5 ลิ้มรสเสน่หา
*** ทักทายคร้า ***
เมื่อแน่ใจว่ากลุ่มคนเหล่านั้นผ่านไปไกลแล้ว ปารินทร์ก็คลายอ้อมแขนออกจากเอวบาง สายตายังไม่ยอมละจากแก้มนวล กลิ่นเนื้อนางหอมกรุ่นยังติดที่ปลายจมูก ใจอยากก้มลงไปทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่คิดแต่ก็ต้องตัดใจ
ไอรินขยับตัวยกเข่าทั้งสองขึ้นชัน มือข้างหนึ่งแตะลงบนข้อเท้า อาการปวดบวมลดลงเพราะยาสมุนไพรของเขา
“ค่อยยังชั่วแล้วใช่ไหม”
หล่อนพยักหน้าน้อยๆ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“ผมขอโทษที่ล่วงเกินเมื่อสักครู่”
เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราตรงหน้า
“ฉันจะถือว่านั่นเป็นค่าตอบแทนที่เป็นภาระให้คุณต้องลำบาก...และต่อไปฉันจะเดินเอง” ยังไม่ทันได้ยันตัวลุกขึ้น ไอรินก็อุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อมือใหญ่กระชากเธอเข้ามาชิด ไอรินถึงกับผงะเมื่อสบตาคมแข็งกร้าวของเขา เธอเพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิดที่ทำให้ผู้ชายคนนี้โกรธ ร่างบางเย็นยะเยือกไปทั่วสันหลังอย่างหวาดหวั่นเมื่อรับรู้ถึงความดุดันและโหดร้ายในสายตาคม ใบหน้านวลก็ร้อนผ่าวครั้นใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้
“ทำบ่อยจนชินรึไงคุณหมอ แต่สำหรับผมต้องมากกว่าจูบเพราะแบกคุณมาตั้งไกล และวันนี้ผมไม่ได้พักร้อนไปอยู่กับสาวๆ ก็เพราะคุณ เพราะฉะนั้นค่าตอบแทนแค่จูบเดียวยังไงก็ไม่พอ” เขาบอกเสียงลอดไรฟันอย่างโมโห
ไอรินหน้าซีด พยายามดิ้นออกจากการเกาะกุมของเขา แต่ผู้พันหนุ่มไม่ยอมปล่อย กอดรัดร่างบางแน่นขึ้นไปอีกจนอกอวบอิ่มเบียดชิดกับอกกว้าง ทำให้ผู้พันหนุ่มผู้ห่างหายจากสตรีเพศมาร่วมเดือนร้อนไปทั้งตัว
“ปล่อยฉันนะผู้พัน ถ้าคุณล่วงเกินฉันมากไปกว่านี้ ฉันจะเอาผิดคุณ”
ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มกับคำขู่ของหญิงสาว
“ข้อหาอะไร ข่มขืน ปล้ำจูบ หรือเพราะคุณสมยอมแล้วผมไม่รับผิดชอบ” เขาบอกเสียงพร่า ไล้ปลายนิ้วแข็งแกร่งบนแก้มนวลปลั่งเบาๆ ไอรินขยับออกห่าง แต่หลังบางชนกับแผ่นหินจนขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ ปลายคางมนถูกมือใหญ่จับเชิดขึ้น
หญิงสาวสบตาคมแข็งกร้าว รู้สึกกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรับรู้ได้ถึงบางอย่างในสายตาคม ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อเขาก้มลงมาชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ริมฝีปากใต้ไรเคราเขียวครึ้มยกขึ้นเหมือนจะยิ้ม แต่ในความรู้สึกของคนมองนั่นดูคล้ายจะเย้ยหยันอยู่ในที
“คุณ” ไอรินใจสั่นระรัวเมื่อเห็นสายตาเขาหลุบมองริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะไล้ปลายนิ้วแข็งแรงมาที่ริมฝีปากอิ่มที่ได้ลิ้มลองความหวานล้ำเมื่อสักครู่
ดวงตาคมทอประกายพราวระยับ เมื่อใจพร่ำอยากจูบซับความหวานอีกสักครั้ง ปารินทร์ก้มลงไปชิดริมฝีปากอิ่มแล้วยิ้มใส่ตาคมสวยคู่งาม
“โทษเบาสุดคงจะเป็นคุณสมยอมแล้วล่ะคุณหมอคนสวย” เสียงเขาพร่าต่ำอย่างน่ากลัว
ไอรินมองเขาอย่างหวาดหวั่น
“ถ้าคุณทำอะไรฉัน รับรองพี่ชายฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
ปารินทร์ยิ้มกับคำขู่ สบตาคมโตไหวระริกเหมือนนางสมันน้อยระวังภัยแล้วอดสงสารไม่ได้ แต่เสียงเรียกร้องของหัวใจที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ก็ทำให้ริมฝีปากอุ่นร้อนแนบลงไปบนกลีบปากนุ่ม
“แล้วคุณจะให้พี่ชายฆ่าสามีตัวเองได้ลงคอเหรอ”
“สารเลว” หล่อนสบถออกมาแรงๆ และดิ้นออกจากอ้อมแขนแกร่ง ปารินทร์กระแทกแผ่นหลังบางกับก้อนหินแรงๆ จนเธอเจ็บ แต่ก็ไม่มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมาแสดงความอ่อนแอของตัวเอง
“ปากคมเหมือนกรรไกรห้องผ่าตัดจริงๆ แต่ลับให้คมอยู่เรื่อยๆ นะ ตราบใดที่คุณยังเป็นภาระให้ผมอยู่แบบนี้ ค่าตอบแทนของเราก็ยังอยู่เช่นกัน”
ไอรินจ้องเขาเขม็ง ปารินทร์จึงประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มเนียนหนักหน่วงจนเธอหลบไม่ทัน แรงบดขยี้ของเขาทำให้หญิงสาวเผลอครางออกมา เปิดโอกาสให้ปลายลิ้นสากแทรกผ่านเข้าไปหาความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน
“อื้อ...อื้อ” ร่างกายเธอชาวาบไปทั้งตัว เมื่อลิ้นสากคว้านลึกเข้าไปกวาดไล้แล้วสอดรัดกับเรียวลิ้นเล็กจนเธอแทบสำลักลมหายใจ วงแขนกอดรัดร่างนุ่มละมุนแนบแน่น จูบหนักหน่วงรุนแรงแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มจนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก ใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างไม่เคยเป็น รู้สึกหวิวๆ เหมือนจะเป็นลม เพราะความที่ประเพณีแถบทะเลทรายเคร่งครัดจนทำให้ไม่เคยใกล้ชิดชายใดมาก่อน นอกจากชีคคามิกพี่ชาย
ปารินทร์จุมพิตเรียวปากหวานอย่างหิวกระหาย เพลิดเพลินจนลืมเวลา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกระตุ้นความต้องการของเขาได้มากขนาดนี้มาก่อน
ผู้พันหนุ่มใช้ความเจนจัดในสนามรักทำให้ร่างบอบบางอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ลิ้นสากเร่าร้อนซอกซอนทั่วช่องปากชื้น ก่อนจะเกี่ยวรัดดูดดุนเรียวลิ้นเล็กอย่างหยอกเย้า สัมผัสแปลกใหม่เร้ารัญจวนอย่างที่ไม่เคยพานพบมาก่อน ทำให้มือที่ยันอกกว้างขยับเลื่อนขึ้นไปยึดไหล่หนาไว้ทั้งสองข้าง ฝ่ามือหนาก็ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบางอย่างเล้าโลม ก่อนจะลากไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งได้สัดส่วนงดงามอย่างย่ามใจ
“อืม” ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาลากผ่านทรวงอกอวบอิ่มแล้วเคล้าคลึงไปมา ความเสียวซ่านทำให้อกอิ่มเบียดแอ่นเข้าหา
แต่อารมณ์วาบหวามพลันหยุดลงเมื่อเสียงปืนดังขึ้นไม่ไกลจากที่ทั้งสองอยู่ ปารินทร์ผ่อนลมหายใจแผ่วเบาแล้วมองลอดช่องหินออกไปทางต้นเสียง ก่อนจะก้มมองใบหน้าแดงก่ำของคนในอ้อมแขน
“ค่าตอบแทนหวานซ่านทรวงจริงๆ ทูนหัว...แต่น่าเสียดายที่หมดเวลาแล้ว” เขาบอกนัยน์ตาพราว
ไอรินกำมือเข้าหากันแน่น ไม่กล้าต่อว่าให้เขาโกรธ ปารินทร์ยิ้มเมื่อสายตาคมสวยตวัดค้อนให้
“เราต้องรีบไปจากที่นี่เพื่อความปลอดภัย เมื่อกี้ไม่รู้เสียงปืนฝ่ายไหน”
“ไม่ต้องมาจับ เดินเองได้” หล่อนสะบัดตัวออกจากเขาแล้วลุกขึ้น แต่พอลงน้ำหนักไปที่เท้าก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“อวดเก่ง” เขาบอกเสียงเข้มขณะเข้าไปประคองหญิงสาวเดินออกมา ดวงตาคมกวาดมองไปรอบๆ บริเวณอย่างระวัง เสียงปืนเงียบไปแล้วแต่มีเสียงเหยียบย่ำใบไม้เข้ามาแทนที่ มือหนากอดเอวบางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ ปืนในมือเล็งไปทางต้นเสียง ไอรินตกใจซุกหน้ากับแผ่นอกหนา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงกับการผจญภัยต่างบ้านต่างเมืองดับหายเมื่อวงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอไว้ เสียงผิวปากสั้นๆ สามครั้งของพรานนกทำให้ปารินทร์เป่าลมออกจากปากแรงๆ
“ฟู่ว์”
“ผมเองครับพี่จ๊อบ” หมวดอชิตะพร้อมพรานนกและนายทหารอีกสี่คนถือเปลเดินออกมา
ปารินทร์โอบประคองร่างบางออกจากที่ซ่อน ไอรินหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นสายตาล้อเลียนของผู้หมวดหนุ่ม แต่เจ้าของวงแขนยังไม่ยอมคลายมือออกจากเอวบางจนเธอต้องเอ่ยเตือน
“ปล่อยค่ะ ฉันยืนเองได้” เธอเบี่ยงตัวออก ปารินทร์ก้มมองใบหน้าหวานแดงระเรื่อแล้วกระซิบถามพอได้ยินกันสองคน
“กลัวเสียค่าตอบแทนหรือไง”
เธอขึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรเขาอย่างที่ใจคิดไม่ได้เพราะผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไปสำหรับเธอ
“ผมว่าเรารีบไปดีกว่าครับ คุณหมอคงยืนนานไม่ได้แน่” อชิตะบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมกับยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
ปารินทร์ส่งปืนให้ลูกน้องคนสนิทแล้วย่อตัวอุ้มร่างบางเข้ามาในวงแขน หญิงสาวหน้าแดงซ่านไม่กล้ามองเขา ร่างสูงวางร่างบางลงบนเก้าอี้ที่มีคานแบกทั้งสองข้าง จากนั้นก็เดินนำทุกคนไปที่ค่ายอพยพติดชายแดน
*** ขอบคุณคร้า ***
