บท
ตั้งค่า

บทที่ ๔ ความผิดที่เกาะกินหัวใจ 1

ตลอดเวลาที่อนันตญารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล นราภัทรก็แวะเวียนมาเยี่ยมอยู่เสมอ แต่หลังจากที่หญิงสาวฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เหม่อลอย ไม่ยอมพูดจาใดๆ กับใครเลยสักคน แม้แต่เวลาที่คุณหมอเข้ามาสอบถามความคืบหน้าของอาการป่วย เธอก็เอาแต่นอนเงียบไม่ปริปากตอบอะไร

นราภัทรเองก็อ่อนใจ เพราะไม่ว่าจะขู่หรือพูดอย่างอ่อนโยนแค่ไหน หญิงสาวที่ตกเป็นของเขาทางพฤตินัย ก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าทุกอย่างที่อนันตญาทำในตอนนี้นั้น มันเป็นแค่การเสแสร้ง

ผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าดูไร้พิษสงใดๆ แต่ในความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น นราภัทรทำให้เธอกลายเป็นคนละคนไปเสียแล้ว ต่อไปชีวิตของอนันตญาจะมีเพียงแค่การแก้แค้นเท่านั้น เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องสั่งสอนผู้ชายใจร้ายอย่างเขาให้ทรมานบ้าง

หลังจากที่นราภัทรใช้ความพยายามบังคับให้คนป่วยรับประทานอาหารเช้าไม่สำเร็จ พ่อตัวดีก็รีบออกไปด้วยความโมโหสุดขีด อนันตญาลอบยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่แอบก้าวลงจากเตียง แล้วแง้มประตูออกไปดูว่าเขากลับไปแล้วจริงๆ หรือไม่ เมื่อเห็นร่างสูงเดินหายเข้าไปในลิฟท์ เธอจึงเดินกลับไปนั่งลงบนเตียงสีขาวสะอาดตามเดิมด้วยความโล่งอก

อนันตญาเอนกายลงนอนบนเตียงอีกครั้ง สายตาจับจ้องอยู่ที่ข้อมือ ขณะที่ภาพวันคืนอันโหดร้ายก็พร้อมใจกันผุดเข้ามาในสมอง แต่ในครั้งนี้มันไม่ได้สร้างความหวาดกลัวอะไรให้เธออีกแล้ว นอกจากเป็นสิ่งที่ช่วยย้ำเตือนให้เข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น

อนันตญาครุ่นคิดหาทางออกอยู่เงียบๆ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรโทรหาคนที่จะสามารถช่วยเหลือเธอได้ หญิงสาวยกหูโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นอย่างไม่ลังเล ก่อนจะกดเลขหมายปลายทางเพื่อติดต่อไปหาเขาคนนั้นทันที

“นี่บาร์บี้เองนะคะคุณกร” อนันตญาเอ่ยเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“คุณหายไปไหนมาตั้งหลายวันครับ ผมติดต่อคุณไม่ได้เลย”

ภาสกร ชัยวีรพล ผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างปิดไม่มิด เขาเองก็เป็นอีกคนที่แอบมีใจให้หญิงสาว ถึงได้ขอให้มารดาใช้เส้นสายที่พอมีอยู่ในสังคม ช่วยให้ตัวเองได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนของเธอ

“บาร์บี้อยากขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อยค่ะ มีบางอย่างที่บาร์บี้คงช่วยตัวเองไม่ได้” หญิงสาวไม่ตอบคำถามของเขา แต่เริ่มพูดถึงประเด็นหลักทันที

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ เมื่อหลายวันก่อนคุณนราภัทรโทรมาบอกว่าคุณเซ็นสัญญาเป็นนางแบบของเขาแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมครับ” ภาสกรจับน้ำเสียงเสร้าสลดของอีกฝ่ายได้ชัดเจน และเขาก็ไม่รีรอที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอเหมือนทุกครั้ง

“ค่ะคุณกร มีบางอย่างเกิดขึ้นกับบาร์บี้แล้วจริงๆ” อนันตญาพยายามควบคุมน้ำเสียงไว้ไม่ให้สั่นเครือ จากนั้นเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเจอมาก็ถูกถ่ายทอดอย่างละเอียดไปยังบุคคลที่เธอไว้ใจมากที่สุด น้ำตาแห่งความอดสูไหลรินรดแก้มนวลครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็หญิงสาวก็ยังคงแข็งใจเล่าต่อจนจบ

“ไม่ต้องห่วงนะบาร์บี้ ผมจะช่วยเหลือคุณเอง ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ยอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน วางใจเถอะนะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย...ทุกอย่าง” ผู้จัดการหนุ่มกล่าวย้ำหนักแน่น หัวใจปวดร้าวอย่างหนัก เพราะเสียใจที่ไม่อาจปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรักได้ บางทีถ้าคืนนั้นเขาไม่ติดธุระที่อื่น อนันตญาก็คงไม่หลงกลนราภัทรจนเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแบบนี้

เมื่อได้บอกสิ่งที่ต้องการขอความช่วยเหลือกับอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อนันตญาจึงวางหูโทรศัพท์ไป จัดการตัวเองให้พร้อมเพื่อเตรียมกลับบ้าน อย่างน้อยที่นั่นก็ยังมีคนที่รักและเป็นห่วงรอคอยอยู่ เวลาที่เหลือต่อจากนี้เธอจะใช้มันดูแลสิ่งที่มีค่าที่สุด ซึ่งนั่นก็รวมถึงการแก้แค้นที่เจ็บปวดที่สุดด้วยเช่นกัน

เจ้าของร่างบางลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ก่อนจะเปลี่ยนใส่ชุดที่นราภัทรซื้อมาทิ้งไว้ให้อย่างเสียมิได้ เพียงครู่เดียวเรือนร่างอรชรที่อยู่ในชุดกระโปรงสีขาวยาวคลุมเข่าดูน่าทะนุถนอมก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ชำระเงิน หญิงสาวจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะไม่ต้องการรับความช่วยเหลืออะไรจากผู้ชายใจร้ายอีก

เมื่อธุระทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว อนันตญาก็รีบก้าวเท้ายาวๆ มุ่งหน้าออกไปจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดทันที ยังไม่อยากปะทะกับนราภัทรโดยที่ยังไม่ถึงเวลาอันสมควร เพราะถึงอย่างไรสักวันหนึ่ง เธอก็จะต้องกลับมาพบเขาอยู่ดี

เมื่อวันนั้นมาถึง...นราภัทรจะต้องเจ็บปวดและทรมานยิ่งกว่าเธอร้อยเท่าพันเท่าเลยทีเดียว!

อนันตญาพาตัวเองมาถึงสนามบินก็เกือบใกล้เที่ยงแล้ว เธอกลับไปเก็บข้าวของที่จำเป็นนิดหน่อยสำหรับการเดินทางไปหามารดาที่อเมริกา ที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะรู้ว่าผลการผ่าตัดนั้นไม่เป็นไปตามคาด

มารดาของเธออยู่ได้อีกไม่นานตามคำวินิจฉัยของแพทย์ การผ่าตัดช่วยยื้อชีวิตได้ก็จริง ทว่าคงไม่นานนัก เนื้อร้ายนั้นสร้างความเสียหายร้ายแรงเกินกว่าที่แพทย์จะเยียวยาได้อีก

“เป็นยังไงบ้างครับ คุณจะเดินทางไหวแน่รึเปล่า” เสียงผู้จัดการแสนดีปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ สายตาคมกล้าจับจ้องไปยังข้อมือบางที่มีผ้าพันแผลปิดอยู่อย่างไม่วางตา

“แน่นอนค่ะ บาร์บี้ไหวอยู่แล้ว” อนันตญาส่งยิ้มหวาน เสียงใสมีแววหยอกล้อทั้งที่ใบหน้ายังคงซีดเซียวอยู่เหมือนเดิม

“ถ้างั้นก็รีบไปเถอะครับ ใกล้เวลาเครื่องออกแล้ว” ภาสกรเอ่ยเสียงแผ่ว สีหน้าของเขาจริงจังมากขึ้น เพราะเป็นห่วงหญิงสาวตรงหน้า จากการประเมินร่างบางอย่างคร่าวๆ ก็รู้ดีว่าเธอยังไม่หายเป็นปกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไร้เหตุผลที่จะทัดทาน เพราะเขาเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำเหมือนกัน

“ค่ะ ว่าแต่เรื่องทางนี้...” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาโบกมือห้ามเป็นเชิงบอกให้หญิงสาววางใจ

“ทางนี้ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกบาร์บี้ ผมเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ คุณดูแลตัวเองให้ดีนะครับ แล้วจำไว้ด้วยว่าความเข้มแข็งจะทำให้คุณชนะทุกสิ่ง แค่ยิ้มให้ความโชคร้ายที่ผ่านมาและทำให้มันกลายเป็นโชคดีให้ได้ ชีวิตคุณก็จะมีความสุขครับ”

อนันตญาส่งยิ้มให้ภาสกร พร้อมกับกล่าวขอบคุณที่เขายอมช่วยเหลือทุกอย่าง โดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของใคร เจ้าของร่างบางระหงโบกมือลาชายหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางไปยังประตูทางเข้า เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคยเพียงลำพัง

‘แค่ยิ้มให้ความโชคร้ายที่ผ่านมาและทำให้มันกลายเป็นโชคดีให้ได้ ชีวิตก็จะมีความสุข’

นราภัทรรู้สึกเหมือนถูกขวานคมๆ จามแสกกลางหน้า หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น เมื่อได้ยินคำพูดจากปากผู้จัดการส่วนตัวของอนันตญาอย่างชัดเจน ถึงชายหนุ่มจะถามซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คำตอบที่ได้รับก็ยังคงเป็นประโยคเดิมๆ อยู่ดี

‘อนันตญากินยาฆ่าตัวตาย หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล’

สิ่งที่เพิ่งได้ยินจากผู้จัดการหนุ่มหน้าเข้มตรงหน้า เล่นเอาเลือดในกายพลันเย็นเฉียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยแต้มยิ้มอยู่แทบตลอดเวลา ตกอยู่ในสภาพซีดเผือด ร่างสูงสั่นเทิ้มเพราะความรู้สึกที่หลากหลายเริ่มประดังประเดเข้ามาหา ทั้งสูญเสีย เศร้าใจ และรวมไปถึงความโกรธเคืองที่อนันตญาเลือกที่จะทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น

“ออกไป! ตอนนี้ผมไม่อยากจะรับฟังอะไรอีกแล้ว เชิญคุณกลับไปเถอะ” นราภัทรตวาดเสียงดังอย่างห้ามไม่อยู่ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานพร้อมกับยกมือหนาขึ้นกุมขมับ

“แต่ผมอยากจะเรียนถามอีกสักเรื่องครับ” ภาสกรยังคงทำใจกล้าถามขึ้นอีก ไม่มีความเหตุผลของเกรงกลัว เพราะนราภัทรก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรเขาอยู่แล้ว

นราภัทรเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มวัยเดียวกันแทบจะในทันที ความคุกรุ่นในแววตาของเขาจางหายไปบ้างแล้ว แต่กระนั้นมันก็ยังบ่งบอกอยู่ดีว่าเขาไม่อยากรับรู้สิ่งใดต่อไปอีก

“ในเมื่ออนันตญาตายไปแล้ว ทางเราต้องหานางแบบคนใหม่มารับหน้าที่แทนไหมครับ ผมจะได้จัดการเรื่องนางแบบและสัญญาฉบับใหม่” ภาสกรถามขึ้น

“ไม่ต้อง!” นราภัทรตะคอกอย่างไม่สบอารมณ์ จ้องตาภาสกรราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หากแต่ผู้จัดการหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้าน ยังคงยืนปั้นหน้าราบเรียบเช่นเดิม

“คุณออกไปซะ ต่อไปสัญญาฉบับนั้นถือว่าจบสิ้น ผมจะไม่เรียกร้องเงินหรือนางแบบอะไรทั้งนั้น เชิญ!” นราภัทรลุกขึ้นยืน ผายมือไล่ส่งอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจเรื่องมารยาท

ทันทีที่ลับร่างผู้จัดการหน้าตายคนนั้น ชายหนุ่มก็ทรุดกายนั่งลงที่เดิมอย่างช้าๆ น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่เคยหลั่งรินให้ใคร ถูกปล่อยออกจากดวงตาทั้งสองอย่างไม่อาจหักห้ามได้อีก

นราภัทรกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องทำงาน เพราะหวังว่าสิ่งที่รับรู้มานั้นอาจจะเป็นเพียงความฝัน แต่ว่าทุกอย่างที่สามารถสัมผัสได้รอบตัวก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องทุกอย่างคือความจริง

มันเป็นความจริงที่เขาไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิด...

ทำไมอนันตญาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ทำไมเธอถึงคิดอะไรง่ายๆแบบนั้น แต่จะว่าไปแล้วทุกอย่างก็เป็นเพราะเขาไม่ใช่หรือ เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ลงไป

เขาเป็นคนฆ่าเธออย่างเลือดเย็นเอง...

นราภัทรยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา สะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ความสับสน จากนั้นก็กดโทรศัพท์ไปหาคิรานนท์และอาณัติเพื่อบอกสถานที่ที่ต้องการนัดพบ บางทีการอยู่คนเดียวต่อไปอาจจะทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขาเละเทะไม่มีชิ้นดีก็ได้

คิรานนท์กับอาณัติมานั่งรอนราภัทรอยู่ที่ผับใหญ่ใจกลางเมืองด้วยสีหน้าติดกังวลกันทั้งคู่ หลังจากนั้นเพียงครู่หนึ่งพวกเขาก็มองเห็นร่างสูงที่มีสภาพไม่ค่อยร่าเริงเดินใกล้เข้ามา สีหน้าและแววตาเศร้าสลดของเพื่อนรัก เล่นเอาสองหนุ่มถึงกับงุนงงไปพักใหญ่เลยเหมือนกัน

“แกเป็นอะไรไปเคียว สีหน้าดูไม่ดีเลย” คิรานนท์ถามขึ้นก่อน

“จริงด้วยว่ะ มีอะไรหรือเปล่าเพื่อน” อาณัติเสริมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นราภัทรชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสั่งเหล้าชั้นดีมาดื่ม

ดวงตาคมที่ถอดแบบมาจากบิดาชาวไทยฉายแววเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนจะเริ่มพูดถึงสาเหตุที่ทำให้ตนเองรู้สึกย่ำแย่ขนาดนี้ เมื่อเล่าจบนราภัทรก็คิดว่าเพื่อนๆ คงต้องเกลียดเขามากแน่ เพราะเขาทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่น่าให้อภัย ถ้าหากคิรานนท์กับอาณัติจะโกรธเกลียด นั่นมันก็เป็นสิ่งที่สมควรจะได้รับอยู่แล้ว

“ฉันรู้นะเคียวว่าตอนนี้แกรู้สึกยังไง แต่ทางที่ดีแกควรจะเอาเวลาที่มัวมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ไปทำสิ่งที่ดีๆ ให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยก็ถือซะว่าเป็นการขอโทษเธอ” คิรานนท์แนะนำด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะมีใครได้ยินนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel