บทที่ ๒ สัญญาอันตราย
อนันตญากลับมาถึงคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองในเวลาเกือบเที่ยงคืน เพราะจำเป็นต้องฝืนนั่งรับประทานอาหารที่แทบจะไม่รู้รสชาติกับนราภัทร แล้วไหนจะต้องย้อนกลับไปเอารถที่โรงแรมอีก เพียงแค่นั้นก็ทำเอาเธอเหนื่อยล้าเสียจนแทบยืนไม่ไหว
หากจะให้เข้านอนโดยไม่ได้อาบน้ำเสียก่อนก็คงไม่สบายใจตัวนัก คิดแล้วเจ้าของร่างบางจึงคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าห้องน้ำไป หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย อนันตญาคิดว่าควรจะโทรไปแจ้งเรื่องของมารดาให้คุณหมอทราบเสียก่อน เพราะจะได้ทำการผ่าตัดรักษาแม่ของเธอให้หายเป็นปกติเสียที
เมื่อได้รับการตอบรับที่พึงพอใจ เธอจึงเดินเข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มเตรียมพักผ่อนอย่างยาวนาน อนันตญากำลังจะเคลิ้มหลับไปอยู่แล้ว ทว่าเสียงกดกริ่งจากหน้าห้องปลุกให้สะดุ้งตื่นจากนิทราเสียก่อน หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างหัวเสีย เดินไปหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่ตรงราวแขวนผ้าไว้มาสวมอย่างลวกๆ
‘ใครกันนะที่มาเอาตอนดึกดื่นแบบนี้ เสียมารยาทชะมัด!
คนที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดคิดในใจอย่างขุ่นเคือง รีบจ้ำอ้าวออกจากส่วนของห้องนอน ตรงไปยังประตูบานสวยแล้วเปิดมันออก โดยไม่ได้ดูให้แน่ใจเสียก่อนว่าผู้มาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้คือใคร
อนันตญาชะงักทันทีที่เห็นคนตรงหน้าส่งยิ้มให้ แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจนนัก เพราะข้างนอกค่อนข้างมืดสลัว แต่เธอก็พอมองเห็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน ทว่าแฝงไปด้วยความน่ากลัวและหิวกระหายเป็นที่สุด
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยแล่นเข้าสู่จิตใต้สำนึก มือบางสั่นระริก แต่ก็รีบดึงประตูปิดอย่างรวดเร็ว ซึ่งดูเหมือนจะช้าไป เพราะร่างกำยำของชายลึกลับ เบียดแทรกเข้ามาภายในห้องได้รวดเร็วจนคาดไม่ถึง
แสงจันทร์สีเหลืองนวลที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้หญิงสาวมองเห็นใบหน้าคมคายของเขาอย่างกระจ่างชัด
นราภัทร บารมีไพศาลกุล!
“คุณ...คุณมาที่นี่ทำไมคะ”
อนันตญาถามด้วยน้ำเสียงดุดันเจือแววสั่นเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจะพยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเองให้ฟังดูเป็นปกติที่สุดแล้วก็ตาม ความง่วงงุนเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ในใจคิดคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าอะไรกันที่ทำให้คาสโนว่าตัวพ่อบุกมาหาเธอจนถึงที่
“ทำไมพูดจาห่างเหินกับผมแบบนี้ล่ะบาร์บี้ ผมมาหาคุณที่นี่มันแปลกตรงไหนกัน” นราภัทรบอกเสียงระรื่นหู แต่สีหน้าดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย “แล้วก็เลิกเรียกผมว่านราภัทรเถอะ ชอบอยากได้ยินคุณเรียกผมว่าเคียวเหมือนคนอื่นๆ มากกว่านะ” เขาเดินเข้ามาใกล้จนเธอได้กลิ่นเหล้าปะปนมากับน้ำหอมกลิ่นอบอุ่นแบบผู้ชาย ใบหน้าคมฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่แค่มองผ่านก็รู้ว่าน่ากลัวเพียงใด
อนันตญาถอยออกห่างด้วยท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด อากัปกิริยาของเธอทำให้นราภัทรหน้าชาด้วยความไม่พอใจ นึกอยากจะลงโทษคนตรงหน้าให้สาสมกับความอวดดีที่แสดงออกมาเหลือเกิน
แต่ยังก่อน...ของเล่นสดใหม่แบบนี้ต้องทะนุถนอมเสียหน่อย
“ฉันขอเตือนด้วยความหวังดีนะว่าคุณควรออกไปจากที่นี่ซะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันคงต้องแจ้งตำรวจว่าคุณบุกรุก” เธอขู่ ดวงตาคู่สวยจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ผมเนี่ยนะบุกรุก?” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “เท่าที่จำได้คุณเองนั่นแหละที่เปิดประตูต้อนรับผม แล้วที่สำคัญเลยนะ...ไม่มีตำรวจหรือใครหน้าไหนมาทำให้ผมกลัวได้หรอกที่รัก” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะกวนประสาท
“ใครเป็นที่รักของคุณไม่ทราบ! เชิญไปให้พ้นจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ...ออกไป!” อนันตญาตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความโกรธจัด ลืมคิดไปเสียสนิทว่าการกระทำที่โอหังแบบนี้มันอันตรายสำหรับตัวเองแค่ไหน
ร่างสูงใหญ่กำยำย่างกรายเข้ามาใกล้ขึ้นอีก มือหนาคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนกลมกลึง แล้วกระชากเต็มแรงจนตัวเธอเซมาปะทะกับแผงอกกว้าง รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนใบหน้า แววตาหวาดกลัวของเธอทำให้คนมองยิ่งนึกสะใจมากขึ้นอีก
“คุณนี่ความจำสั้นเหลือเกินนะ ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าที่ผมมาที่นี่ทำไม” นราภัทรแค่นยิ้ม พร้อมชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเฉียดแก้มเนียน “ผมมาทำตามสัญญาของเราให้มันสมบูรณ์ยังไงล่ะ...ลองนึกดูให้ดีสิ”
สิ่งที่ได้ยินทำให้เธอย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ก่อนที่จะทันได้เอ่ยถามข้อข้องใจใดๆ เขาก็เป็นฝ่ายแทรกขึ้นเพื่ออธิบายทุกอย่างให้กระจ่างชัดเสียก่อน
“สัญญาฉบับนั้นบอกชัดเจนแล้วนี่ว่าคุณเป็นสิทธิ์ของผม...จริงไหม” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูแผ่วเบา แววตาซุกซนไล่มองโลมเลียไปยังไหล่ขาวมนที่เสื้อคลุมเลื่อนหลุดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฉันรู้! แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาทำตัวรุ่มร่ามกับฉันได้นะ คุณก็เป็นแค่เจ้านาย ส่วนฉันก็มีหน้าที่เดินแบบให้คุณก็เท่านั้นเอง”
อนันตญาเถียงเสียงสั่น พยายามขืนตัวให้หลุดจากวงแขนแข็งแรง แต่ก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน เขารัดเธอไว้แน่นจนกระดูกแทบจะแหลกละเอียดอยู่แล้ว
“คุณคิดว่าผมเป็นแค่เจ้านาย แล้วคุณเป็นเพียงนางแบบที่ผมจ้างมาทำงานให้แค่นั้นเองเหรอ...อืม ไหนคุณลองบอกมาหน่อยสิว่าในสัญญาระบุไว้หรือเปล่าว่าคุณต้องทำหน้าที่อะไรให้ผมบ้าง”
คำพูดของชายหนุ่มเป็นเหตุให้ร่างในอ้อมกอดชะงักงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความคาดไม่ถึง เมื่อคิดทบทวนคำพูดของเขาแล้ว เธอจึงเริ่มเข้าใจว่าอะไรคือเหตุผลที่เขามาก่อกวนในเวลานี้
“นี่หมายความว่า...”
“ใช่อย่างที่คุณกำลังคิดนั่นแหละ หึหึ” เขาหัวเราะชั่วร้าย
คนที่โด่งดังในวงสังคมและมีการศึกษาที่ดีอย่างนราภัทร บารมีไพศาลกุล สามารถทำเรื่องชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ ที่แท้ทุกอย่างมันก็เป็นแค่กับดักของคนลวงโลกอย่างเขา แล้วเหยื่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเสียด้วย แต่เป็นคนโง่เขลาอย่างเธอเอง
อนันตญารับรู้ได้เพียงแค่นั้น สติสัมปชัญญะทั้งหมดก็ดับวูบลงราวกับถูกปิดสวิตช์ อ้อมแขนของคนขี้โกงช่วยรับร่างไร้สติเอาไว้ได้ทัน ชายหนุ่มช้อนร่างบอบบางขึ้นสู้อ้อมแขน ปรายตามองใบหน้าสวยหวานอย่างผู้ชนะ
ไม่มีใครกล้าทำเมินใส่คนอย่างเขา ไม่มีใครกล้าปฏิเสธที่จะร่วมเตียงกับเขา ไม่มีใครกล้าตะโกนใส่หน้าเขา...แต่เธอกล้า! เพราะฉะนั้นเธอจึงสมควรได้รับกลโกงแบบนักธุรกิจของเขา ซึ่งสิ่งเดิมพันคือก็ตัวเธอเอง ตอนนี้เขาได้กำชัยชนะครึ่งหนึ่งไว้ในมือแล้ว
ส่วนอีกครึ่งก็คงได้มันหลังจากนี้...
นราภัทรไม่รอช้าให้เสียเวลา รีบก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องที่คาดว่าคงเป็นห้องนอนของอนันตญา ก่อนจะปิดประตูลงตามเดิม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นท่ามกลางความมืด
ไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างเขาต้องการแล้วคว้ามาไม่ได้หรอก…
หลังจากเวลาผ่านไปยาวนานกว่าสองชั่วโมง นราภัทรก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องโวยวายของอนันตญา ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นเปิดไฟบนหัวเตียงอย่างรวดเร็ว
“ออกไปจากห้องฉันนะ!” หญิงสาวน้ำตาไหลพรั่งพรู ไม่อาจอธิบายได้เลยว่าการตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขานั้นมันแย่แค่ไหน “ออกไปสิ ไอ้บ้า! ไอ้เลว...ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว!”
เธอก่นด่าไม่หยุด ทุบตีแผ่นอกกว้างอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มขบกรามแน่นอย่างอดทน เมื่อเธอไม่หยุดประทุษร้ายเสียที เขาจึงรวบข้อมือเล็กไว้แน่น แล้วกระชากตัวเธอมาพันธนาการไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
อนันตญาจำได้ลางๆ ว่าหมดสติไปเพราะความอ่อนเพลีย แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลับพบว่าข้างกายมีผู้ชายใจคดเห็นแก่ตัวนอนหลับสนิทอยู่ ท่อนแขนแข็งแรงของเขาโอบกอดเธอไว้แน่นราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เธอเกลียดผู้ชายต่ำทรามอย่างเขานัก!
“คุณมันสารเลว...คุณมันใจต่ำหยาบช้าที่สุด!”
“หุบปากซะ ไม่งั้นผมเอาคุณตายแน่บาร์บี้ ถึงยังไงวันนี้คุณก็หนีผมไปไหนไม่พ้นหรอก เลือกเอาแล้วกันว่ายังอยากมีลมหายใจต่อไปไหม!”
นราภัทรยกมือขึ้นปิดปากหญิงสาว หัวเสียอย่างหนักที่ต้องมาทนฟังคำด่ามากมาย จึงขู่ออกไปให้หวาดกลัว ซึ่งมันก็ได้ผลชะงัดทีเดียว เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูจริงจังนั้น เธอก็นิ่งเงียบไปทันที ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าเขาด้วยความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับนราภัทร อนันตญาคงเป็นผู้หญิงคนแรกและคนสุดท้ายที่ต้องใช้กำลังบีบบังคับ เพราะกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ชายหนุ่มไม่ได้ใช้วิธีสกปรกแบบที่กำลังทำอยู่ ที่สำคัญเขาไม่เคยรู้สึกอยากอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมาก่อน
ใช่...เขายอมรับว่ามันเป็นวิธีที่สกปรกและสุดแสนจะเอาเปรียบ แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเขาอยากเอาชนะท่าทีที่เธอมีต่อเขาเหลือเกิน การเลือกใช้วิธีนี้ ดีและแนบเนียนที่สุดแล้ว หากจะทำให้อนันตญารู้จักตัวตนกับความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
มันอาจเร็วเกินไป ถ้าจะบอกว่าเขาทำแบบนี้เพราะหลงรักเธอ แต่นั่นก็คือความจริงที่คนอย่างนราภัทรเองก็ไม่อาจหลีกหนีพ้น
เขารักเธอ...หลงรักเธอตั้งแต่เธอยังไม่รู้จักเขาเสียด้วยซ้ำ
อนันตญาสะบัดแขนเพื่อให้พ้นจากพันธนาการอันน่าขยะแขยง แต่ชายหนุ่มจับเธอกดลงบนที่นอนนุ่ม แล้วพลิกร่างกำยำขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็ว มือหนาตรึงข้อมือเล็กๆ ไว้เหนือศีรษะ นัยน์ตาสีดำสนิทของหญิงสาวฉายแววหวาดกลัวหนักขึ้น ร่างบางสั่นระริกขณะที่หยาดน้ำใสๆ คลอรื้นจนล้นออกมาจากขอบตา
“ฟังให้ดีนะ! ตอนนี้คุณเป็นคนของผม เป็นสิทธิ์ของผม ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่มันจะส่งผลเสียต่อแม่ของคุณเลยดีกว่า...คุณอยากให้แม่คุณได้รับการผ่าตัดไม่ใช่เหรอ” นราภัทรบอกให้เธอรู้ว่าผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าก็คือเขา
อนันตญาเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องแม่ของเธอโดยละเอียดแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงสาวไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลยสักคน นั่นก็เพราะไม่อยากได้ความสงสารหรือเวทนาจากใคร แต่ทำไมผู้ชายร้ายกาจคนนี้กลับรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี
“ผมรู้นะว่าคุณรักแม่ของคุณมาก แล้วก็มากเสียจนไม่ได้ตรวจดูสัญญาระหว่างเราให้ดีเสียก่อน ผมว่าคุณคิดดูให้ดีเถอะว่าควรจะทำตัวยังไงกับผม” ใบหน้าของเขาดูจริงจังมากขึ้น “ผมอยากให้คุณรู้นะว่าที่ผมทำแบบนี้ ก็เพราะว่าผมระ...”
“นี่นอกจากไอ้สัญญาหลอกลวงฉบับนั้นแล้ว คุณคงใช้ชีวิตของแม่ฉันเป็นเดิมพันอีกสินะ!” เธอเค้นเสียงถามผ่านลอดไรฟัน โดยไม่สนใจว่าเขากำลังจะพูดอะไร
“ตอนนี้แม่ของคุณกำลังจะได้ผ่าตัด ผมว่าคุณอย่าทำร้ายท่านเลยจะดีกว่า”
ชายหนุ่มยังคงจงใจบีบบังคับด้วยการใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรอง หญิงสาวหยุดดิ้นรนขัดขืน สีหน้าดูอ่อนลงคล้ายกำลังตัดสินใจได้ แต่นั่นไม่ใช่เพราะเธอคิดจะยอมพ่ายแพ้ให้กับอสูรใจร้ายอย่างเขา
มือข้างที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คว้าแจกันใบสวยจากบนหัวเตียงมาอย่างรวดเร็ว อนันตญาตั้งใจจะฟาดแจกันในมือไปยังตำแหน่งศีรษะ แต่นราภัทรพลิกตัวหนีได้เสียก่อน มันจึงโดนที่ขมับด้านขวาเข้าอย่างจัง
ทันทีที่เห็นเขาล้มลง หญิงสาวก็รีบวิ่งตรงไปที่ประตูห้องทันที แต่ก็ยังช้ากว่าคนตัวสูงใหญ่ที่รีบตามไป ฉุดกระชากร่างบอบบางขึ้นพาดบ่าด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือกุมบาดแผลที่มีเลือดสีแดงสดไหลราดลงมาตามแนวกราม
“แกปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า...ปล่อยสิ!” อนันตญาดิ้นพล่าน สองมือเล็กรัวกำปันใส่แผ่นหลังกว้างของคนฉวยโอกาสชนิดไม่ยั้งมือ
“คุณหาเรื่องเองแท้ๆ เลยนะ!” นราภัทรสบถฉุนเฉียว เหวี่ยงร่างบอบบางลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่ปราณี ก่อนจะทาบทับร่างกำยำตามลงมาแนบชิดติดผิวเนื้อนวลของคนที่ดิ้นรนอยู่ใต้ร่าง เวลานี้บาดแผลเล็กน้อยที่ได้รับ ไม่ได้ทำให้เขาสนใจมันไปมากกว่าเธอได้เลย
“ปล่อยฉันเถอะนะ คุณอย่าทำแบบนี้เลย ฉันขอร้องละ!”
อนันตญาอ้อนวอนขอความเมตตา หากเป็นก่อนหน้าที่เธอจะทำร้ายเขา เขาอาจจะยอมใจอ่อนให้เธอบ้าง แต่สำหรับตอนนี้ เขาไม่อาจยับยั้งชั่งใจตัวเองได้อีกแล้ว
อารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นทำให้ชายหนุ่มดุดันน่ากลัว เขาแนบจูบบดขยี้กลีบปากสีชมพูรุนแรงจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามเนื้อนวลขาวผ่อง ไม่สนใจร่างเล็กที่ตอนนี้กำลังพยายามดิ้นรนอย่างหนัก
อนันตญาน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว แต่ชายหนุ่มยังคงเพลิดเพลินกับการลิ้มรสความหวานจากเรียวปากนุ่ม ทว่าในที่สุดเขาก็ยอมถอนริมฝีปากออก จ้องมองดวงหน้างามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
ลังเลเล็กน้อยว่าควรจะปล่อยเธอไปดีหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วความเห็นแก่ตัวก็เอาชนะสำนึกในส่วนดี เขาจะต้องทำให้เธอเป็นของเขาให้ได้ สุดท้ายแล้วเธอจะต้องรักเขาเพียงคนเดียว
เสียงใสกรีดร้องขึ้นมาด้วยความหวาดผวา เมื่อมือหนาลงมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอและเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เวลานี้เรือนร่างของคนทั้งคู่เปล่าเปลือยขาวโพลน
“อย่านะ...ฮือๆๆ ฉันขอร้อง อย่าทำร้ายฉันแบบนี้เลย” น้ำเสียงน่าสงสารนั้น ไม่ได้ช่วยให้ชายหนุ่มยอมหยุดการกระทำอันรุนแรงลงแต่อย่างใด เขาใช้ความช่ำชองและประสบการณ์พาให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้ม ยอมปล่อยอารมณ์ไปกับเขาแต่โดยดี แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดนัก
“คุณไม่รู้หรอกว่าผมทำแบบนี้ไปทำไม...คุณไม่รู้เลย” นราภัทรกระซิบเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่กำลังคุโชน ประหนึ่งน้ำมันราดลงบนกองไฟ
เขาลดใบหน้าลงมาคลอเคลียตรงซอกคอขาวผ่อง ขบเม้มจนเกิดรอยช้ำแดง หญิงสาวสะท้านไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับ แต่ในใจก็ยังต่อต้านสุดกำลัง
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันกลัวแล้ว...ปล่อยฉันไปเถอะ” เธอยังไม่เลิกอ้อนวอนขอร้องเขา แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจฟังเลย นอกจากก้มหน้าลงจูบซับน้ำตาแทนคำปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บปวดหรอก”
นราภัทรย้ำหนักแน่น ความโกรธเมื่อครู่ถูกทำลายให้หายไปด้วยไฟแห่งราคะที่เร่าร้อนจนหมดสิ้น ชายหนุ่มไล้ริมฝีปากต่ำลงไปยังทรวงอกอวบอิ่ม อนันตญาหลับตาลง กัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อข่มเสียงสะอื้นน่าอดสู
เธอรู้ดีว่าไม่มีทางรอดพ้นจากการกระทำอันต่ำทรามที่กำลังจะขึ้นนี้ไปได้ จึงได้แต่ทำใจยอมรับความจริงอย่างคนพ่ายแพ้ ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ ภาวนาขอเพียงแค่ให้ทุกอย่างจบสิ้นโดยเร็วที่สุด
นราภัทรปรือตาขึ้นมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดยั้งการกระทำอันเห็นแก่ตัว เพียงเพราะคิดว่าการได้เป็นเจ้าของร่างกายแล้ว จะทำให้ได้หัวใจของเธอมาง่ายขึ้นด้วย
ชายหนุ่มเคลื่อนกายต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องแบนราบ พรมจูบซ่านสยิวที่ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้าน มือหนาแยกเรียวขาขาวเนียนให้แยกกว้าง ลิ้มรสกายสาวด้วยปลายลิ้นอุ่นชื้น
ร่างบางบิดเร่าด้วยความรู้สึกอัดแน่นที่ประทุขึ้นในกาย แม้หัวใจจะต่อต้านการกระทำของเขา ทว่าร่างกายกลับตอบสนองอย่างน่าเจ็บใจ จากที่พยายามถดถอยหนีห่างกลายเป็นผวาเข้าหาแนบชิด จิกเล็บครูดไปบนแผ่นหลังกว้างจนแดงเป็นปื้น รับรู้ถึงความทุรนทุรายที่ไม่รู้ว่ามันจะไปจบลงตรงไหน รู้แค่เพียงว่าเธอต้องการให้เขาเป็นคนปลดปล่อยมันให้หายไปเสียที
นราภัทรละริมฝีปากออกห่างเนินสวย คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำให้เธอตกเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ มือใหญ่รั้งขาเรียวให้สูงขึ้น ก่อนจะสอดประสานแก่นกายที่เต้นเร่าด้วยความปรารถนาเข้าหาแอ่งนุ่มทีละน้อย จนกระทั่งเต็มตื้นในที่สุด
ความหนั่นแน่นที่สัมผัสได้บ่งบอกให้รู้ว่าเธอบริสุทธิ์ผุดผ่อง ความจริงข้อนี้ทำให้เขาภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย อนันตญากรีดร้องเสียงดัง เจ็บปวดราวกับถูกคมมีดกรีดลึกลงไปในผิวเนื้อ
“ฉันเกลียด…” ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้คำตัดพ้อต่อว่าได้หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบางสวยได้อีกต่อไป เขาดูดกลืนทุกคำพูดของเธอด้วยริมฝีปากหยักลึกอุ่นจัด เลื่อนมือขึ้นเคล้าคลึงอกอวบ กระตุ้นอารมณ์หวามไหวให้ทวีคูณจนเธอเผลอตอบสนองอย่างไร้เดียงสา
เขาส่งเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจ การต่อต้านของคนใต้ร่างเริ่มลดน้อยลงจนแทบไม่มีเหลือ สุดท้ายมันก็กลายเป็นการตอบสนองที่เร่าร้อนรัญจวนใจ ล่องลอยไปสู่ความหฤหรรษ์แสนวิเศษที่รออยู่ปลายทางอย่างพร้อมเพรียง
ตอนนี้อนันตญาได้รู้สึกถึงความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ผู้ชายร้ายกาจที่เธอไม่เคยคิดอยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวหรือสร้างความรำคาญใจให้ กลับกลายมาเป็นคนที่ทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น หนำซ้ำยังแย่งชิงสิ่งที่ลูกผู้หญิงหวงแหนที่สุดไปอย่างง่ายดาย
เขาทำให้เธอแปดเปื้อนอย่างน่ารังเกียจที่สุด!
