พันธะรักกับดักอสูร

102.0K · จบแล้ว
อินทุภา
28
บท
848
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“แกปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า...ปล่อยสิ!” อนันตญาดิ้นพล่าน สองมือเล็กรัวกำปันใส่แผ่นหลังกว้างของคนฉวยโอกาสชนิดไม่ยั้งมือ “คุณหาเรื่องเองแท้ๆ เลยนะ!” นราภัทรสบถฉุนเฉียว เหวี่ยงร่างบอบบางลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่ปราณี ก่อนจะทาบทับร่างกำยำตามลงมาแนบชิดติดผิวเนื้อนวลของคนที่ดิ้นรนอยู่ใต้ร่าง เวลานี้บาดแผลเล็กน้อยที่ได้รับไม่ได้ทำให้เขาสนใจมันไปมากกว่าเธอได้เลย

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันพระเอกเก่งสัญญาทางรัก

บทที่ ๑ ประทับใจเมื่อได้พบ

ภายในโรงแรมชื่อดังหรูหราระดับประเทศ บรรดาสาวไฮโซทั้งหลายกำลังประชันความงามละลานตาอยู่บนเวทีกันอย่างเต็มความสามารถ เพราะต่างก็ต้องการได้เข้าร่วมเดินแบบเพชรมูลค่ากว่าพันล้านที่ Diamond Group แต่ดูเหมือนร่างที่ดูโดดเด่นเย้ายวนที่สุดบนเวที คงหนีไม่พ้นนางแบบสาวหน้าใหม่วัยยี่สิบห้าปีที่กำลังเป็นที่ฮือฮาของบรรดานักธุรกิจน้อยใหญ่

อนันตญา ณัฐพันธ์วณิชย์ หรือที่มักถูกเรียกขานกันจนติดปากว่า ‘บาร์บี้’ ซึ่งก็เป็นชื่อที่มาจากรูปลักษณ์อันสวยหวานราวกับตุ๊กตามีชีวิตนั่นเอง

ถึงแม้ว่าเธอจะก้าวเข้าสู่วงการนางแบบได้เพียงไม่นาน รวมทั้งยังไม่ได้โด่งดังอะไรมากมายนัก แต่ความมีพรสวรรค์ของเธอก็ทำให้ใครหลายๆ คนนึกชื่นชมได้ไม่ยาก

เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นอีกระลอก เมื่ออนันตญาเดินออกมาด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างาม ภาพลักษณ์ที่งดงามราวกับเจ้าหญิงนั้นตรึงสายตาคมกล้าคู่หนึ่งให้จับจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง สีหน้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่ากำลังสนอกสนใจนางแบบคนนี้เอาอย่างมาก แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาแทบจะตลอดเวลา แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ทันสังเกต ไม่แม้แต่จะมองตอบด้วยซ้ำ

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ บัดนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วที่เราจะประกาศรายชื่อ Queen of diamond เพื่อมาเป็นเกียรติในการร่วมเดินแบบเพชรมูลค่ากว่าพันล้านบาทที่บริษัทเพชรยักษ์ใหญ่อย่าง Diamond Group ครับ” เมื่อพิธีกรหนุ่มกล่าวจบก็ตามมาด้วยเสียงฮือฮาของบรรดาไฮโซทันที เหล่านางแบบสาวสวยทุกคนได้ออกมาเฉิดฉายความงามพร้อมกันอีกครั้งเพื่อรอลุ้นการตัดสิน

“และผมใคร่ขอเรียนเชิญ คุณนราภัทร บารมีไพศาลกุล ประธานการเดินแบบในครั้งนี้ขึ้นมามอบตำแหน่ง Queen of diamond บนเวทีด้วยครับ ขอเรียนเชิญครับ” พิธีกรหนุ่มคนเดิมทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง

ไม่นานร่างสูงสง่าในชุดสูทที่เข้มก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคายฉาบด้วยรอยยิ้มเจ้าสเน่ห์ชวนมอง นราภัทร บารมีไพศาลกุล นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นชื่อดังวัยยี่สิบแปดปีที่พ่วงตำแหน่งสุดยอดเพล์ยบอยของประเทศ

เขาพาร่างสูงโปร่งเกินมาตรฐานชายไทยขึ้นสู่เวทีเพื่อเตรียมมอบตำแหน่งสำคัญ ท่ามกลางเสียงปรบมือและกรี๊ดกราดของสาวๆ ที่ดังขึ้นเป็นระยะ

“สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ผม...นราภัทร บารมีไพศาลกุล รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยนะครับที่ได้ร่วมงานกับนางแบบสาวสวยทุกท่านในค่ำคืนนี้” 

นราภัทรส่งสายตากรุ้มกริ่มและยากที่จะอ่านออกไปยังสุภาพสตรีที่มาร่วมงาน เล่นเอาสาวๆ น้อยใหญ่พากันแสดงท่าทีเก้อเขินอย่างมีความหวัง พิธีกรขัดจังหวะนั้นด้วยการเริ่มประกาศรายชื่อของนางแบบผู้โชคดี ผลที่ออกมาทำให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ เพราะคนที่ได้ตำแหน่งนั้นตรงกับที่ใจเขากำลังต้องการอยู่พอดี

“และนางแบบสาวสวยคนที่ได้รับตำแหน่ง Queen of diamond แห่งค่ำคืนนี้ก็คือ...คุณอนันตญา ณัฐพันธ์วณิชย์ นางแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู้วงการได้เพียงไม่นานมานี้เองครับ ยินดีด้วยนะครับ!”

เสียงปรบมือจากทุกคนดังสนั่นขึ้นทันทีที่รู้ว่าใครคือผู้ที่ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติในค่ำคืนนี้ แน่นอนว่าอนันตญายังคงถูกนางแบบรุ่นพี่และสาวสวยไฮโซหลายคน ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามเพราะความริษยาเช่นเคย

นราภัทรยิ้มกริ่ม เขาสนใจเธอมานานพอดูแล้วเหมือนกัน แต่ท่าทางถือดีและการวางตัวอย่างดีเยี่ยมของเจ้าหล่อน ทำให้ไม่มีโอกาสได้เข้าไปเสนอตัวตีสนิทมากเท่าไหร่นัก

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ตั้งปณิธานอันแรงกล้าเอาไว้แล้ว ว่าแม้จะต้องแลกด้วยอะไร...เขาก็จะเอาเธอมาเชยชมให้ได้

ครั้งแรกที่นราภัทรได้พบกับเธอในงานสังคมแห่งหนึ่ง เขาก็สรุปได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เรียกได้ว่าสวยประหารเลยทีเดียว วันนี้ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดี บวกกับโครงหน้าที่ดูโดดเด่น ริมฝีปากอิ่มทาทับด้วยลิปสติกสีชมพู ทำให้เรียวปากนั้นแลดูน่าจุมพิตยิ่งนัก เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเธอถูกเกล้าขึ้นสูง แต่ก็ไม่ลืมที่จะปล่อยปอยผมลงมาเคลียที่แผ่นหลังขาวเนียนเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเย้ายวน

ชุดเกาะอกสีขาวยาวกรอมเท้าประดับด้วยโบว์เล็กๆ สีชมพูรอบอก เมื่ออยู่ในเรือนร่างสูงเพรียวสมส่วนของหญิงสาวแล้ว มันทำให้เธอดูงดงามราวกับเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากโลกแห่งความฝัน อนันตญามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ส่งยิ้มหวานให้ด้วยความปลาบปลื้มใจ วันนี้นับว่าเป็นโอกาสดีของเขาที่จะได้เข้าใกล้ชิดเธออย่างที่หวังเอาไว้

“ยินดีด้วยนะครับ คุณบาร์บี้” นราภัทรกล่าวขึ้นอย่างสนิทสนมพร้อมกับใช้สายตาโลมเลียอย่างเปิดเผย หญิงสาวชักยิ้มไม่ออก แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าบ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ รีบยื่นมือไปรับดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ที่เขาส่ง และยอมรับโดยดุษฎีว่าชักรู้สึกอึดอัดมากขึ้น หลังจากเห็นสายตาวูบไหวของเขายังคงจับจ้องอย่างสนใจ

“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบตามมารยาท พยายามไม่ตีความหมายของสายตาเขาที่จ้องมองอย่างไม่ลดละ แต่ที่แย่กว่านั้นคือเขาไม่ยอมปล่อยมือเธอเสียที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องชักมือกลับเกือบสุดแรง แม้จะรู้ว่านั่นเป็นการเสียมารยาทก็ตาม

  นราภัทรรู้สึกขัดใจระคนแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับการกระทำนั้น การที่เธอแสดงออกว่าไม่ได้สนใจใยดีในตัวเขา เปรียบเสมือนการท้าทายอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นก็เท่ากับว่าเขาเลือกสนใจคนได้ไม่ผิดจริงๆ สาวสวยคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าค้นหามากกว่าผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักทุกคน คงเป็นเพราะเธอพยายามวิ่งหนี

ไม่ใช่วิ่งโร่เข้าหาเขาแบบผู้หญิงคนอื่น...

รอยยิ้มของนราภัทรแต้มขึ้นที่มุมปากพร้อมกับความคิดบางอย่างที่ผุดพรายขึ้นมา หลังจากเสร็จสิ้นการมอบตำแหน่งอันทรงเกียรตินั้นแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวแยกออกมาอีกทาง ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางสแล็ค แล้วมีคำสั่งให้คนของเขาเตรียมของสำคัญบางอย่างทันที

เมื่อทุกคนได้แสดงความยินดีกับอนันตญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงมีเวลาแยกตัวไปล้างหน้าล้างตา รวมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับไปที่พักผ่อนยังคอนโดมิเนียมของตัวเอง ถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงจะยิ่งอึดอัดเสียเปล่าๆ เพราะสายตาวาววับของนราภัทร เอาแต่จ้องมองอยู่แทบจะทุกอิริยาบถเลยก็ว่าได้ แล้วไหนจะสายตาเกลียดชังของนางแบบหลายคนในที่แห่งนี้อีก

สักพักใหญ่หญิงสาวในคราบนางฟ้าก็อยู่ในชุดเดรสสีชมพูหวาน ช่วยขับผิวขาวนวลผ่องให้ดูน่ามองยิ่งขึ้น ผมที่เกล้าไว้ถูกปล่อยสยายอยู่บนแผ่นหลัง

ใบหน้างามสะอาดสะอ้านและปราศจากเครื่องสำอางค์ มีเพียงแป้งฝุ่นบางเบากับลิปกลอสธรรมดาช่วยเติมเต็มเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความน่าชื่นชมในตัวเธอลดลงไปได้เลยสักนิด

อนันตญากล่าวลาบรรดาทีมงานที่เกี่ยวข้องและทุกคนในบริเวณนั้นอย่างสุภาพ ก่อนจะพาร่างกายอันอ่อนล้าเดินตรงไปยังลานจอดรถ วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากกว่าทุกวัน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะย่อท้อเลย

ความจริงแล้วอนันตญาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้มาทำงานเป็นนางแบบ เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นแค่เพียงเจ้าของห้องเสื้อเล็กๆ เท่านั้น ความจำเป็นบางอย่างทำให้เธอต้องยอมเดินเข้าสู่วงการที่มากด้วยการแข่งขันอย่างไม่มีทางเลือก

เหตุผลของความจำเป็นนั้นก็คือชีวิตของผู้ให้กำเนิดของเธอเอง...

มารดาของเธอป่วยหนักและถูกส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศได้สักพักหนึ่งแล้ว เงินที่ได้จากการตัดเย็บเสื้อผ้าไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งของเธอและมารดา เพราะแบบนี้เองจึงได้เลือกที่จะมาทำงานเป็นนางแบบทันทีที่มีคนชักชวน การเดินแบบในครั้งก่อนๆ รวมทั้งในครั้งนี้ทำให้เธอมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอีก

แม้มันอาจจะยังไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของผู้เป็นแม่ แต่อย่างน้อยการได้ทำงานที่มีผลตอบแทนมากมายแบบนี้ ถือเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความหวังที่จะยื้อชีวิตท่านให้ยาวนานขึ้นไปอีก เธอเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนใกล้จะถึงรถ แต่เสียงเรียกของใครคนหนึ่งทำให้ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ก่อน

“คุณบาร์บี้ครับ...คุณบาร์บี้!” เสียงทุ้มนุ่มหูร้องเรียกเสียงดัง หญิงสาวหันกลับมาก็พบนราภัทรกำลังเดินกึ่งวิ่งตรงมาหา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรำคาญใจ เดาไม่ออกเลยว่าเขาจะมาวุ่นวายอะไรกับเธออีก

“ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ?” อนันตญาเอ่ยถามเสียงแข็งจนเกือบจะกลายเป็นห้วน รู้สึกสงสัยอยู่บ้างที่เห็นเขาออกมาจากงานที่ตนเองเป็นประธานแบบนี้ เวลานี้เขาควรกำลังรับประทานอาหารร่วมกับบรรดานักธุรกิจรายใหญ่อยู่เสียด้วยซ้ำไป

‘เขาตามเธอมาทำไมกัน’

หญิงสาวครุ่นคิด มือเรียวกระชับกระเป๋าในมือแน่นเพื่อลดความกังวล ผู้ชายมือไวใจเร็วอย่างนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน ชายหนุ่มยิ้มพราย มองเธอด้วยสายตาจาบจ้วงที่ทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้าอย่างขุ่นเคือง

“ว่ายังไงคะ ถ้าไม่มีอะไร...ฉันคงต้องขอตัว” เมื่อพูดจบหญิงสาวก็ตั้งท่าจะหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถ ทว่าช้ากว่ามือหนาที่เอื้อมมาคว้าต้นแขนแขนกลมกลึงไว้อย่างถือวิสาสะ

เธอรีบหันกลับมาส่งสายตาเอาเรื่อง เป็นเชิงบอกให้เขาปล่อยมือเสีย ดูเหมือนชายหนุ่มเองก็รู้ได้ถึงความคิดนั้นเช่นกัน

“ขอโทษทีครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” นราภัทรกล่าวแล้วชักมือกลับไปซุกไว้ข้างในกระเป๋ากางเกง “คือ...ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยครับ คุณพอจะมีเวลาไหม ผมรบกวนไม่นานหรอก”

“ฉันคงไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณหรอกนะคะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันต้องการพักผ่อนค่ะ”

อนันตญาทำลายความหวังนั้นลงอย่างไร้เยื่อใย ทำท่าจะเดินจากไปอีกเป็นหนที่สอง คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้แตะต้องเนื้อตัวเธอ แต่ใช้คำพูดที่มีเหตุผลของเขาหยุดรั้งเธอไว้แทน

“คุณคิดว่าผมออกมาจากงานเพื่อพูดเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ?” ร่างสูงผึ่งผายยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ขณะที่อีกฝ่ายหันกลับมาหาอย่างจำใจ “ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับคุณ” เขาปรับสีหน้าให้เป็นดูกังวลเล็กน้อยเพื่อเรียกร้องความสนใจ แน่นอนว่าวิธีนี้ยังคงใช้ได้เหมือนอย่างเคย

อนันตญาเห็นใบหน้าหล่อเหลาดูไม่สู้ดีนัก จึงคิดว่าบางทีเขาอาจมีธุระสำคัญจริงๆ ก็ได้ หญิงสาวลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบตกลง แต่ถ้าจะให้ยืนคุยกันอยู่ตรงนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอก็ไม่อยากเป็นข่าวกับนักธุรกิจเนื้อหอมคนนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะนั่นอาจทำให้ไม่มีลูกค้าผู้หญิงเข้าไปสั่งชุดที่ห้องเสื้ออีกเลยก็ได้

นราภัทรพาอนันตญามาที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งที่ตกแต่งอย่างประณีตตามสไตล์ตะวันตก โต๊ะอาหารตกแต่งด้วยผ้าปูสีชมพูอ่อน เหมาะสำหรับการดินเนอร์ระหว่างคู่รัก ซึ่งมันคงไม่ใช่เธอกับเขาแน่ๆ

ชายหนุ่มเดินนำตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ได้ให้คนโทรศัพท์มาสั่งจองไว้ล่วงหน้าก่อนจะมาถึงที่นี่ หญิงสาวเดินตามหลังมาโดยทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร ทั้งสองคนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกัน เขายิ้มพอใจ แต่เธอนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ สุดท้ายเขาจึงต้องเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน

“คุณจะทานอะไรดีครับ สั่งเลยดีกว่า เดี๋ยวเราจะได้คุยธุระกัน”

“พูดธุระของคุณมาก่อนดีกว่าค่ะ ฉันยังไม่หิว” อนันตญาเร่งเร้า ใบหน้างามบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็เพราะเธอรู้สึกอ่อนเพลียและหงุดหงิดที่ต้องอยู่ใกล้เขา นี่ถ้าไม่คิดว่าอาจจะเป็นธุระสำคัญจริงๆ ละก็ เธอคงไม่ยอมมาด้วยแน่

นราภัทรฉีกยิ้มเสแสร้ง แต่ในใจกำลังมอดไหม้เป็นเถ้าธุลีจากความเย็นชาของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาสังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทางแปลกๆ แล้วก็หน้าตาบูดบึ้งตั้งแต่ตอนขึ้นรถมาแล้ว การแสดงออกพวกนั้นทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากความจริงที่ว่าเธอรังเกียจที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับเขา

อนันตญาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนคนไร้ค่า ไร้เสน่ห์ ไม่ใช่ที่น่าสนใจและโดนเหยียดหยาม ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่มานั่งเสียเวลาแบบนี้แน่ๆ

อยากรู้นักว่าถ้าหากเธอตกมาเป็นผู้หญิงของเขา แล้วถูกทิ้งเหมือนดอกไม้ริมทางที่หมดความน่าชื่นชม เธอจะทำอย่างไรต่อไป...จะวิ่งตามอ้อนวอนเหมือนที่ผู้หญิงพวกนั้นเคยทำหรือเปล่า

คนอย่างนราภัทร บารมีไพศาลกุล ไม่เคยยอมให้ใครหน้าไหนมามีอิทธิพลเหนือเขาได้อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อได้มาเจอกับผู้หญิงคนนี้ เขาก็สูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะรู้สึกพิเศษกับเธออย่างจริงจังแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้ายังไม่หิวก็ตามใจคุณแล้วกัน”

หลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ชายหนุ่มก็ดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง เขาหันไปบอกบริกรหนุ่มให้ออกไปก่อน ยอมทำตามความต้องการของเธออย่างใจเย็น ความนิ่มนวลเท่านั้นที่จะทำให้เธอพ่ายแพ้ให้แก่เขาได้

“คือ...ผมอยากจะขอถามหน่อยน่ะครับว่าคุณพอใจหรือเปล่าที่ได้ร่วมเดินแบบให้กับงานของผม” เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดวงตาจ้องมองใบหน้างดงามอย่างคาดหวังในคำตอบ

  “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ทำไมเหรอคะ?” อนันตญาย่นคิ้วชนกันอย่างไม่เข้าใจ

“ผมคิดว่าคุณเหมาะที่จะมาเป็นนางแบบประจำของบริษัทผมน่ะครับ แล้วที่ผมต้องการจะพูดกับคุณก็คือ...ผมต้องการซื้อตัวคุณด้วยราคายี่สิบล้านบาท ไม่ทราบว่าคุณจะโอเคไหมครับคุณอนันตญา” นราภัทรไม่อ้อมค้อมสักนิด สีหน้าของเขาดูก็รู้ว่าไม่ได้พูดเล่นแน่

หญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าซื้อตัว นี่เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า ถึงได้คิดจะซื้อตัวเธอเพื่อไปเดินแบบถึงยี่สิบล้านบาท

อนันตญามองหนุ่มหล่อตรงหน้าอย่างพิจารณา อันที่จริงคนระดับเขาน่าจะไปหานางแบบจากต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกกว่านี้มากเสียด้วยซ้ำ หรือถ้าต้องการเธอไปทำงานด้วย เขาก็แค่ไปติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวเสียก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นต้องเสนอเงินมากมายถึงขนาดนี้เลย

“คุณนราภัทรคะ ฉันว่ามันมากเกินไปนะคะ ที่จริงถ้าคุณต้องการนางแบบสักคนก็ไม่น่าจะให้ราคาสูงขนาดนี้ บริษัทของคุณ ใครๆ ก็อยากเข้าไปทำงานด้วยอยู่แล้วละค่ะ” หญิงสาวให้เหตุผล

“แล้วว่ายังไงละครับ คุณยินดีตอบตกลงไหม” ชายหนุ่มถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ แอบหัวเราะอยู่ในใจที่เห็นว่าสาวน้อยตาหวานคนนี้ กำลังเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ซื้อตัว’ ผิดไปในแง่ดี ความจริงเขาไม่ได้ต้องการนางแบบอะไรทั้งนั้น

สิ่งที่เขาต้องการก็คือตัวเธอต่างหาก!

อนันตญาใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก็ตอบตกลง เพราะตอนนี้มารดากำลังรอการผ่าตัดรักษาเนื้องอกในสมองอยู่ที่ประเทศอเมริกา ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็สูงมากด้วย หากเธอขืนชักช้ามัวแต่อวดดี นั่นก็เท่ากับว่าปิดโอกาสรอดของมารดาไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าโชคดีจะเข้าข้างเธอได้รวดเร็วขนาดนี้

ถ้าหากบิดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ ภาระทุกอย่างคงไม่ตกมาอยู่ที่เธอเพียงลำพังเช่นนี้ อนันตญาไม่อยากเสียมารดาไปอีกคน ถ้ามัวแต่รอให้เธอเก็บเงินได้ครบเสียก่อน อาการของผู้ให้กำเนิดที่เหลือเพียงคนเดียวจะไม่แย่ไปมากกว่านี้หรอกหรือ

“ค่ะ ฉันตกลง” หลังจากครุ่นคิดทบทวนจนแน่ใจ เธอก็ตอบตกลงทันที ในใจตอนนี้นึกถึงเพียงอาการที่เริ่มทรุดหนักของมารดา ไม่ทันได้สนใจสิ่งใด “แต่ฉันไม่ขอรับค่าตัวที่สูงขนาดนั้นหรอกนะคะ” แล้วต่อรองเขา

นราภัทรอดคิดไม่ได้ว่าเธอโง่หรือบ้ากันแน่ ถึงได้ไม่ยอมรับเงินจำนวนมหาศาลที่เขาเสนอให้อย่างหน้าใหญ่ใจโต แต่นั่นก็ทำให้ได้รู้ว่าเธอแตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นที่เคยวนเวียนเข้ามาในชีวิตเขา นอกจากจะเล่นตัวให้น่าสนใจแล้ว เธอยังไม่ได้หลงใหลในอำนาจของเงินทองอีกด้วย

“ถ้างั้นผมจะโทรให้คนของผมนำสัญญามาที่นี่เลยนะครับ ผมเตรียมไว้แล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็โทรศัพท์ไปหาคนสนิทเพื่อสั่งให้นำสัญญาที่สั่งให้ร่างไว้หลังจากที่รู้ว่าเธอได้รับรางวัล Queen of diamond มาให้โดยเร็วที่สุด

เนื่องจากมีการตระเตรียมกันเอาไว้ก่อนแล้ว เวลาผ่านไปราวสิบนาทีสัญญาฉบับสำคัญจึงมาอยู่ตรงหน้าอนันตญาอย่างรวดเร็วทันใจ มีการแก้ไขข้อตกลงนิดหน่อยว่าเงินที่ใช้ซื้อตัวเธอนั้น อยู่ที่ห้าล้านบาท ไม่ใช่ยี่สิบล้านบาทอย่างที่เขาเสนอให้ เพราะมันมากเกินกว่าจะรับได้จริงๆ

อนันตญาอ่านสัญญาที่นราภัทรยื่นมาวางตรงหน้าอย่างคร่าวๆ ก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่เลือกคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับตอนนี้ ถึงแม้หญิงสาวจะไม่ชอบท่าทีจาบจ้วงของเขาสักเท่าไหร่นัก แต่ชีวิตของมารดาก็สำคัญมากกว่าทิฐิส่วนตัว

จะว่าไปแล้วอนันตญาก็ควรต้องขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำที่ช่วยเสนอทางออกให้ในช่วงเวลาที่กำลังยากลำบาก แต่ถ้าหากหญิงสาวฉุกคิดหรือปรึกษาใครสักนิดก่อนตัดสินใจ เธอจะรู้ว่าในสัญญาฉบับนี้ระบุว่าเพียงว่าต้องการซื้อตัวเธอให้เป็นสิทธิ์ของเขาโดยสมบูรณ์เท่านั้น

แต่ไม่ได้ระบุว่าในฐานะนางแบบ...หรือฐานะใดกันแน่!