บทที่ 4 ปิ่นปักผมสีเงินรูปหงส์
“ฟังแม่นะลูกรัก เฉิงหนิงเป็นเด็กเอาแต่ใจ ซ้ำยังถูกท่านพ่อตามใจอย่างมาก หากปล่อยไว้นางจะยิ่งกลายเป็นคนไร้เหตุผล..รับปากแม่ได้ฤาไม่ว่าจะไม่ทิ้งน้องสาวของเจ้าไปไหน”
“ข้ารับปาก ฮือ ๆ” น้ำตาของไป่เซียนในวันนั้น ไหลรินไม่ต่างจากวันนี้ ความเจ็บปวดและความกดดันถาโถมเข้ามาให้แบกรับ
“เจ้าดูเอาเถิดคุณหนูไป่เซียน ต้องทนกับนิสัยเอาแต่ใจของคุณหนูเฉิงหนิงเช่นนี้มาตลอดหลายปี ข้าสงสารคุณหนูนัก” บ่าวสองคนหันไปกระซิบคุยกัน
“ข้าแอบได้ยินคุณหนูเฉิงหนิง พูดถึงการออกไปเที่ยวนอกจวนอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งก็เป็นนางนั่นแหละ ที่บังคับคุณหนูไป่เซียนออกไป ด้วย ถือว่าตนเป็นบุตรสาวของของนายท่าน นึกจักทำเช่นไรก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัด”
“หากข้าเป็นคุณหนูไป่เซียน ข้ารับรองเลยว่าจะไม่ทนอยู่ที่นี่กับน้องสาวบ้าอำนาจ”
“เจ้าพูดอันใดระวังบ้าง เราไปทำงานกันเถอะ” หญิงสาวหันซ้ายหันขวา ก่อนจะหลบเข้ามุมไป
ไป่เซียนเดินเหม่อมายังแปลงปลูกสมุนไพร ที่ตั้งอยู่ห่างจากจวนพอสมควร สองเท้าเล็กก้าวเดินตรงไปตามคำสั่งของหลิวฟู่ชุน หนทางไม่ราบเรียบเป็นพื้นดินขรุขระ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ไป่เซียนปริปากบ่น
ก่อนจะเดินมาถึงกระท่อมที่ใช้เก็บอุปกรณ์การเกษตร บ่าวผู้ชายหลายคนเห็นดังนั้น จึงพากันเข้ามารับใช้ด้วยความเต็มใจ เพราะเขาเหล่านั้นมักได้รับความช่วยเหลือจากไป่เซียนอยู่บ่อยครั้ง
“คุณหนูไม่ทำความสะอาดหรอก ข้าและพวกนั้นจักทำเอง นั่งตรงนี้เถิด” บ่าวจะวิ่งเข้ามาแล้วกล่าวห้ามไว้ พลันหาบกองฟางเล็ก ๆ มาให้ไป่เซียนรองนั่ง
“ข้ารับรองว่านายท่านจักมิรู้ ข้าจะรายงานขึ้นไปว่าคุณหนูเป็นผู้ดูแลแปลงสมุนไพรทั้งหมดตามคำสั่งของนายท่านทุกอย่าง” น้ำตาของไป่เซียนรินไหลออกมา ความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่โดนน้องสาวกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้นางเริ่มท้อแท้ที่จะเปลี่ยนนิสัยของเฉิงหนิง
“คุณหนูอย่าร้องไห้เลย โดนนายท่านทำโทษให้อยู่ที่นี่สามวันสามคืน พวกข้าจะดูแลท่านเอง”
“ข้าขอบใจพวกเจ้านัก” ว่าแล้วบ่าวชายก็ก้มตัวหันออกไปทำหน้าที่ ปล่อยให้ไป่เซียนใช้เวลาทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ตามลำพัง สายลมโบกพัดมาปะทะกายในชุดสีขาวให้สยายออก ใบหน้าเรียวเล็กคล้ายจะเข้าวัยสาวแรกรุ่น บ่งบอกความงดงามออกมาทางผิวพรรณที่สะอาดตา ทว่าในแววตากลับแฝงความเจ็บปวดเอาไว้ตลอดเวลา
“ปิ่นปักผมสีเงินรูปหงส์คู่ เป็นเพียงกำลังใจเดียวที่ข้ามีในตอนนี้” นางแบมือมองปิ่นในมืออย่างมีความหมาย เพราะเป็นสิ่งแทนใจที่มารดามอบให้ก่อนเสียชีวิต ก่อนจะปาดน้ำตาแล้วพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง แม้คล้ายจะเหลือเพียงตัวคนเดียวในโลกใบนี้ก็ตาม
กลุ่มบ่าวที่กำลังดูแลแปลงสมุนไพรเร่งทำงานกันอย่างแข็งขัน เพื่อจะได้ส่งวัตถุดิบไปยังจวนของตระกูลจ้าวได้ทันท่วงที เพื่อแปรรูปทำเป็นสมุนไพรจับจ่ายไปขายตามหัวเมืองต่าง ๆ ตระกูลหลิวกับตระกูลจ้าวซื้อขายต้นสมุนไพรกันมานานหลายปี และต้นสมุนไพรของตระกูลหลิวนั้น ก็เป็นที่วางใจของตระกูลจ้าวอย่างมากเช่นเดียวกัน
หกปีผ่านไป ภายในโรงผลิตยาสมุนไพรของตระกูลจ้าวนั้น ผู้คนเดินกันขวักไขว่บ้างเทน้ำใส่ถัง บ้างกำลังบดตัวยา บ่าวไพร่จำนวนมากกำลังเร่งการผลิตเพื่อให้ทันกับความต้องการของชาวเมือง ยาสมุนไพรพวกนี้จะถูกลำเลียงไปทางรถม้าเพื่อกระจายสู่เมืองต่าง ๆ ตามคำสั่งซื้อ
คุณชายชวี่อินลูกชายคนโตของตระกูลจ้าว ผู้ที่ใคร ๆ ต่างขนาดนามกันว่าเขาหล่อเหลาดังเทพบุตร กำลังนั่งคุมงานอยู่นอกโรงผลิต ภายใต้ต้นท้อที่ออกดอกอย่างสวยงาม เสียงกระทบกันของไม้บดสมุนไพรที่ดังลอดออกมาเป็นระยะนั้น ไม่ได้ทำให้เขาละจากปิ่นปักผมสีเงินรูปหงส์คู่แต่อย่างใด
