4.ไม่อยากเป็นภาระ
*** ทักทายคร้า ไปสนุกกันต่อเลยคร้า ***
ปารินทร์ในชุดทหารสีเข้มแบกร่างบางเดินไปตามทางแคบๆ ที่คดเคี้ยวไปมา ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มเงาให้ได้พักคลายร้อน
“ใกล้ถึงหรือยังคะ”
“ทำไม” เขาถามสั้นๆ
“ฉันไม่อยากเป็นภาระให้คุณ”
เขาเอียงหน้าไปมองคนพูด ทำให้แก้มสากชนกับปลายจมูกรั้นพอดี ทำเอาผู้พันหนุ่มแอบยิ้มอยู่ในใจ ไอรินหน้าร้อนผ่าว ยืดตัวขึ้นเพื่อให้ใบหน้าห่างจากเขา
“แล้วตอนนี้เป็นไหม” เขาสวนกลับมา แต่เท้าก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เมื่อไม่มีเสียงตอบปารินทร์จึงพูดต่อ
“ภารกิจไม่ใช่ภาระแต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แล้วทำไมถึงมาลำบากในป่า แทนที่จะนั่งแต่งตัวสวยๆ อยู่ในเมือง”
“ความสุขของฉันไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัว แต่มันอยู่ที่การได้ช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนต่างหาก”
“นางเอกไปหรือเปล่าคุณ แล้วคุณมาจากไหน ถึงพูดภาษาไทยได้ชัดขนาดนี้” เมื่อเขาถามเกี่ยวกับประวัติของเธอ ไอรินจึงใช้ความเงียบแทนคำตอบ ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอเป็นใคร พวกเขาอาจจะปฏิบัติต่อเธออย่างแขกบ้านแขกเมืองทั่วไปซึ่งเธอไม่ต้องการ ปารินทร์เห็นเธอไม่พร้อมที่จะตอบก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ชายหนุ่มพาร่างบางเดินลัดเลาะไปจนกระทั่งถึงธารน้ำเล็กที่ไหลเอื่อยๆ อยู่กลางป่าทางเข้าศูนย์อพยพ ใบหน้าคมเข้มเคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอยู่ไม่ไกล ร่างสูงพาหญิงสาวไปหลบเข้าซ่อนตัวในซอกหินข้างลำธาร ไอรินเกาะคอเขาแน่นเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ
“เกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวถามหลังจากที่ปารินทร์วางเธอนั่งลงกับพื้น ปืนในมือเล็งไปยังทางเดินที่เพิ่งจากมา
“มีคนกำลังเดินมาทางนี้” เขาบอกเสียงเครียด ไอรินตกใจจนหน้าซีดลงเพราะความหวาดหวั่น
“ทหารของคุณหรือเปล่าคะ” หล่อนปลอบใจเขาและตัวเอง ปารินทร์มองไปตามถนนเล็กๆ ที่ยังไม่มีใครโผล่ออกมา
“ถ้าคำนวณเวลาแล้วคนของผมน่าจะยังไม่กลับมา”
ไม่นานการเฝ้ารอก็จบลง เมื่อชายฉกรรจ์สวมชุดเหมือนชาวบ้านธรรมดากำลังเดินผ่านหน้าเขาไป ปารินทร์มองคนทั้งหมดอย่างพิจารณา ทุกคนไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่ๆ เพราะดูจากการแต่งตัวและการถืออาวุธแสดงว่าทุกคนใช้มันเป็นและชำนาญเสียด้วย
ขณะที่ปารินทร์กำลังเฝ้ามองศัตรูอยู่นั้น ไอรินก็ขยับตัวเมื่อกิ้งกือตัวใหญ่กำลังจะไต่ขึ้นบนขาของเธอ ดวงตาคมสวยเบิกกว้างเตรียมจะอ้าปากร้องออกมาอย่างขยะแขยง แต่เสียงร้องของเธอก็หายเข้าไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากอิ่มถูกปิดด้วยเรียวปากร้อน
“อื้อ” ไอรินชาวาบไปทั้งตัว ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้เมื่อริมฝีปากร้อนบดเคล้าดูดดื่มความหวานจากริมฝีปากอิ่ม
ตอนแรกชายหนุ่มแค่อยากปิดเสียงร้องของเธอ แต่ความหอมหวานที่ได้รับทำให้เขาไม่อยากหยุด วงแขนแกร่งกอดกระชับลูบไล้แผ่นหลังบางไปมาอย่างเล้าโลมอยู่ในที แม้เสียงฝีเท้าคนพวกนั้นจะไปไกลแล้ว แต่ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ยังคงบดขยี้อย่างเร่าร้อนต้องการ ไอรินหัวใจเต้นแรง วาบหวิวไปกับสัมผัสของเขา
“อื้อ” มือบางยันอกกว้างออกห่าง ใบหน้าหวานเบี่ยงหลบเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจ ปารินทร์จำต้องเปลี่ยนตำแหน่งไปจุมพิตทั่วใบหน้านวลเนียนและลำคอหอมกรุ่น
“ปล่อยฉันนะ คนฉวยโอกาส” หล่อนต่อว่าเขาเบาๆ เพราะกลัวคนที่เพิ่งเดินผ่านไปได้ยินและวกกลับมา
ปารินทร์ถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียดายนิดๆ ดวงตาคมเข้มมองแก้มแดงระเรื่อแล้วยกมือไล้อย่างพอใจ
“ไม่ได้ฉวยครับ แต่ช่วยกันทำมาหากินต่างหาก ถ้าพวกมันได้ยินเสียงคุณ เราก็ถูกพวกมันจับได้น่ะสิ” เขาบอกนัยน์ตาแพรวพราว
“บอกกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ความผิดของคุณมากนักนะรู้ไหม” บอกเสียงขึ้นจมูก รู้สึกวาบหวามไปทั้งใจ
“ถึงตายไหม ถ้าถึงตายจะจูบต่อให้ขาดใจตายตรงนี้เลย แต่ถ้าแค่ปั่นจิ้งหรีดผมขอสู้”
“ประหารชีวิตด้วยมือของฉันเอง” หล่อนบอกเสียงห้วนพลางออกแรงผลักอกกว้างเต็มแรง แต่ร่างสูงก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
ปารินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอหนา ไม่คิดเกรงกลัวคำขู่ของอีกฝ่าย แม้ความตายจะรออยู่เบื้องหน้า
ไอรินหลบสายตาคมที่มองมา ความหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่จางหายไปเมื่อกระแสความอบอุ่นและปลอดภัยจากอ้อมกอดแกร่งโอบกอดเธอไว้อย่างปกป้อง แม้ทุกการกระทำที่เขาทำจะเป็นเพียงหน้าที่ก็ตาม
*** ขอบคุณคร้า ***
