บทที่ 2 ความจำเป็น (4)
“รวยขนาดนี้ไม่น่าจ้างพวกเรามาจัดตู้เสื้อผ้าเลย เธอว่ามั้ย” เบอร์นาร์ดชวนคุย
“ฉันว่าพวกเมดคงทำไม่ไหว คุณนายเจ้าของบ้านเลยต้องมาจ้างเรา” ขวัญชีวาออกความเห็นขณะปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว
“ถ้าพวกเมดยังทำไม่ไหว เธอคิดว่าเราสองคนจะทำไหวมั้ยล่ะ?”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว มีงานก็มีเงิน มาเถอะ เสร็จงานแล้วจะได้กลับไปพักผ่อน ฉันจะได้แวะไปหาเดวิด” หญิงสาวชวนอย่างกระตือรือร้นก่อนเดินนำหน้าเข้าไปในคฤหาสน์
พอได้ทักทายกับคุณนายอิซาเบลซึ่งเป็นเจ้าของคฤหาสน์และแจ้งรายละเอียดในการทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขวัญชีวากับเบอร์นาร์ดก็เดินตามสาวรับใช้ที่สวมชุดเครื่องแบบไปยังห้องแต่งตัวของเจ้าของคฤหาสน์ ซึ่งความหรูหราของสถานยิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับขวัญชีวามากนัก
เมื่อหยุดอยู่ในห้องแต่งตัวของเจ้าของคฤหาสน์แล้ว ขวัญชีวาก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง แล้วเธอก็บอกกับตัวเองว่านี่คือห้องแต่งตัวจริงๆ
ในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยนอกจากหุ่นลองเสื้อ และตู้เสื้อผ้า ส่วนมุมหนึ่งของห้องมีกระจกเงาขนาดสูงกว่าตัวเธอตั้งไว้
“ตู้เสื้อผ้าทั้งหมดนี่เลยค่ะ ถ้าต้องการอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมระหว่างทำงานเรียกดิฉันได้นะคะ” เมดสาวบอกอย่างสุภาพ
“ค่ะ ขอบคุณ” ขวัญชีวาตอบรับก่อนลงมือเตรียมอุปกรณ์ เมดสาวจึงจากไปเงียบๆ
เบอร์นาร์ดกวาดสายตาไปรอบห้องพอได้เห็นตู้เสื้อผ้าเกือบสิบตู้ของคุณนายอิซาเบลที่เรียงชิดกับผนังห้องก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“งานเยอะขนาดนี้วันเดียวคงไม่เสร็จมั้ง”
“ยังไม่ทันจะลงมือก็ท้อซะแล้ว ฉันว่ารีบลงมือเถอะ งานจะได้เสร็จๆ” ขวัญชีวาบอกอย่างกระตือรือร้นแล้วเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก
พอเห็นเสื้อผ้าที่ไม่เป็นระเบียบเหมือนถูกจับโยนไว้เฉยๆ หญิงสาวก็เท้าสะเอวมองเสื้อผ้าซึ่งมีทั้งชุดราตรี ชุดว่ายน้ำ ชุดทำงาน ชุดนอน และรวมไปถึงชุดแปลกๆ ที่เจ้าของบ้านน่าจะใส่ไปงานแฟนซี
ถ้ามีเสื้อผ้าอย่างเดียวคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเธอหรอก แต่ที่เห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยก็เพราะในตู้เสื้อผ้ามีถุงเท้า รองเท้า เข็มขัด และของจุกจิกอย่างอื่นที่อยู่ในตู้ด้วย เห็นแบบนี้ขวัญชีวาหายแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าของบ้านถึงเรียกใช้บริการจากพวกเธอ
พอลงมือจัดการจัดระเบียบตู้เสื้อผ้าเสร็จไปสามตู้ ขวัญชีวาก็นั่งพักเหนื่อยที่ริมหน้าต่าง
ระหว่างนั่งพักเธอได้ทำการสำรวจสถานที่ไปพลางๆ นอกจากความยิ่งใหญ่สุดอลังการของคฤหาสน์สีน้ำนมซึ่งตั้งอยู่โดดเด่นบนสนามหญ้าสีเขียวขจีแล้ว เธอยังเห็นดอกกุหลาบสีชมพูมากมายซึ่งปลูกเอาไว้ทุกมุมของคฤหาสน์ ไม่เว้นแม้แต่ใต้กรอบหน้าต่าง
ดอกสีชมพูสดและใบสีเขียวชอุ่มยิ่งเสริมให้คฤหาสน์หลังนี้ดูมีชีวิตชีวา พอเห็นภาพสวยๆ แบบนี้แล้วเธอก็อดคิดจินตนาการให้ตัวเองเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาไม่ได้
ว่าแต่เธอจะเป็นเจ้าหญิงอะไรดีล่ะ?
ขวัญชีวาอมยิ้มเมื่อเธอนึกถึงนิทานเรื่องซินเดอเรลล่า
พอหมดความสนใจกับบรรยากาศสวนสวยนอกคฤหาสน์ ขวัญชีวาก็หันมากวาดสายตามองรอบห้อง ห้องแต่งตัวก็คือห้องแต่งตัว ไม่มีอะไรมากนอกจากตู้เสื้อผ้า หุ่นลองเสื้อ และกระจกเงา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีของสวยงามไว้ดึงดูดสายตา เธอให้ความสนใจกับภาพวาดสีน้ำมันในกรอบทองซึ่งนำมาแขวนไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง
แล้วหญิงสาวก็สะดุดตากับภาพวาดภาพหนึ่งเข้า เธอจะไม่ติดใจอะไรไรเลย ถ้าเด็กผู้ชายในภาพวาดไม่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหลานชายตัวน้อยของเธอราวกับฝาแฝด!
ขวัญชีวายืนพิจารณารูปวาดอยู่นาน จนเบอร์นาร์ดต้องมาสะกิดเรียก
“มีอะไรเหรอ?”
“ดูภาพวาดนั่นสิ เด็กในภาพเหมือนเดวิดมั้ย?” หญิงสาวชี้นิ้วให้เบอร์นาร์ดดู โดยที่เธอยังไม่ละสายตาไปจากภาพวาดสีน้ำมัน
“เหมือน... เหมือนมาก ยังกับฝาแฝดแน่ะ” เบอร์นาร์ดทำตาโตด้วยความแปลกใจขณะลงความเห็น
“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ” ขวัญชีวาบอกด้วยน้ำเสียงแปลกใจ พอหันกลับมาเธอก็พบว่านางพยาบาลสาวได้พาคุณนายอิซาเบลซึ่งนั่งบนรถวีลแชร์มาที่ห้อง
“มีอะไรหรือเปล่า?” เจ้าของคฤหาสน์ถามด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ขณะมาตรวจความเรียบร้อย
“เอ่อ... คือภาพวาดสวยดีค่ะ” ขวัญชีวาอ้อมแอ้มตอบ
“รูปครอบครัวของฉันเอง” คุณนายอิซาเบลบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
