเอลิซ่ารั้งแขนกำยำไว้เสียก่อน

“อย่าไปเลยคริส แอลว่าปล่อยให้พี่น้องเขาจัดการกันเองดีกว่า”

“แต่ว่า...”เขาลังเล

“เคียวไม่ทำอะไรมิกิหรอกน่า คริสนั่งอยู่กับแอลน่ะดีแล้ว”

คิรานนท์พยักหน้าเห็นด้วยอย่างว่าง่าย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเช่นเดิม ปั้นหน้านิ่งขรึมราบเรียบ แต่ความจริงข้างในกำลังลิงโลดด้วยความตื่นเต้นดีใจ เหมือนคนไม่เคยมีความรักมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

แค่เอลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและสัมผัสแขนอย่างไม่รังเกียจ ชายหนุ่มก็คิดไปไกลว่าอีกไม่นานคงจะได้หัวใจเธอมาครองอย่างที่ใฝ่ฝัน ขอเพียงแค่เธอให้โอกาสเขา เขาก็จะยอมอำลาจากตำแหน่งคาสโนว่าอย่างไม่เกี่ยงงอน เพื่อให้คนสวยตรงหน้าเลิกดูถูกความเจ้าชู้ชีกอเสียที

แม้จะไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก แต่อาณัติเองก็อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักทั้งสองคงลงรอยกันได้เสียที ต่างจากตัวเขาที่ความหวังริบหรี่ ไม่ว่าจะทุ่มสุดตัวอย่างไร นรินธรก็คงไม่ยอมหันมาสนใจได้แน่

นรินธรเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องทำงานของพี่ชาย แต่ก็ยังไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป หญิงสาวนึกทบทวนถึงสิ่งที่ได้ยินจากอาณัติอีกครั้ง ขณะที่มือบางจับอยู่ที่ลูกบิดประตูอย่างลังเล สุดท้ายแล้วความอึดอัดใจก็ทำให้เลือกที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม มากกว่าที่จะหันหลังกลับไปโดยไม่ได้พูดคุยกัน

เมื่อเข้ามาหยุดยืนอยู่ภายในห้องแล้ว นรินธรจึงสังเกตเห็นว่าพี่ชายของเธอกำลังนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ทำงาน สายตาของเขาจ้องมองออกนอกหน้าต่างบานใสไปที่ทิศทางใด นรินธรเองก็ไม่อาจรู้ได้

เจ้าของร่างบางก้าวเท้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จริงอย่างที่นราภัทรพูด บางทีเธอก็ควรทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่เสียที อย่างน้อยก็เพื่อให้พี่ชายได้มีที่ปรึกษายามทุกข์ใจบ้าง

“พี่เคียวคะ...” คำพูดที่ตั้งใจไว้ไม่อาจหลุดลอดออกจากริมฝีปากได้ เมื่อนราภัทรลุกขึ้นช้าๆ แล้วหันมาส่งยิ้มไร้ชีวิตชีวาให้ ดวงตาคมปลาบเวลานี้แดงก่ำจากการร้องไห้

รอยยิ้มขมขื่นของพี่ชายทำให้นรินธรสุดแสนจะเจ็บปวด มันช่างดูเยือกเย็นและเศร้าสร้อยเหลือเกิน ร่างบอบบางถลาเข้าไปสวมกอดพี่ชายไว้แน่น ร้องไห้ระบายความอัดอั้นอยู่ตรงอกกว้างกำยำนั้น

“พี่เคียวคะ มิกิขอโทษ มิกิเข้าใจพี่เคียวแล้ว ฮือๆ...อย่าโกรธมิกิเลยนะคะ” นรินธรบอกด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ตัวสั่นเทิ้มอย่างหนักจากการร้องไห้ นราภัทรจึงกอดกระชับร่างแน่งน้อยให้แน่นขึ้น

“พี่เองก็ต้องขอโทษนะมิกิ ถึงจะแย่แค่ไหน แต่พี่ก็ไม่น่าพูด...” นราภัทรไม่อาจพูดต่อไปได้อีก เมื่อผู้เป็นน้องสาวยกนิ้วเรียวยาวขึ้นแตะที่ริมฝีปากเป็นเชิงห้าม

“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ ถ้ามิกิมีเหตุผลพอ พี่เคียวก็คงไม่โกรธ”

“พี่ไม่ได้โกรธ ไม่เคยโกรธ เพียงแต่...” ชายหนุ่มพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบไปอีก ตอนนี้เขากำลังสับสนมากเหลือเกิน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรพูดกับน้องสาวของตัวเองอย่างไรดี

“มิกิเข้าใจค่ะ ทุกคนบอกมิกิเรื่องคุณอนันตญาแล้ว” คำพูดของหญิงสาวทำให้เขาชะงัก จ้องมองใบหน้าหวานใสด้วยความตกใจ ในขณะที่ภาพของอนันตญาก็ผุดขึ้นมาตอกย้ำความรู้สึกของเขาอีกครั้ง

“พี่เสียใจ...เสียใจมากเหลือเกิน” นรินธรร้องไห้หนักขึ้นไปอีก เมื่อเห็นพี่ชายปล่อยหยาดน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา โดยไม่คิดว่าเป็นเรื่องน่าอายแต่อย่างใด

เธอจำได้ดีว่าน้ำตาของนราภัทรนั้น ไม่เคยมีให้เห็นอีกเลย หลังจากที่บุพการีทั้งสองจากไป แต่ตอนนี้เธอกำลังได้เห็นมันอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้อยากเห็นเลยสักนิด ชายหนุ่มคงไม่รู้ตัวเลยกระมังว่าความทุกข์ทนของเขา กำลังทำให้เธอรู้สึกทรมานใจมากแค่ไหน

ในเวลานี้นราภัทรกำลังเสียน้ำตาให้กับความผิดพลาดของตัวเองอย่างน่าเวทนาที่สุด แววตาของเขาฉายแววเจ็บปวดชัดเจน ถ้าหากนรินธรพอจะช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของพี่ชายเอาไว้ได้บ้าง เธอก็ยินดีที่จะทำอย่างเต็มความสามารถ

วงแขนแข็งแรงกอดกระชับรัดร่างบางให้แน่นขึ้น อย่างน้อยการมีน้องสาวคนนี้อยู่ข้างกายก็ทำให้เขาอ้างว้างและโดดเดี่ยวน้อยลง สองพี่น้องคนกอดกันร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แต่เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ทำให้ทั้งคู่จำต้องผละจากกัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา นรินธรเองก็ทำเช่นเดียวกัน

“ขอโทษที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะนะ แต่ฉันว่าพวกเราควรไปหาคุณอนันตญากันได้แล้วละ มันถึงเวลาแล้ว” อาณัติบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริงทันทีที่เปิดประตูเข้ามา

ถึงแม้ภาพที่บังเอิญเห็นเข้าจะทำให้เกิดความสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนส่งยิ้มให้สองพี่น้องตรงหน้า ไม่อยากให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นอีก นรินธรยิ้มบางให้อาณัติ แล้วหันมามองพี่ชาย

“ไปค่ะพี่เคียว ไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆ นะคะ เราจะได้ไปหาคุณอนันตญาด้วยกัน”

นราภัทรพยายามฝืนยิ้มให้น้องสาว ยกมือขึ้นโยกศีรษะได้รูปอย่างเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวลงจุมพิตที่หน้าผากมนอย่างแสนรัก คนเป็นน้องสาวเองก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มพี่ชายด้วยเช่นกัน

“เดี๋ยวพี่จะแต่งตัวให้หล่อกว่าไอ้ชินเลย คอยดูสิ” นราภัทรพยายามพูดจาให้ดูเหมือนเป็นปกติที่สุด แต่นรินธรรู้ดีว่าเขาแค่ฝืนใจทำเพื่อความสบายใจของเธอเท่านั้น

นราภัทรอดใจหายไม่ได้ เมื่อเห็นดวงตาแดงช้ำของน้องสาว มันเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนให้รู้ว่าเขาจะต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ ไม่ควรให้ความอ่อนแอมาทำร้ายคนที่อยู่ข้างกายได้อีก

เขาจะปล่อยให้ชีวิตต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดตลอดไปไม่ได้ เพราะยังมีหน้าที่ต้องดูแลน้องสาวที่เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต เขาต้องเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะคุ้มภัยให้นรินธรได้ตลอดเวลา...

เวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็อยู่ในชุดไว้อาลัยสีดำสนิทกันเรียบร้อยถูกต้องตามกาลเทศะ อาณัติอาสารับทำหน้าที่สารถีเอง เพราะไม่อยากให้นราภัทรต้องเป็นคนขับรถ เขาเกรงว่าความเหนื่อยล้าของเพื่อนหนุ่มจะทำให้เกิดเหตุไม่ดีขึ้นอีก

นราภัทรยิ้มให้อาณัติแทนคำขอบคุณ ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปพร้อมกับนรินธร หญิงสาวจับมือหนาไว้ตลอดเวลาเพื่อให้รับรู้ว่าจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ

รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในงานศพที่จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ด้วยความตั้งใจจริงของนราภัทรกับเหล่าเพื่อนสนิท เมื่อชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถ สายตาก็ชำเลืองมองไปยังรูปถ่ายของอนันตญาที่ตั้งไว้หน้าศพเป็นอันดับแรก 

คนที่มาร่วมงานฌาปนกิจศพของอนันตญาก็มีแค่คนในวงการนางแบบและบรรดาไฮโซบางกลุ่มเท่านั้น เพราะหญิงสาวเองก็ไม่ได้มีญาติที่ไหน มีเพียงแค่ผู้จัดการหนุ่มหน้าเข้มคนนั้นกระมังที่ เธอสนิทสนมและไปไหนมาไหนด้วยตลอด

นราภัทรพยายามเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินเข้าไปภายในศาลาพักศพอย่างช้าๆ คิรานนท์และเอลิซ่าก็ขอแยกตัวไปต้อนรับบรรดาแขกเหรื่อที่เริ่มทยอยกันมาเป็นระยะ นรินธรตั้งท่าจะเดินหลังตามพี่ชายไป แต่อาณัติรั้งไว้พร้อมชี้แจงเหตุผล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel