บท
ตั้งค่า

บทที่ ๓ รู้สึกผิดครั้งใหญ่

นราภัทรโทรศัพท์ให้เพื่อนสนิททั้งสองคนมาหาที่โรงพยาบาล หลังจากเห็นอนันตญาหลับสนิทไปแล้ว ความเจ็บปวดและเลือดที่ยังไหลซึมออกจากบริเวณขมับข้างขวา ก็ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจมาทำแผลที่โรงพยาบาล แต่เขาก็ไม่ได้ลืมที่จะหยิบกุญแจห้องของเธอติดมือมาด้วย

คิรานนท์ สีมาธรรมกานต์ ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาและเพอร์เฟ็กต์ คนแบบเขาเรียกได้ว่าเป็นผู้ชายในอุดมคติของผู้หญิงเลยทีเดียว เรื่องความเจ้าชู้นั้นก็ขึ้นชื่อไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

“เฮ้ย! ไอ้เคียว นั่นหัวแกไปโดนอะไรมาวะน่ะ”

คิรานนท์ถามอย่างเป็นห่วงระคนแปลกใจ เมื่อเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทในห้องทำแผล แล้วเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

คนระดับนราภัทรไม่น่าจะมีใครกล้าทำร้ายได้ถึงขนาดนี้ อีกอย่างเพื่อนของเขาก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนแน่ๆ ถึงแม้ว่าจะกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน แต่คิรานนท์ก็รู้จักนิสัยของเพื่อนรักดี

“ช่างมันเถอะน่าคริส ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก มันก็แค่...อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ จากความไม่ระวังตัวของฉันเอง เออ...แล้วนี่ชินไม่ได้มาด้วยเหรอ”

นราภัทรตัดบทแล้วเปลี่ยนเรื่อง แต่ยังไม่ทันที่คิรานนท์จะได้พูดอะไร คนที่เขาถามหาก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เป็นยังไงบ้างไอ้เพื่อนรัก ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาละนั่น” คำพูดของคนมาทีหลัง เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทั้งสองได้เป็นอย่างดี 

อาณัติ หงยะปรานันท์ เป็นชายหนุ่มอารมณ์ขันและจิตใจดีมากคนหนึ่ง ร่างสูงโปร่งกับใบหน้าที่ดูคมคายหมดจด รวมไปถึงความช่างเอาใจของเขาทำให้สาวๆ ประทับใจได้ไม่ยากนัก

แต่ก็มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็จีบไม่ติดเสียที เสียงหัวเราะของหนุ่มๆ เป็นอันต้องหยุดลง เมื่อเห็นสองสาวที่กำลังเดินตรงมาที่ห้องทำแผลมีหน้าตาไม่รับแขกกันทั้งคู่

นรินธร บารมีไพศาลกุล น้องสาวคนเดียวของนราภัทร พาร่างบอบบางสดใสมาในชุดกระโปรงคอวีสีชมพูหวาน ผมสีน้ำตาลเช่นเดียวกับดวงตาถูกปล่อยทิ้งไว้กลางแผ่นหลัง ดวงตากลมโตมีแววไม่พอใจ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันสนิท จมูกโด่งปลายรั้นนิดๆ บ่งบอกถึงนิสัยของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

หญิงสาวไม่พูดไม่จาอะไร ได้แต่ลอบถอนหายใจคล้ายโล่งอก แล้วเดินไปนั่งรอข้างนอกพร้อมกับสาวสวยลูกครึ่งอเมริกัน ที่เป็นอีกหนึ่งในเพื่อนสนิทของนราภัทร

เอลิซ่า กิจนวพล ยังคงความเป็นสาวเปรี้ยวไว้เช่นเคย ชุดเกาะอกสีแดงเพลิงกับเครื่องหน้าที่ดูโดดเด่น ยิ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์โทนสีเดียวกันกับชุดยิ่งดูเซ็กซี่เย้ายวนใจ คิรานนท์ลอบมองเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนหญิงสาวต้องหันไปทำหน้าดุใส่อยู่บ่อยๆ

วันนี้เอลิซ่าไม่เข้าใจในท่าทางของน้องสาวเพื่อนสนิทนัก แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ น้องสาวของผู้ชายที่เธอแอบชอบมานานเสียมากกว่า ตอนแรกนรินธรโทรศัพท์ไปหาเธอ บอกว่ารู้มาจากอาณัติ ว่าพี่ชายของตนเองหัวแตก ให้รีบมาที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนกัน แต่ทำไมมาถึงแล้วกลับเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ

แม้เอลิซ่าไม่รู้ต้นเหตุ แต่คนเป็นพี่ชายนี่สิรู้ดีทีเดียว นราภัทรยิ้มให้เพื่อนสาว ก่อนจะเดินไปหาน้องสาวสุดที่รักที่นั่งอยู่หน้าห้องทำแผล พยายามปรับสีหน้าให้ร่าเริงแจ่มใส หยุดครุ่นคิดเรื่องที่เพิ่งพรากพรหมจรรย์ผู้หญิงที่น่าสงสารลงชั่วคราว

“มิกิทานอะไรมาหรือยังคะ แล้วให้ลุงปรีชาขับรถมาให้หรือเปล่า”

เงียบ...ใบหน้าหวานเชิดหน้าหนี ไม่ตอบคำถามของพี่ชาย

“เป็นอะไรไปคะ ไหนบอกพี่มาสิ” เขายังคงพูดเสียงนุ่มและเอาใจ

“นี่พี่เคียวยังมีหน้ามาถามอีกนะคะ” คำพูดของเธอเล่นเอาคนตัวสูงถึงกับชะงัก อดกังวลไม่ได้ว่าถ้าแม่น้องน้อยของเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คงรู้สึกไม่พอใจเอามากๆแน่ อาจถึงขั้นบ้านแตกเลยก็เป็นไปได้

“มิกิ...หมายความว่ายังไงคะ?” คนเป็นพี่ชายถามอย่างระแวง

“ก็พี่เคียวเจ็บแบบนี้กลับไม่ยอมบอกมิกิ ต้องให้รู้เรื่องทีหลังคนอื่นทุกทีเลย นี่ถ้านายชินไม่โทรไปบอกป้านิ่ม มิกิคงไม่ทราบเรื่องนี้แน่ๆ” คนเป็นน้องสาวบอกพลางทำหน้ามุ่ย

หลังมารดาของเธอจากไปได้เพียงไม่นาน บิดาของเธอก็ตามไปอีกคนด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบิน ทิ้งนรินธรกับมรดกมากมายที่ใช้อย่างไรก็คงไม่หมดไว้ให้พี่ชายของเธอดูแล มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นรินธรจะหวงแหนพี่ชายเพียงคนเอามากๆ เพราะเธอไม่มีใครอีกนอกจากนราภัทร ถึงจะมีคนเก่าแก่ของบ้านอย่างป้านิ่มกับลุงปรีชาอยู่ด้วยตลอด แต่เธอก็ยังติดพี่ชายแจอยู่ดี

นราภัทรลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อรู้ว่านรินธรแค่เกิดอาการน้อยใจเท่านั้น ชายหนุ่มส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “โธ่...พี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่คะ แล้วก็ไม่อยากให้มิกิเป็นห่วงด้วย ใกล้สอบแล้วนี่นา” เขาอธิบายพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องสาวด้วยความเอ็นดู

นรินธรเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างช่วงสอบปิดภาคเรียนด้วย เพราะแบบนี้เองที่เขาจึงไม่อยากให้มีเรื่องอะไรไปรบกวนจิตใจเธอ

“ทีหลังพี่เคียวมีอะไรต้องบอกมิกินะคะ มิกิเป็นห่วง แล้วมิกิก็ไม่อยากรู้เรื่องทีหลังคนอื่นด้วย...สัญญานะคะ” นรินธรบอกเสียงเศร้า แล้วโผเข้ากอดพี่ชายเสียแน่น

“พี่สัญญาค่ะว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พี่จะบอกน้องสาวสุดที่รักของพี่เป็นคนแรกเลย คราวนี้ก็เลิกทำหน้างอคอหักเป็นปลาทูได้แล้วนะคะ เดี๋ยวหมดสวยกันพอดี” คนเป็นพี่ชายพูดเอาใจ ก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มนุ่มเนียนเสียฟอดใหญ่ สิ่งเดียวที่คนเป็นพี่ชายอยากเห็นก็คือการที่น้องสาวได้มีรอยยิ้มในทุกๆวัน ไม่มีเรื่องใดมารบกวนให้หงุดหงิดใจ

ตอนแรกนราภัทรนึกว่าเธอรู้เรื่องของเขากับอนันตญาเสียอีก นรินธรหวงเขามากจนเขาแทบไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปเปิดเผย หรือแนะนำให้น้องสาวตัวดีรู้จัก นั่นก็เพราะมีครั้งหนึ่งที่คู่นอนของเขาไปที่บ้านโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า นรินธรก็ไม่พอใจจนแทบจะลงไม้ลงมือเลยทีเดียว แต่เธอคนนั้นก็ยังโชคดีที่เขาเข้าไปห้ามทัพเอาไว้ได้ทัน

สำหรับอนันตญาก็เหมือนกัน ถึงเขาจะพอใจและรู้สึกพิเศษกับเธอมากขนาดไหน แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องแนะนำให้ใครรู้จักเธอ และมันก็จะเป็นอย่างนี้ไปจนกว่าอนันตญาจะยอมแพ้เขา เลิกทำท่าทางหมางเมินใส่เขาเสียก่อน

หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล นราภัทรก็อาสาเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ที่ภัตราคารหรูเพื่อเป็นการฉลองที่ทุกคนได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วก็ถือเป็นการเอาใจน้องสาวแสนงอนของเขาด้วย

“วันนี้พี่เคียวน่ารักจังเลย” นรินธรชมเปาะ

“แล้วพี่ชินล่ะครับ ไม่น่ารักบ้างเหรอ” อาณัติแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง นานแล้วที่เขาพยายามทำตัวให้อยู่ในสายตาเธอ แต่ดูเหมือนว่านรินธรจะเห็นเขาเป็นเพียงอากาศธาตุที่ไร้ตัวตนเท่านั้น

นราภัทรเองก็รู้ดีว่าอาณัติจริงใจต่อน้องสาวคนสวยของเขามากแค่ไหน เขาจึงไม่ขัดขวางอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ลืมคาดโทษเอาไว้ด้วยว่าถ้าทำให้นรินธรเสียใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้นต้องได้เห็นดีกันแน่

“นายน่ะ...ไม่มีอะไรที่เรียกว่าน่ารักได้เลยย่ะ”

“มิกิพูดจาไม่น่ารักเลย พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกชินว่านายหรือไอ้น่ะ ยังไงมันก็เป็นเพื่อนพี่นะคะ” นราภัทรดุไม่จริงจังนัก นรินธรไม่โต้ตอบอะไร แต่ทำหน้าตาทะเล้น ก่อนจะละเลียดไอศกรีมต่ออย่างช้าๆ ไม่ยินดียินร้ายอะไร เมื่อทุกคนพากันหัวเราะกับท่าทีของเธอ รวมไปถึงคนที่นั่งหน้างอง้ำอย่างอาณัติ

  ‘น้อยใจชะมัด’

อาณัติคิดตัดพ้อ ก่อนจะขอตัวกลับพร้อมคิรานนท์ น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งสองคนยังมีงานที่ต้องทำค้างอยู่อีกเยอะ เลยอยู่ร่วมวงสนทนาอันครื้นเครงนี้ได้ไม่นานนัก

“พี่เคียวคะ ไปส่งพี่แอลหน่อยนะคะ มิกิไปรับพี่เขามาเป็นเพื่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวมิกิจะรีบไปบอกป้านิ่มว่าพี่เคียวไม่เป็นอะไรมาก แกจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” คนเป็นน้องเล็กที่สุดเอ่ยขึ้น

อันที่จริงนรินธรจะโทรบอกป้านิ่มเอาก็ได้ แต่กลับอ้างว่าจะไปพูดเองที่บ้าน นราภัทรรู้ดีว่าน้องสาวของเขาคิดที่จะยัดเยียดเอลิซ่าให้ แล้วเขาเองก็รู้ดีอีกเหมือนกันว่าเอลิซ่ารู้สึกอย่างไร น่าเสียดายที่เขาให้เธอได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น

“ได้สิ งั้นจะกลับกันเลยหรือเปล่าล่ะ หรืออยากได้อะไรเพิ่ม”

“ไม่ดีกว่าค่ะ มิกิอยากกลับบ้านแล้ว ว่าจะไปอ่านหนังสือสักหน่อย” นราภัทรยิ้มให้ เมื่อเห็นน้องสาวร่าเริงขึ้นอีก แต่อีกส่วนหนึ่งในหัวใจก็ไม่ลืมที่จะนึกถึงผู้หญิงอีกคนที่เพิ่งจากมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงด้วยเช่นกัน

หลังจากที่เขาไปส่งเอลิซ่าเรียบร้อยแล้ว นราภัทรก็โทรไปบอกให้ผู้จัดการส่วนตัวของอนันตญาทราบเรื่องสัญญา เพราะรู้ว่าเธอคงยังไม่ได้บอกแน่

ผู้จัดการหนุ่มมากความสามารถตอบรับกลับมาโดยไม่มีอะไรขัดข้อง เพียงแต่ขอทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของหญิงสาวต่อไป ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัดข้องและเห็นว่าควรจะเป็นตามนั้น 

นราภัทรกลับไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ร่างสูงยืนมองตัวเองในกระจกนิ่ง ผ้าก๊อซสีขาวที่ปิดไว้ตรงข้างศีรษะ ช่วยย้ำเตือนให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาอีกครั้ง ถึงบาดแผลนี้จะไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แต่เขาก็ไม่มีวันลืมแน่

ว่ามันเกิดขึ้นจากความเกลียดชังของคนที่เขามีใจให้…

ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง แม้มันจะไม่ช่วยลดความเครียดภายในจิตใจได้เลยก็ตาม ก่อนจะผละจากหน้ากระจกบานใหญ่ เดินหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรีบร้อน วันนี้ยังมีอะไรที่เขาต้องจัดการอีกเยอะ

สามสิบนาทีผ่านไป ร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงสีเดียวกันก็ก้าวขึ้นรถพอร์ชสีเงินคู่ใจ มาดนักธุรกิจถูกทิ้งไปชั่วคราว วันนี้ต้องใส่ชุดนี้ไปไว้อาลัยให้ความบริสุทธิ์ของอนันตญาเสียหน่อย เขายิ้มกับตัวเองก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

เจ้าของร่างบางยังคงนอนขดตัวร้องไห้อยู่บนเตียง เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นยากที่จะทำใจให้ยอมรับได้จริงๆ เมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้ำเตือนขึ้นมาในความทรงจำ หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หวังจะเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระคราบสกปรกที่เธอได้รับ และลบสัมผัสที่น่ารังเกียจของเขาออกจากเนื้อตัว แต่ความรู้สึกเจ็บระบมหลายจุดทำให้เธอจำต้องทรุดตัวนั่งบนเตียงอีกครั้ง นั่งตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ค่อยๆ พาตัวเองเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ 

อนันตญาถูผิวเนื้อขาวเนียนจนแดงช้ำไปหมด ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นห้องน้ำแล้วยกมือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น สิ่งที่เธอได้รับมันรุนแรงเกินกว่าจะทำใจได้จริงๆ ในเวลานี้แม้แต่หน้าของตัวเอง เธอก็ยังรู้สึกรังเกียจที่จะมองเสียด้วยซ้ำไป

‘มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอตายไปเสีย’

การกระทำของไวมากพอเท่ากับความคิด หญิงสาวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า แววตาแดงก่ำแลดูสิ้นหวัง ร่างเปลือยเปล่าที่มีร่องรอยของการถูกย่ำยี เดินออกมาหยิบมีดขนาดกลางในห้องครัว จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งด้วยท่าทางเหมือนคนเลื่อนลอย

อนันตญาเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำจนเต็ม ก้าวเข้าไปเอนตัวอยู่ในนั้นอย่างช้าๆ นอนหลับตาพริ้มนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้งอย่างอดสู หญิงสาวรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเลือกทำนั้นมันสิ้นคิดแค่ไหน แต่ก็ไม่มีความคิดที่ดีมากไปกว่านี้อีกแล้ว

มือเรียวสวยกำมีดในมือแน่น ก่อนจะบรรจงกรีดช้าๆ ลงไปบนข้อมืออีกข้าง เลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้นในขณะที่น้ำสีใสในอ่างกลายเป็นสีแดงในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว อนันตญายิ้มให้กับความพ่ายแพ้ของตัวเอง แล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

‘จบสิ้นกันเสียที! นราภัทร บารมีไพศาลกุล...ผู้ชายใจชั่วที่ฉันจะไม่มีวันให้อภัยตลอดไป’

นราภัทรเคาะประตูอยู่พักหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาก็มีเพียงความเงียบงัน เขาตัดสินใจใช้กุญแจที่แอบหยิบติดมือมาตอนอนันตญาหลับไขเข้าไปอย่างถือวิสาสะ พบว่าทุกอย่างภายในห้องยังคงเหมือนเดิมเช่นตอนที่เขาออกไป ชายหนุ่มยิ้มและคิดว่าเจ้าของงร่างบางอาจจะยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็ไม่พบเธอ

‘คงอาบน้ำ’

นราภัทรคิดพลางหันหลังกลับ ตอนแรกตั้งใจจะออกไปรอที่โซฟาตัวยาวด้านนอก แต่เขากลับหยุดฝีเท้าอยู่กับที่ เมื่อเกิดความรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงน้ำล้นจากอ่างอาบน้ำ ทำให้นึกเป็นห่วงอนันตญาขึ้นมา 

ร่างสูงเดินตรงรี่ไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เขาเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูไว้แน่นอย่างลังเล เมื่อลองบิดดูเบาๆ ก็พบว่ามันไม่ได้ล็อกเอาไว้ เขาตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว 

ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นราภัทรแทบทรุด ใบหน้าที่เคยแสดงความอ่อนหวานน่ารักต่อผู้คน ในตอนนี้ซีดขาวแทบไม่มีสีเลือด เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ข้อมือบางไม่ยอมหยุด ในขณะที่น้ำในอ่างอาบน้ำกลายเป็นสีแดงฉานอย่างน่ากลัว กลิ่นคาวเลือดลอยมากระทบจมูกดึงให้เขาได้สติ

“อนันตญา!” นราภัทรตะโกนดังก้องอย่างตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะถลาไปคว้าร่างบางขึ้นจากน้ำ เธอโชคดีเท่าไหร่แล้วที่ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงคลั่งตายอยู่ที่นี่แน่

“คุณอย่าเป็นอะไรนะ!” ชายหนุ่มพูดละล่ำละลัก ขณะพาร่างไร้สติของอนันตญาไปวางลงที่เตียงนอน ใช้ผ้าเช็ดหน้าห้ามเลือดที่ข้อมือ ก่อนจะเช็ดตัวหญิงสาวจนแห้งสนิทพร้อมกับสวมเสื้อคลุมให้เธอ เพื่ออำพรางเรือนร่างเย้ายวนก่อนหน้าที่จะถึงมือแพทย์

ไม่น่าเลย...เขาไม่น่าปล่อยให้เธออยู่ห่างสายตาแบบนี้เลยจริงๆ

นราภัทรพาอนันตญามาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและดีที่สุด ตอนนี้แพทย์นำตัวเธอเขาห้องฉุกเฉินไปแล้ว แต่เขายังนั่งนิ่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำกับเธอ ภาพใบหน้าซีดเผือดกับลมหายใจที่แผ่วเบา ปรากฏเข้ามาในสมองครั้งแล้วครั้งเล่า

ราวกับต้องการย้ำเตือนว่ามันเกิดขึ้นเพราะเขา...

ในเวลานี้นราภัทรรู้สึกผิดอย่างมาก อยากขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่างที่ทำลงไป ถึงจะตระหนักดีว่าอนันตญาคงไม่มีทางให้อภัยได้ตามที่หวัง แต่เขาก็ยังอยากขอโทษอยู่ดี ไม่ว่าจากนี้ไปเธอจะโกรธเกลียดเขามากสักแค่ไหน เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธออยู่ห่างสายตา หรือทำบ้าๆ อะไรแบบนี้อีกแล้ว

เสียงของนายแพทย์วัยกลางคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เรียกนราภัทรให้ตื่นจากภวังค์แห่งความคิด ชายหนุ่มรีบผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ของโรงพยาบาล แล้วตรงเข้าไปถามอาการของคนป่วยอย่างห่วงใยทันที

“คุณหมอครับ เธอเป็นยังไงบ้างครับ”

นายแพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนไข้สาวเอาไว้พอจะเดาเหตุการณ์ได้ลางๆ เพราะจากการที่ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียดก็พบว่านอกจากจะเสียเลือดมากแล้ว เธอยังเพิ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมาอีกด้วย และคงไม่ใช่ใครกับที่ไหนแน่ หากไม่ใช่นายเพล์ยบอยอันดับหนึ่งที่ใครๆ ก็รู้จักดีอย่างนราภัทร

“พ้นขีดอันตรายแล้วละครับ แต่ตอนนี้ยังต้องพักฟื้นและให้เลือด นี่โชคยังดีนะครับที่แผลไม่ลึกถึงเส้นเลือดใหญ่ ไม่อย่างนั้นเราคงทำอะไรไม่ได้มากนัก ถ้าจะเขาเยี่ยมก็เชิญได้นะครับ แค่อย่ารบกวนคนไข้ก็พอ” แพทย์เจ้าของไข้กล่าวก่อนจะเดินจากไป ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก เปิดประตูเข้าไปข้างในห้องพักผู้ป่วยพิเศษอย่างเงียบกริบ

อนันตญานอนนิ่งอยู่บนเตียง รอบกายมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ใบหน้างามนั้นยังคงซีดเซียวไร้สีสันเหมือนเช่นตอนแรก นราภัทรทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมกับดึงมือบางขึ้นมาแนบแก้ม

“ผมขอโทษอนันตญา ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้คุณเป็นแบบนี้ แต่จากนี้ไปผมจะดูแลคุณเอง ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนเด็ดขาด คุณรีบๆ ฟื้นขึ้นมานะ...ฟื้นขึ้นมาฟังว่าทำไมผมถึงไม่ยอมให้คุณไปจากผม”

นราภัทรพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด หากรู้ว่าการที่เขาได้ตัวเธอมาครอบครองแล้ว ต้องแลกด้วยการที่เกือบจะสูญเสียเธอ เขาคงไม่คิดจะทำแบบนี้มาตั้งแต่แรก

แต่ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินแก้แล้ว เขาก็จะคอยดูแลและไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาได้เด็ดขาด นี่ถ้าไม่บังเอิญกลับไปที่นั่นอีก เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้

นราภัทรจุมพิตมือขาวบอบบางที่มีผ้าพันแผลที่ขาวพันไว้อย่างแผ่วเบา เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอนันตญาได้ยิน ได้รู้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาแสดงออก เธอยังคงเกลียดเขามากและจะเกลียดจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่ เพราะฉะนั้นถ้าได้ทำให้เขาเจ็บปวดบ้างก็คงดีไม่น้อยเลย

จากคำพูดและการกระทำของนราภัทร ทำให้อนันตญารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นผู้ชนะ เขาแสดงออกชัดเจนเหลือเกินว่ากำลังรู้สึกอย่างไรกับเธอ แล้วมันก็นับว่าเป็นเรื่องดีด้วย หากจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ เธอควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสิถึงจะถูก

หายดีเมื่อไหร่คงต้องทบทวนถึงสิ่งที่ควรจะทำต่อไปใหม่เสียหน่อย ในเมื่อสิ่งที่สูญเสียไปแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้คืนมาอีก เธอก็ควรจะใช้มันให้คุ้มค่า เพราะการวิ่งหนีปัญหามันไม่ได้ช่วยให้เจ็บปวดน้อยลง

อนันตญาอยากรู้นักว่าถ้าวันหนึ่ง นราภัทรต้องรับรู้รสชาติของความเจ็บปวดและการสูญเสียบ้าง คนที่คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างแบบเขาจะใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเองได้หรือเปล่า คนที่มองไม่เห็นคุณค่าความเป็นคนของคนอื่น...คนๆ นั้นก็ย่อมไม่สมควรที่จะได้รับมันกลับไปด้วย ในเมื่อเขาไม่คิดจะปล่อยเธอ

เธอเองก็จะแก้แค้นเขาแบบกัดไม่ปล่อยเหมือนกัน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel