7. แนวคิดแรก
ถิงหลันเดินเข้ามาในจวนก็ต้องหยุดชะงัก ความรู้สึกหดหู่เมื่อครู่เริ่มจางหายไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า นางยืนมองความอลังการของจวนโหวอย่างตื่นตะลึง จนลืมความคิดเมื่อครู่ไปเสียถนัด
“มันต้องใหญ่โตขนาดนี้เลยหรือ” พึมพำออกมาพร้อมกับเดินตามองครักษ์ทั้งสองเข้าไปด้านใน และกว่าจะไปถึงที่พักนางก็ต้องเดินผ่านเรือนรับรองหลังใหญ่ รวมถึงสวนกว้างที่รายล้อมไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์ ทว่ายามนี้มันแห้งเหี่ยวไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก บางต้นเหลือเพียงซาก คงอยู่เพียงพืชที่มันไม่ค่อยต้องการน้ำเท่านั้น
“ถ้าเมืองนี้ไม่แห้งแล้ง จวนหลังนี้คงสวยมากแน่” นางพึมพำถึงภาพที่เห็น แม้เรือนแต่ละหลังจะใหญ่โต ทว่ามันกลับไร้สีสัน
เพราะมองไปที่ใดก็พบแต่ภาพเหี่ยวเฉาของต้นไม้ ในสระบัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่น้ำซักหยดยังไม่มี ไม่รู้ว่าคนเมืองนี้อยู่กันเช่นไร
นางยังคงเดินตามผู้นำทาง กระทั่งผ่านเรือนตำราหลังใหญ่และคาดว่าท่านโหวคงใช้ที่นี่เป็นห้องทำงานด้วย เมื่อเดินต่อมาอีกก็เป็นเรือนพักสองหลังแยกกัน มีบันไดเจ็ดขั้น โดยรอบเป็นระเบียงโอบล้อมทั้งเรือน คาดว่าตนคงได้พักอยู่ที่นี่กระมัง
“พักได้หรือไม่ขอรับ ยามนี้ภายในเมืองไม่ค่อยมีใครอยากทำงานดูแลคนในจวน เพราะมันลำบากต้องออกไปตักน้ำสำหรับใช้สอย ผู้คนส่วนมากจึงอพยพไปทำงานต่างเมืองอย่างที่เราเห็นตามทางนั่นแหละขอรับ” จื่อโม่เอ่ยบอกเสียงเบา เมื่อทั้งสามเดินขึ้นมาบนเรือนแล้ว สีหน้าเขาดูกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะเรือนพักแห่งนี้ยังไม่ทันได้ทำความสะอาดเลย ที่สำคัญมันดูวังเวงอย่างไรไม่รู้
“ไม่ได้ก็ต้องได้ เพราะที่นี่ไม่มีบ่าวไพร่คอยรับใช้ หึ! คงคิดว่าแต่งเป็นฮูหยินท่านโหวแล้วจะสุขสบายสินะ ถึงได้ยอมตามมาง่าย ๆ เช่นนี้ ผิดหวังมากสิท่า” จางเฉินเอ่ยหยันสตรีตรงหน้า เพราะเขาไม่ชอบนางตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว ยิ่งได้ฟังคำผู้เป็นนายยิ่งไม่ชอบ
ในสายตาเขา นางก็เป็นเพียงสตรีมักใหญ่ใฝ่สูง หาความจริงใจไม่มี ไร้ยางอายเป็นที่สุด ยอมแต่งกับคนแก่กว่าเป็นรอบ เพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่งฮูหยินท่านโหวมาครอง
ถิงหลันจึงหันกลับมามองหน้าจางเฉินนิ่ง ‘ดูท่าองครักษ์ผู้นี้คงไม่ชอบเราเอามาก ๆ คอยพูดจาขัดตลอดเลย’ นึกในใจทว่าไม่ได้ตอบโต้ในสิ่งที่เขาเอ่ย เพราะถ้านางทำเช่นนั้นเท่ากับสร้างศัตรูเพิ่ม หญิงสาวจึงหันมาเอ่ยกับจื่อโม่แทน “ข้าอยู่ได้” ตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินเข้าเรือนเพื่อสำรวจดูทั่วบริเวณ โดยมีจื่อโม่เดินตาม ส่วนจางเฉินยืนรอด้านนอก เพราะเขาเหนื่อยจะตามสตรีผู้นี้แล้ว
ถิงหลันสำรวจไปเรื่อย จนกระทั่งมาหยุดที่สระน้ำหลังเรือน นางมองพื้นดินที่แห้งผาดก็ถึงกับถอนหายใจ “มันแล้งมากจริง ๆ ไม่แปลกที่ผู้คนจะอพยพไปอยู่ที่อื่น” เอ่ยออกมาให้คนข้าง ๆ ได้ยินไปด้วย
“แล้ว คุณหนูอยู่ได้หรือไม่ขอรับ” องครักษ์หนุ่มถามอีกหน เพราะเขาเกรงว่าที่นางตอบไปเมื่อครู่แค่เลี่ยงปัญหาเท่านั้น
“ได้สิ ทว่าเราพอมีคนที่ใช้ได้หรือเปล่า” หันมาถามเสียงจริงจัง
“ถ้าท่านต้องการ ก็ได้ขอรับ”
“เช่นนั้นหาให้ข้าสักสิบคนนะ หาอุปกรณ์ขุดมาด้วย จากนั้นให้มารอข้าที่สระน้ำนี่แหละ ประเดี๋ยวข้ามีงานให้ทำ” เอ่ยจบนางก็เดินกลับเข้าเรือน จากนั้นก็ทำความสะอาดห้องรอคนงานที่องครักษ์หนุ่มไปหามาให้ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามเขาก็กลับมา ทว่าคนงานที่ได้กลับเป็นชาวบ้านที่ยังไม่ทันได้ย้ายออกจากเมือง แทนที่จะเป็นทหาร
“เอ่อ…ชาวบ้านเหล่านี้อยากได้เงินก่อนอพยพขอรับ” จื่อโม่บอกกล่าวเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าสงสัย แต่สหายอีกคนยืนมองนางตาขวาง เพราะเข้าใจว่านางหมายจะให้ทหารมาช่วยงานส่วนตัว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ท่านโหวไม่ชอบเอามาก ๆ
“อืม…ก็ดี ทว่าเรามีเงินจ้างใช่หรือไม่ ข้าไม่มีเงินติดตัวนะ” หันมากระซิบถามองครักษ์หนุ่ม ก็นางถูกแบกออกมาทรัพย์สินอะไรก็ไม่มีติดตัว สินเดิมก็น่าจะอยู่ในขบวนที่กำลังตามมากระมัง
จื่อโม่ยิ้มเอ็นดูก่อนตอบ “มีขอรับ เรื่องนี้ท่านอย่ากังวล ท่านโหวแยกส่วนของท่านไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ”
“โอ้! ดีเลย” ถิงหลันยิ้มแป้นทันที ก่อนที่นางจะลงไปพูดคุยกับคนงานถึงแผนที่ตนต้องการให้พวกเขาทำ ไม่นานชายฉกรรจ์ทั้งสิบก็เริ่มขุดดินเป็นวงกลมใจกลางสระบัว นางจึงหันมาหาองครักษ์หนุ่มอีก
“พี่พาข้าไปที่ครัวหน่อยสิ” สะกิดเขาเบา ๆ อีกฝ่ายก็พาเดินอ้อมออกมา ถิงหลันจึงสังเกตภายในสวนไปด้วย กระทั่งมาถึงเรือนน้อยสำหรับทำครัว นางเดินเข้าไปก็ต้องชะงัก เพราะมีเพียงอุปกรณ์ทำอาหารที่เขรอะไปด้วยฝุ่นแขวนไว้ “พี่ไปหาซื้อของให้ได้หรือไม่” หันมาหาผู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนจะยิ้มแป้นส่งให้
“ได้ขอรับ” อีกฝ่ายรับคำเสียงอ่อน เพราะถ้าเขาไม่ไปก็คงไม่มีใครไปแล้ว ด้านจางเฉินก็เฝ้าคนงานอยู่อีกฝั่งเรือน ฉะนั้นก็ต้องเป็นเขานั่นแหละคอยจัดการธุระทุกอย่างให้กับว่าที่ฮูหยิน
ผ่านไปสองเค่อ [สามสิบนาที] จื่อโม่ก็กลับมาพร้อมกับข้าวของมากมาย ยังดีที่มีคนงานของร้านเข็ญมาส่งให้
“ขอบคุณนะ พี่ไปพักเถอะประเดี๋ยวข้าจะทำอาหารให้กิน” โบกมือไล่เมื่อจัดการทุกอย่างเข้าที่แล้ว
“เช่นนั้นข้าน้อยขอไปดูคนงานขุดบ่อนะขอรับ”
“อืมไปเถอะ” โบกมือไล่อีกหน และคราวนี้ไม่หันมามองด้วยซ้ำ เพราะนางกำลังหันหมูอยู่ ถิงหลันตั้งใจจะทำบะหมี่เกี๊ยวให้ทุกคนกิน
ผ่านไปสองชั่วยาม [สี่ชั่วโมง] ยามโหย่ว [17:00-18:59]
ถิงหลันทำอาหารเสร็จมาพักใหญ่แล้ว นางได้กลับมาดูการขุดบ่อที่รุดหน้าไปมาก ยามนี้ความลึกของมันท่วมหัวคนงาน ที่สำคัญคือมีน้ำซึมออกมาเป็นระยะ นางจึงให้พวกเขาขึ้นมาเสีย
“อ้อ…ข้าทำอาหารไว้ พี่ ๆ ทานเสร็จแล้วค่อยกลับนะ” เอ่ยบอกเสียงใส พร้อมกับรอยยิ้มที่เผยออกมาภายหลัง ทว่าสิ่งที่คนงานสนใจไม่ใช่ของกินอย่างที่นางบอก พวกเขากำลังมองดูน้ำที่ซึมออกมาจนเต็มก้นบ่อต่างหาก เพราะนานแล้วไม่ได้เห็นภาพเช่นนี้
ถิงหลันสังเกตดูสีหน้าแต่ละคนรวมถึงองครักษ์ทั้งสอง ก็อดขันมิได้ เพราะแต่ละคนเผยแววตาเปล่งประกายเหมือนกำลังลุ้นการแข่งขัน เหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด จากนั้นก็เอ่ยกับคนงานที่มาช่วยขุด “หากน้ำได้สักครึ่งบ่อ พวกพี่จะตักเอาไปใช้ในครัวเรือนก็ได้นะ”
“ได้หรือขอรับ” ชายคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“เรามาเอาน้ำไปใช้ได้หรือขอรับ” อีกคนก็รีบถาม
“ได้สิ ก็ข้าอนุญาตแล้วนี่ไง” ถิงหลันตอบพร้อมกับทำหน้ามึนงง เพราะท่าทางของคนงานดูไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก แม้แต่องครักษ์ทั้งสองยังหันมามองนางเป็นตาเดียว จนหญิงสาวต้องผูกคิ้วเป็นปม
“ทำไมล่ะ หรือมีใครห้าม” หันมาหาจื่อโม่ทันที
“ไม่ได้ห้ามขอรับ ทว่าน้ำในเมืองโจวมีไว้สำหรับซื้อขายเท่านั้น”
“หา! มันแย่ถึงกับต้องซื้อขายกันเลยหรือ” คนไม่เชื่อร้องเสียงหลง นางนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ามันจะร้ายแรงเพียงนี้
“ขอรับ” จื่อโม่ตอบก่อนจะยิ้มเอ็นดูท่าทางหญิงสาว
“หากท่านแจกจ่ายน้ำให้คนงาน อีกไม่นานจะมีคนมุ่งมาที่จวน จนเกิดความวุ่นวาย” จางเฉินกล่าวเสียงเรียบ แม้เขาจะเห็นชอบกับแนวคิดของนาง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเตือนไว้ก่อน เพราะถ้าคนกลุ่มนี้ได้น้ำไป ชาวเมืองที่เหลือต้องมุ่งมาที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย
ถิงหลันหันกลับมาหาองครักษ์ที่คอยตั้งแง่กับตน และมักจะขัดไปเสียทุกเรื่องจนน่ารำคาญ ทว่าหนนี้นางจะไม่ยอมเงียบอีกแล้ว
“ถ้ามันพอแจกจ่ายสำหรับคนงาน ก็ให้พวกเขาตักไปใช้เถอะ ถ้ามีคนถาม พวกเจ้าก็บอกไปว่าเอามาจากจวนท่านโหว หากใครต้องการก็มาเอาไปใช้ได้ ทว่าข้าขอจำกัดปริมาณ ให้ตักไปใช้สำหรับดื่มกิน หุงต้มอาหารเท่านั้น ถ้าใครอยากรู้วิธีหาแหล่งน้ำพวกเจ้าก็บอกกล่าวตามที่ข้าเอ่ยได้เลย หากเรามีบ่อน้ำหลายแห่ง ทั่วทุกมุมเมืองก็จะมีน้ำใช้ แต่ถ้าคืนนี้จะเกิดความวุ่นวายขึ้นภายในจวน ข้าจะรับผิดชอบเอง เรามาที่นี่เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง กะอีแค่ความวุ่นวายเพียงคืนเดียวจะกลัวทำไมกัน” ประโยคหลังเน้นหนักกับจางเฉิน
ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับไปไม่เป็น เมื่อถูกหญิงสาวที่มีอายุห่างกันเป็นรอบตำหนิ เขานึกไม่ถึงว่านางจะมีความคิดเช่นนี้ได้ เพราะเท่าที่เห็นหว่างถิงหลันดูเหมือนสตรีละโมบ หวังแต่ผลประโยชน์เท่านั้น
