3. อวดเก่ง
*** ทักทายคร้า ***
อชิตะซึ่งเดินนำขบวนอยู่ด้านหน้า หันกลับไปมองการต่อปากต่อคำของผู้บังคับบัญชากับคุณหมอสาวยิ้มๆ งานนี้หนุ่มเนื้อหอมขวัญใจสาวค่อนประเทศจะตกหลุมรักสาวตั้งแต่แรกเห็นรึยังไงหนอ…อชิตะยิ้มอย่างครึ้มใจ ก่อนจะเดินตามหลังพรานนกไปเงียบๆ
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ ทีมงานอารักขายังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ไอรินจะต่อสู้กับความเจ็บปวดได้ เพราะทางเดินลาดชันขึ้นเรื่อยๆ เท้าเล็กที่ก้าวไปข้างหน้าเริ่มอ่อนแรง บางครั้งต้องหยุดเพราะเดินต่อไปไม่ไหวจนต้องอยู่ท้ายสุดของขบวน
“อูย!” ไอรินอุทานเบาๆ กับตัวเองเมื่อเท้าก้าวไม่พ้นกิ่งไม้แห้งที่ขวางอยู่ หญิงสาวเดินต่อไปไม่ไหวจึงทรุดนั่งบนก้อนหินข้างทาง มือบางแตะลงบนข้อเท้าแล้วต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“อวดเก่ง”
ไอรินเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ยืนบังแดดให้ ร่างบางค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นแต่ก็ต้องซวนเซไปข้างหลังจนเกือบจะล้มหากไม่มีมือใหญ่โอบรัดเอวไว้
“เจ็บแล้วยังไม่เจียมตัวเองอีก” เขาต่อว่าเสียงทุ้ม
ไอรินเงยหน้าขึ้นมองเขาตาโตทำให้แก้มหอมกรุ่นชนกับปลายจมูกโด่งอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่งนานเหมือนตกอยู่ในภวังค์
ปารินทร์มองแก้มแดงๆ ปากแดงๆ ตรงหน้า แม้วงหน้ารูปหัวใจจะมอมแมมแต่ก็ยังสวยและหอมจรุงใจ ชายหนุ่มโน้มลงไปใกล้จนปลายจมูกโด่งชนปลายจมูกรั้นอย่างไม่รู้ตัว
“อะแฮ่ม...ตาต่อตาประสานหวานในจิต ให้ใจเฝ้าคิดถึงคะนึงหา หากชาตินี้ไม่ได้เจ้าเคียงกายา พี่คงวายชีวาแน่แม่แก้วตา”
แม้กลอนตอนจบของหมวดอชิตะจะไม่หวาน แต่ก็มีผลให้ทั้งสองผละออกจากกันทันที โดยที่วงแขนแกร่งยังไม่ปล่อยจากเอวบาง
ไอรินเบี่ยงตัวออก รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้าเมื่อมองไปยังเพื่อนร่วมทีมและทหารที่กำลังมองมาด้วยแววตาล้อเลียน
ปารินทร์ส่งสายตาปรามลูกน้อง ทำให้หมวดหนุ่มอารมณ์ดีต้องหุบยิ้มเมื่อเจอสายตาพิฆาตของหัวหน้าหน่วย
“พาทุกคนล่วงหน้าไปก่อน จะได้ไม่เสียเวลา นี่ก็บ่ายแล้วด้วย” ปารินทร์สั่งเสียงเข้มเพื่อกลบเกลื่อนอาการขัดเขินของตัวเอง
“ครับผม” หมวดหนุ่มยืดตัวตรงรับคำสั่ง หากสีหน้าและแววตาแพรวพราว ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทุกคนออกเดินทางต่อ
“ส่วนคุณนั่งลง ผมขอดูข้อเท้าหน่อย”
“นี่! ปล่อยนะ...ทำไมคุณไม่ให้ทหารทำเปลให้นั่งเหมือนที่บอกล่ะ” ปัดมือเขาออกพลางขืนตัวไม่ยอมเดินไปตามแรงฉุดของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถสู้แรงเขา จึงถูกจับนั่งลงบนโขดหินจนได้
“คุณคนเดียวจะทำให้คนอื่นเสียเวลา ถ้าเกิดค่ำมืดจะยิ่งอันตราย เพราะป่าแถบนี้ทั้งเสือทั้งผีดุพอกัน”
พอได้ยินเท่านั้นร่างบางก็รีบลุกขึ้นไปเกาะแขนแกร่ง ใบหน้างามมองรอบตัวอย่างกลัวๆ
ริมฝีปากได้รูปของปารินทร์ยกขึ้นอย่างอดขำไม่ได้
“รีบไปเถอะค่ะ ฉันเดินไหว”
“ถ้าไหวก็ตามมา” เขาบอก แล้วออกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอ ทำให้ไอรินต้องรีบตามไปทันที แม้จะเจ็บแสนเจ็บแต่เธอก็ไม่ยอมหยุด เท้าเล็กเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แต่ดวงตาคมสวยคลอไปด้วยน้ำตาเมื่อคิดถึงมารดาและพี่ชายที่อยู่แดนไกล
ปารินทร์หันกลับไปข้างหลังเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของหญิงสาว ดวงตาคมเข้มมองริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างข่มความเจ็บปวดไว้ข้างใน ชายหนุ่มสะพายปืนไว้ข้างหลังแล้วย่อตัวลงไปอุ้มร่างบางขึ้นแนบอก ไอรินตกใจรีบกอดคอเขาไว้โดยอัตโนมัติ
“คุณจะทำอะไร...ปล่อยนะ” ไอรินโวยวายมองเขาอย่างหวาดหวั่น หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่อได้กลิ่นน้ำยาโกนหนวดและโคโลญจน์สำหรับผู้ชายลอยเข้ามาในจมูก
“อยู่เฉยๆ สิคุณ ผมไม่นิยมขืนใจผู้หญิงหรอกน่า ยิ่งอ้อนแอ้นกอดไม่เต็มไม้เต็มมือแบบคุณไม่ใช่สเปก สบายใจได้”
ปากพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจกลับค้านคำพูดตัวเอง เพราะรู้ดีว่าร่างอ้อนแอ้นนี้กลมกลึงเต่งตึงได้สัดส่วนและนุ่มละมุน เพียงแค่ได้กอดก็ทำให้เขาร้อนไปทั้งตัว
ปารินทร์วางร่างบางลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างทาง
“ยี้! คนบ้า ถอยไปห่างๆ เลยนะ” มือบางผลักร่างสูงที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า
ปารินทร์ไม่ทันระวังตัวจึงล้มลงไปนั่งกับพื้น มือใหญ่คว้าข้อเท้าเล็กขึ้นแล้วถอดรองเท้าออก ทำให้เห็นข้อเท้าที่บวมเป่งชัดเจนขึ้น
ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหนักใจกับอาการของเธอ แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเขาคงรำคาญและหงุดหงิดที่เธอกลายเป็นภาระให้เขาต้องยุ่งยาก หญิงสาวจึงดึงเท้ากลับ แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยแถมส่งสายตาดุๆ ไปให้อย่างคาดโทษหากเธอยังดื้อดึง
ใบหน้าสวยบึ้งตึงไม่พอใจ ไม่เคยมีใครกล้าออกคำสั่งหรือบังคับเธอแบบนี้มาก่อน ในรัฐบาริลคนที่มองเธอด้วยสายตาแบบนี้ต้องถูกลงโทษไปนานแล้ว แต่ผู้ชายทระนงคนนี้จะยอมรับโทษจากเธอหรือเปล่า ดูจากลักษณะท่าทางแล้ว เขาคงจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ อย่างแน่นอน
ร่างบางสะดุ้งไหวเมื่อรู้สึกเย็นที่ข้อเท้า ดวงตาคมสวยมองมือกร้านแดดที่กำลังนวดคลึงบริเวณข้อเท้าเล็กของเธออย่างอ่อนโยน ความเย็นของยาทำให้อาการปวดเบาบางลง
“ยาอะไรคะหอมแปลกๆ” เธอถามขณะมองขวดยานวดสีเขียวในมืออีกข้างของเขา
“สมุนไพรไทยแก้ปวดบวมและลดการอักเสบ”
“ทำจากอะไรคะ” เธอถามอย่างสนใจ เพราะเคยศึกษาเรื่องสมุนไพรไทยและนำไปพัฒนาเป็นยารักษาโรคมาแล้ว
“ไม่รู้สิ รอผมกลับไปเรียนหมอก่อนก็แล้วกัน” คำตอบกวนประสาทของเขา ทำให้ดวงตาคมสวยตวัดค้อนให้เขาทีหนึ่ง
“เอาล่ะ เสร็จแล้วก็ขึ้นขี่หลัง เราจะได้ไปกันต่อ” เขาบอกพลางหันหลังให้ ไอรินหน้าแดงซ่านไม่ยอมขึ้นขี่หลังเขา จนผู้พันหนุ่มต้องสั่งอีกครั้ง
“เร็วสิคุณหมอ เรามีเวลาไม่มากแล้วนะ”
ไอรินลังเล แต่พอสบสายตาคมดุของเขา ร่างบางก็พยุงตัวขึ้นเกาะไหล่หนา
ปารินทร์แอบยิ้มอยู่ในใจเมื่อลำแขนกลมกลึงโอบรอบลำคอหนา กรามแกร่งนูนขึ้นเป็นสันเมื่อทรวงอกอวบอิ่มแนบไปกับแผ่นหลังกว้าง ใบหน้าสวยเกยอยู่บนไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม กลิ่นกายหอมกรุ่นทำให้เลือดในกายของผู้พันหนุ่มฉีดพล่านไปทั่วร่าง
*** ขอบคุณคร้า ***
