บท
ตั้งค่า

8. ความวุ่นวายเล็ก ๆ

ถิงหลันมององครักษ์วัยสามสิบนิ่ง เมื่อเห็นเขาไม่ตอบกลับอันใดก็หันมาหาเหล่าคนงานที่ก้มหัวโค้งคำนับให้นางอย่างซึ้งใจ

“ฮูหยินท่านโหวประเสริฐนัก พวกเราขอขอบคุณจริง ๆ ขอรับ”

“ใช่ ๆ พวกเราตั้งใจจะมาหาเงินเพื่ออพยพในวันพรุ่ง สงสัยต้องตัดสินใจใหม่แล้วกระมัง” อีกคนเอ่ยสำทับบ้าง

“ขอบคุณขอรับฮูหยิน ท่านคงไม่รู้ว่าแม้แต่น้ำดื่ม เรายังต้องหาของเอาไปแลกมา ทว่าท่านกลับยอมให้เราตักไปใช้แต่โดยดี ช่างเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาโปรดโดยแท้” อีกคนเอ่ยเยินยอจนคนฟังถึงกับเขิน ได้แต่ฉีกยิ้มภูมิใจกับการกระทำของตน

“เอาล่ะ เอาล่ะ ชมข้าจนจะลอยขึ้นฟ้าอยู่แล้ว ไปกินข้าวกันก่อนค่อยมาตักน้ำไปใช้แล้วกันนะ” ปัดมือไล่ชายฉกรรจ์ทั้งสิบทันที

“ขอบคุณขอรับฮูหยิน” ทุกคนกล่าวพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพวกเขาก็เดินตามจื่อโม่ไปที่เรือนครัวทางด้านหลัง

“แล้วท่านคิดจะรับมือกับชาวบ้านที่มาขอน้ำคืนนี้อย่างไร หากไม่จัดการให้ดีอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะ” จางเฉินยังคงย้ำเตือน ถึงแม้เขาจะยอมรับในสิ่งที่นางพูด ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปโดยดี เพราะราษฎรในเมืองยังมีนับหมื่น

ถิงหลันจึงหันมาหาเขา ก่อนจะเดินมาส่องดูน้ำในบ่อ ซึ่งยามนี้มันซึมขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว หากรอเวลาอีกสักชั่วยามมันคงขึ้นมาเกือบถึงปากบ่อเป็นแน่ เห็นเช่นนี้นางก็เผยยิ้ม

“ไม่เห็นต้องคิดเยอะ ก็ให้พวกคนงานที่มาขุดบ่อนี่แหละมาเป็นกองหนุนช่วยแจกจ่ายน้ำ แต่ข้าเชื่อว่าถึงเวลาน่าจะมีคนอาสามาช่วยเพิ่ม ส่วนปริมาณน้ำก็อนุญาตให้สองครัวเรือนต่อหนึ่งหาบ ข้าว่ามันน่าจะพอนะ เพราะปกติแต่ละวันพวกเขาคงแทบไม่มีน้ำใช้กันเลยกระมัง รอให้ถึงวันพรุ่ง หากหาแหล่งน้ำได้แล้วเราขุดบ่อเพิ่ม ก็มีน้ำเพิ่มจริงไหม บุรุษในเมืองนี้น้อยเสียเมื่อไหร่ เกณฑ์มาขุดบ่อให้หมดสิ อีกสองสามวันเราก็มีน้ำกินน้ำดื่มโดยไม่ต้องซื้อแล้ว”

หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงใสอย่างอารมณ์ดี ทว่าผู้ที่ตั้งคำถามกลับนิ่งอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงอีกแล้วว่านางจะคิดการรอบคอบเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังทุ่นแรงไม่ต้องใช้ทหารมาช่วยอีก

“เช่นนั้นเรื่องนี้ข้าคงต้องรายงานท่านโหว”

“ตามสบายเถอะ คืนนี้เขาคงไม่กลับกระมัง ข้าทำบะหมี่ไว้ ถ้าพี่จะไปก็เอาไปให้เขาด้วย อยู่ที่โต๊ะในห้องนั่นแหละ มีส่วนของคนอื่นด้วยนะ ถ้าเอาไปหมดก็เอาไปเลย” เอ่ยบอกโดยไม่ได้หันมาสนใจอีกฝ่ายที่ยืนมองแม้แต่น้อย ยามนี้ถิงหลันกำลังยิ้มกริ่มภูมิใจกับการได้ช่วยคน และนางก็เอาแต่เฝ้ามองปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“เช่นนั้นข้าขอตัว” จางเฉินเอ่ยแล้วก็เดินออกไป ตั้งแต่รับนางมาเขาไม่เคยก้มหัวคารวะแม้เพียงครั้ง และคำพูดก็เฉยชาเป็นที่สุด

เมื่อเขาจากไป ถิงหลันก็เดินกลับมายังทางขึ้นเรือน และยืนมองทิวทัศน์ในยามพลบค่ำครู่หนึ่ง จื่อโม่และคนงานก็กลับเข้ามา เขาถือคบไฟและจุดมันตามมุมต่าง ๆ โดยมีชายฉกรรจ์กลุ่มนี้คอยช่วย ก่อนที่ทั้งหมดจะมาหยุดที่หน้าเรือนพร้อมกับเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง

“บะหมี่ของฮูหยินอร่อยมากเลยขอรับ ขอบคุณจริง ๆ” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น และคนอื่นก็กล่าวไม่ต่างกัน

ถิงหลันเผยยิ้มก่อนจะตอบกลับ “อาหารข้าไม่ได้ให้กินเปล่านะ ข้ามีเรื่องให้ช่วย ข้ารู้ว่าทุกคนเหนื่อย แต่ข้าก็อยากรบกวนคนที่พอมีแรงเหลือ คืนนี้หลังจากพวกเจ้าเอาน้ำกลับไปให้ครอบครัว ต้องมีคนอยากรู้และไถ่ถามแน่ ฉะนั้นบอกกับเพื่อนบ้านไปว่า ข้าอนุญาตให้มาตักน้ำไปใช้สอยได้ สองครัวเรือนต่อหนึ่งหาบ หากเรือนใดมีบุรุษ ให้เขามาช่วยเป็นธุระจัดการอำนวยความสะดวกให้กับคนที่มาขอน้ำ เอาเป็นว่าข้าจะแบ่งหน้าที่ให้อีกที พวกเจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร” เอ่ยแล้วก็มองหน้าแต่ละคน และไม่ถึงอึดใจนางก็ได้คำตอบ

“ฮูหยินให้ทั้งเงิน ให้ทั้งอาหารและน้ำกิน ถือว่าเป็นพระคุณใหญ่หลวงนัก ลำบากเพียงคืนสองคืนจะเป็นไรไป พวกเรายินดีขันอาสาขอรับ” ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันจนเสียงดังลั่นจวน

“ขอบคุณนะ เช่นนั้นพวกเจ้าก็หาอะไรมาใส่น้ำเถอะ อีกครึ่งชั่วยามค่อยกลับมา” เอ่ยจบนางก็ยิ้มกริ่ม ก่อนจะนั่งลงบนบันไดมองแต่ละคนกุลีกุจอหาถังมาใส่น้ำ ซึ่งมันก็มาจากจวนนี้ทั้งนั้น

“ข้าน้อยจะตักน้ำไว้ให้ฮูหยินอาบนะขอรับ” จื่อโม่เอ่ย ก่อนจะจัดการกับชายผ้าของตนที่มันลุ่มล่ามจนถึงพื้นขึ้นมาม้วนที่เอว

“สองถังพอนะ” เอ่ยกับองครักษ์หนุ่ม ก่อนจะหันไปหาคนงานที่ได้ถังมาคนละใบ “พี่ชายช่วยโกยดินทำแนวกันตรงขอบบ่อด้วยนะ แล้วก็หาไม้มาวางพาดทำเป็นทางเดิน เวลาตักน้ำจะได้ง่าย” เอ่ยแนะคนงานที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับตักน้ำกลับไปให้ครอบครัวตน

“ขอรับ” ทั้งหมดตอบพร้อมกันจนถิงหลันอดขำมิได้ ท่าทางของพวกเขาดูเหมือนนักรบมากกว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไป ทำอะไรก็ดูขึงขังและมีระเบียบมาก ร่างกายก็กำยำบึกบึนอีกต่างหาก เรียกว่าอาหารตาโดยแท้ เพราะคนทั้งสิบต่างก็ถอดเสื้อทำงานทั้งนั้น

‘เห้อ! กำเดาจะไหลไปดีกว่า’ คิดพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบจมูก เพราะเกรงว่ามันจะเป็นอย่างที่ตนนึกจริง ๆ ทว่านางก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาสั่งองครักษ์หนุ่มที่เดินลงมาจากเรือน หลังจากที่เขาตักน้ำขึ้นไปไว้ให้นาง “พี่จื่อโม่ คนงานออกไปแล้วให้ปิดประตูหน้าจวนก่อนนะ สั่งคนของเราไว้ หากมีคนมาขอน้ำ บอกว่ารออีกครึ่งชั่วยาม” เอ่ยแล้วก็เดินขึ้นเรือนเพื่อไปชำระล้างเนื้อตัวที่มันไม่ถูกน้ำมาหลายวัน

ผ่านไปสองเค่อ [สามสิบนาที]

ถิงหลันทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินออกมาหน้าเรือน หมายจะเตรียมตัววางแผนทำการอย่างที่ตั้งใจ ทว่าเสียงพูดคุยด้านนอกได้ทำให้นางต้องรีบสาวเท้าก้าวออกมา ก่อนจะหยุดมองด้วยความตะลึงงัน เมื่อเห็นคนงานและทหารมากมายช่วยกันขนน้ำอย่างแข่งขัน นางจึงรีบมองหาจื่อโม่หมายจะถามให้เข้าใจ

“อ๊ะ!” แขนเล็กถูกรั้งจนนางเซถลามาตามแรง จนกระแทกเข้ากับอกแกร่งของคนที่ดึงนางเข้ามาหา “ท่านโหว” กะพริบตาถี่มองเขา

“กลับไปพักได้แล้ว จะออกมาอีกทำไม” ตำหนิไม่จริงจัง ทว่าแววตาที่เขามองนางกลับอ่อนลงไม่เหมือนแต่ก่อน

“ก็” ชี้นิ้วไปยังบ่อน้ำที่มีทหารกำลังทำงานอยู่

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหาร เจ้ามากับข้า” คนตัวโตเอ่ยเพียงเท่านั้นเขาก็รั้งร่างเล็กให้เดินตามเข้าไปในเรือน ก่อนจะดันให้นางนั่งลงที่โต๊ะกลมกลางห้องโถง พร้อมกับจ้องใบหน้างามนิ่ง ถิงหลันจึงได้แต่ยิ้มแหย เพราะไม่รู้ว่าเขาโกรธหรือยินดีกับเรื่องที่นางทำ

“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าขุดบ่อตรงไหนจะมีน้ำ” หยวนเซียวเข้าประเด็นทันที เพราะเรื่องนี้เคยมีคนลงมือทำมาหลายหนแล้ว ทว่ามันยากนักที่จะพบจุดที่มีน้ำซึมออกมามากเพียงนี้

ได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย ถิงหลันก็ตอบแต่โดยดี “สระน้ำหรือบึงน้ำ จะมีจุดกึ่งกลางอยู่ มันคือพื้นที่สุดท้ายที่น้ำมารวมตัวกันก่อนจะแห้งขอด ฉะนั้นใจกลางสระจึงเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสุดท้ายที่เราจะลองขุด อีกอย่างข้าเห็นว่าใบบัวมันยังไม่แห้งตาย จึงคาดการณ์ว่าขุดตรงจุดนี้น่าจะมีน้ำออกมามากก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ” บอกไปตามที่ตนเคยศึกษามา แม้ว่าในชีวิตจริงจะไม่เคยลองทำก็เถอะ ทว่าหนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ตนเคยเรียนรู้ในโลกแห่งความเป็นจริงมันใช้ได้

“เจ้าไปเอาความรู้นี้มาจากที่ใด” หยวนเซียวยังคงถามในสิ่งที่ตนสงสัย เขาใช้สายตาคมดุมองนางเชิงบังคับ ทว่าคนตัวเล็กกลับเผยแววตาตัดพ้อคืนให้ โจวเป่ยโหวจึงชะงักไปทันที

“ในสายตาพวกท่านข้าคงโง่มากสินะ เป็นแค่สตรีหลังเรือนไหนเลยจะรู้วิธีหาแหล่งน้ำได้ คนเช่นข้าควรรู้จักแต่จับบุรุษฐานะดีใช่หรือไม่ จึงจะเหมาะสม” เอ่ยจบนางก็ยิ้มหยันตนเอง

โจวเป่ยโหวได้แต่นิ่งงัน เพราะสิ่งที่หว่างถิงหลันเอ่ยมามันตรงกับความคิดเขา จนไม่อาจปฏิเสธว่ามันไม่ใช่อย่างที่นางกล่าว

“หากมิใช่เพราะถูกบังคับให้แต่งแทนพี่สาว ข้าคงไม่ต้องทนเห็นสายตาดูถูกของพวกท่านที่มองมาทุกครั้ง ทว่าช่างมันเถอะ ในเมื่อท่านอยากรู้ข้าก็จะไขข้อสงสัยให้ ความรู้ที่ข้ามีล้วนแต่เกิดขึ้นจากการศึกษาของข้าเอง มีบ้างที่ท่านย่าสั่งสอน ทว่าทั้งหมดทั้งมวลก็เกิดมาจากความมานะของข้า ที่คอยศึกษาด้วยตนเอง รู้เช่นนี้แล้ว ท่านโหวยังมีสิ่งใดอยากถามอีกหรือไม่” น้ำเสียงของนางเรียบเฉยมาก รวมถึงแววตาที่สื่อออกมาก็ว่างเปล่านัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel