พสุธาล่ารัก

116.0K · จบแล้ว
ทรายสีเงิน
81
บท
6.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะความเข้าใจผิด คิดว่าเธอมีเจ้าของแล้ว ทำให้ปารินทร์ ผู้พันหนุ่มแห่งกองทัพไทยเจ็บลึกไปทั้งใจแต่ด้วยมนตราแห่งพื้นป่า ดลให้กุหลาบดอกงาม ตกอยู่ในมือของผู้พันหนุ่มผู้ทั้งดุดัน และเอาแต่ใจจนเธอให้ฉายาจอมมารกับเขา หากสุดท้ายจอมมารอย่างปารินทร์ก็กลายเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ปกป้องคนที่รักด้วยหัวใจ

นิยายรักโรแมนติกทหารองค์หญิงพลิกชีวิตสัญญาทางรักเศรษฐี

1.บทนำ

*** ทักทายคร้า พสุธาล่ารัก เป็นนิยายรักหวานๆ ของนายทหารหนุ่มกับองค์หญิงต่างแดนค่ะ ไปติดตามกันเลยจ้า ***

บึ้มๆๆ!!...

เสียงระเบิดดังกึกก้องแว่วเข้ามาในฝั่งไทยเป็นระยะๆ ร่างสูงสง่าในชุดลายพรางทหารของพันตรีปารินทร์ อันจิมานันท์ ยืนกอดอกมองควันสีขาวที่ลอยขึ้นบนท้องฟ้าอย่างไม่สบายใจ

ดวงตาคมเข้มของผู้พันหนุ่มแห่งกองทัพไทยเคร่งขรึม เมื่อคิดถึงความทุกข์ยากของชาวบ้านตามแนวตะเข็บชายแดน การกวาดล้างชนกลุ่มน้อยของประเทศเพื่อนบ้านทำให้ศูนย์อพยพเนื่องแน่นไปด้วยประชาชนตาดำๆ ที่หนีตายเข้ามาในเขตไทย หลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม โดยเฉพาะองค์การสหประชาชาติก็ได้ส่งหน่วยแพทย์อาสาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา

เสียงฝีเท้าของนายทหารต้นห้องเดินเข้ามาในห้องทำงาน ทำให้ใบหน้าคมสันต้องหันไปมอง

“มีวิทยุด่วนเข้ามาครับผู้พัน”

ไม่ต้องรอให้รายงานซ้ำ ร่างสูงสง่ารีบลงไปที่ห้องสื่อสารอย่างรวดเร็ว นายทหารที่ประจำการอยู่ลุกขึ้น ยืดตัวตรงเพื่อทำความเคารพผู้บังคับบัญชา

“เหยี่ยวลมเรียกดาวเหนือ เหยี่ยวลมเรียกดาวเหนือ ทราบแล้วเปลี่ยน” ปารินทร์เอ่ยสัญลักษณ์ตามรหัสที่รู้กันในหน่วยงาน

“มีคำสั่งจากดาวเหนือให้เหยี่ยวลมอารักขาหน่วยแพทย์อาสาของสหประชาชาติ ที่จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามแนวตะเข็บชายแดน” เสียงปลายสายตอบกลับมา

คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ ปกติกองกำลังที่อำนวยความสะดวกกับหน่วยงานต่างๆ เป็นของอีกหน่วยหนึ่งนี่นา แต่ด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทำให้ปารินทร์ซักถามรายละเอียดที่ควรจะรู้ต่อไป

“แจ้งจำนวนเจ้าหน้าที่ด้วย”

“ห้าคน...คำสั่งจากดาวเหนือให้ปฏิบัติการครั้งนี้ให้ดีที่สุด ขอย้ำว่าให้ดีที่สุด” การย้ำคำสั่งไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนักในการปฏิบัติหน้าที่ หากครั้งนี้ทำให้ผู้พันหนุ่มถึงกับแปลกใจ จากนั้นการสื่อสารก็ตัดไป

ไม่ถึงสิบนาที ทหารจำนวนสิบห้านายที่เข้าร่วมภารกิจนี้ก็ออกมายืนเรียงแถวหน้าตึกทำการพร้อมสัมภาระและอาวุธคู่ใจ ผู้บัญชาการศูนย์เดินตรวจความเรียบร้อย พร้อมกับพันตรีปารินทร์ หัวหน้าหน่วยเหยี่ยวลม

“ภารกิจในครั้งนี้สำคัญกับชื่อเสียงของประเทศเป็นอย่างมาก ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มความสามารถ ขอให้ทุกคนโชคดี”

สิ้นคำผู้บัญชาการศูนย์ เสียงเรียบอาวุธก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะแยกย้ายขนสัมภาระขึ้นรถจี๊ปแบบทหารไปสมทบกับหน่วยแพทย์แถบชายป่าใกล้กับตะเข็บชายแดน

“พอจะบอกเหตุผลของปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ได้ไหมครับท่าน” ปารินทร์ถามออกมาอย่างใคร่รู้ ทำให้นายพลใกล้เกษียณหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

“งานนี้เป็นปฏิบัติการณ์ลับนิดหน่อยผู้พัน ผู้ใหญ่ในกระทรวงต่างประเทศสั่งมาอีกทอดหนึ่ง เพราะหนึ่งในแพทย์อาสาเป็นบุคคลสำคัญในรัฐแถบทะเลทรายที่มีจิตอาสาขอมาทำงานนี้โดยไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย และนายพลสมานพ่อของผู้พันก็กำชับให้ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง”

“ประเภทอยากดังหรือเปล่าครับ” ปารินทร์ถาม เมื่อเดินไปหยุดอยู่ข้างรถ

“อยากดังแล้วลำบากคงใช้ไม่ได้กับท่านหญิงคนนี้หรอกผู้พัน เธอคงมีจิตอาสาจริงๆ”

ปารินทร์ยิ้มน้อยๆ ที่ริมฝีปากได้รูป ก่อนจะยืดตัวตรงทำความเคารพผู้บังคับบัญชา แล้วก้าวขึ้นไปนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ

รถวิ่งไปตามถนนลูกรังด้วยความเร็วพอประมาณเพื่อไปยังพิกัดที่นัดหมาย ดวงตาคมเข้มกวาดมองสองข้างทางอย่างระแวงระวัง เกือบสองชั่วโมงรถจึงหยุดที่ลานหินกว้างเพื่อรอรับคณะแพทย์อาสาที่เดินเท้าเข้ามา

ปารินทร์ก้าวลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ ทหารที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปซ่อนหลังพุ่มไม้ใหญ่อย่างรู้หน้าที่

“จ่าเคลียร์รอบๆ บริเวณด้วยนะ”

“ครับผู้พัน” จ่าแสวงยืดอกรับคำสั่ง ก่อนจะพาพลทหารอีกสามนายออกลาดตระเวนใกล้ๆ จุดพัก

“น่าแปลกนะครับพี่ ปกติหน้าที่คุ้มกันหน่วยราชการคือหน่วยของผู้กองประเด็จ แต่ทำไมงานนี้ถึงเป็นหน่วยเราล่ะครับ”

ร้อยตรีอชิตะ โกมน เอ่ยถามอย่างสงสัย พลางเดินไปนั่งข้างๆ ผู้พันปารินทร์ก่อนจะส่งขวดน้ำดื่มให้ แต่ปารินทร์ยกมือปฏิเสธ

“มีพวกคุณหนูอยากดังร่วมขบวนมาด้วย ผู้ใหญ่สั่งและกำชับมาอีกที”

“ลูกท่านหลานเธอคนไหนล่ะครับเที่ยวนี้” อชิตะเอ่ยพลางถอนหายใจเบาๆ

“ท่านหญิงแถบทะเลทราย รัฐอะไรไม่รู้ จำไม่ได้” ปารินทร์ตอบเสียงเรียบเหมือนไม่ใส่ใจ ก่อนจะยกมือให้สัญญาณทุกคนซ่อนตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาใกล้

*** ขอบคุณคร้า ***