พลิกชะตาฟ้า

62.0K · จบแล้ว
ทีปสิขา
41
บท
13.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หญิงนางโลมธรรมดาที่มีนิสัยหยาบช้า เป็นผู้ทำลายชีวิตคนรักของเขาให้ดับสูญ ชายหนุ่มยอมสละตัวเองแต่งงานกับนางเพื่อแก้แค้นให้สาสม ---------------------------------------------------- “ในเมื่อท่านรู้ว่าข้าเคยเป็นนางโลมมาก่อน เหตุใดยังคิดจะแต่งงานกับข้าอีก” “คิดว่าข้าอยากแต่งงานกับคนอย่างเจ้ามากงั้นฤา” ชวี่อินคว้ามือของไป่เซียนเข้าไปกำแน่น ดวงตาคมเข้มมองนางด้วยสายตาน่ากลัว ก่อนเขาจะ กัดฟันพูดบางอย่าง “แล้ววันหนึ่ง เจ้าจะรู้ว่าทำไมข้าถึงแต่งกับเจ้า สาเหตุการตายของเฉิงหนิงข้าจะไม่มีวันลืม”

นิยายรักนิยายปัจจุบันแต่งงานสายฟ้าแลบจีนโบราณโรแมนติกดราม่า

บทที่ 1 ของบริจาค

โรงผลิตยาสมุนไพรของตระกูลจ้าว สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน นับว่าเป็นแหล่งผลิตยาสมุนไพรที่สำคัญของเมืองเชียงหยาง ผู้คนต่างเล่าขานกันปากต่อปาก ว่ายาสมุนไพรของตระกูลจ้าวนั้นมีสรรพคุณดีกว่ายาขนานอื่น เป็นที่ไว้วางใจของชาวบ้านในเมืองเรื่อยมา ยิ่งกว่านั้น จ้าวเฉินเหยา เปรียบเสมือนผู้ถือศีลในร่างของพ่อค้ายาสมุนไพร ทุกหนึ่งปีตระกูลจ้าวจะมีการเฉลิมฉลองระลึกถึงบรรพบุรุษ ด้วยการแจกจ่ายอาหารและสมุนไพรให้กับผู้คนที่ยากไร้ รับไปประทังชีวิต

“พี่ไป่เซียน ทางนั้นเขาแจกอาหารกัน เราไปกันดูกันเถอะ” เด็กหญิงอายุราวสิบขวบผมยาวจรดหลัง ดึงมือพี่สาวเดินไปยังหน้าจวนตระกูลจ้าว พลางชะเง้อคอมมองฝ่าฝูงชนเข้าไป เห็นชาวบ้านนับร้อย ต่างเรียงแถวเข้าไปรอรับสิ่งของบริจาคจากตระกูลใหญ่ด้วยสีหน้ามีความหวัง บ้างไร้เรี่ยวแรง บ้างเสื้อผ้าขาดวิ่น บ้างพิการ หากแต่พวกเขาเหล่านั้นก็เข้าแถวอย่างมีระเบียบ ไม่เบียดเสียดแก่งแย่งกัน

“พี่ไป่เซียน ท่านไปรับของพวกนั้นมาให้ข้าทีสิ” เด็กหญิงในวัยสิบขวบนึกอยากสนุก อยากรู้ว่าในห่อผ้าที่ตระกูลจ้าวบริจาคนั้นมีอะไรอยู่ข้างใน จึงหันมาสั่งพี่สาวด้วยความเอาแต่ใจ ไป่เซียนในตอนนั้นมีอายุราวสิบสามปี หันมองผู้คนที่ยากไร้เหล่านั้นอีกครั้ง ก่อนก้มหน้าทบทวนด้วยท่าทีลังเล

“ข้าสั่งท่าน ท่านมิได้ยินฤา” เฉิงหนิงผู้เป็นน้องสาวหน้างอ พลางยกมือขึ้นกอดอก เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะขัดใจ

“เฉิงหนิง เราอย่าไปแย่งพวกเขาเลยนะ” ไป่เซียนหันมาจับมือน้องสาวแน่นพร้อมกับแววตาขอร้อง ก่อนจะให้เหตุผลต่ออีก

“อาหารพวกนั้น ตระกูลจ้าวเอาไว้แจกจ่ายให้กับผู้ยากไร้ เรามิควรไปแย่งพวกเขา เจ้าดูสิ ชายผู้นั้นเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยและดูหิวโหย ส่วนหญิงชราผู้นั้นก็พิการตามองไม่เห็น ไม่มีเหตุผลใดที่เราจะไปแย่งของบริจาคเหล่านั้นมา” หลิวไป่เซียน ค่อย ๆ อธิบายบอกน้องสาว ให้เข้าใจอย่างคนใจเย็น

เฉิงหนิงทอดสายตามองผู้คนเหล่านั้น ตามที่พี่สาวบอก ก่อนจะถูกไป่เซียนดึงมือออกจากบริเวณนั้น

“เราไปกันเถอะ” พี่สาวพูดพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าเฉิงหนิงเข้าใจแล้วจะพากันหันหลังกลับ ทว่าเดินออกมาได้เพียงสามก้าว นางก็สะบัดมือออก แล้วรีบวิ่งไปต่อแถวรวมกับชาวบ้านในทันที คำตักเตือนของไป่เซียนไร้ความหมายในทันที

หญิงสาวทอดสายตามองร่างบางวิ่งเข้าไปแทรกผู้คน อาศัยตัวเป็นเด็กจึงไม่มีใครว่า ไป่เซียนไม่อาจทนได้จึงตัดสินใจวิ่งตามน้องสาวไปในทันที

“เฉิงหนิง ออกมา” ไป่เซียนดึงมือนางออกจากชาวบ้าน ทว่านางยังคงดื้อดึงไม่ฟังพร้อมสะบัดแขนออก

“เฉิงหนิง ถ้าเจ้ายังทำเช่นนี้ ต่อไปข้าจักไม่พาเจ้าออกมาเดินเล่นอีก” ไป่เซียนหมดความอดทนแล้วขึ้นเสียงใส่

“ถ้าท่านไม่พาข้ามา ข้าก็จักหาเรื่องให้ท่านโดนท่านพ่อทำโทษอยู่เรื่อย ๆ เช่นนั้นอยากลองดีกับข้าฤา” คนตัวเล็กกอดอก พลางทำตาแข็งใส่ อย่างเอาเรื่อง ทำให้ไป่เซียนจะค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากร่างเล็ก หมดหนทางที่จะกล่าวห้ามนางได้อีก

ทุกครั้งที่เฉิงหนิงพูดขู่ ไม่ว่าด้วยเรื่องอันใดก็ตาม ไป่เซียนไม่อาจขัดใจนางได้ หญิงสาวชะงักนิ่งมองดูน้องสาวอย่างเงียบ ๆ พลันภาพของมารดาในอดีตที่เคยฝากฝังนางไว้ ก็วาบเข้ามาให้หญิงสาวรู้สึกท้อใจ

“แม่ฝากดูแลน้องสาวของเจ้าด้วย อย่าให้นางเอาแต่ใจไปมากกว่านี้ ชีวิตของนางยังอีกยาวไกลนัก หากไม่มีใครคอยช่วยชี้แนวทาง อาจทำให้เฉิงหนิงเสียคนได้” ไป่เซียนมองดูร่างบางที่ยืนเบียดเสียดกับชาวบ้านพร้อมความผิดหวัง

“ท่านแม่ นับวันเฉิงหนิงยิ่งไม่ฟังข้ามากขึ้น ยิ่งกว่านั้นเป็นข้าเองที่จะหมดแรงไปเสียก่อน ถ้าท่านยังอยู่ นางคงไม่เป็นเช่นนี้” หญิงสาวอายุสิบสามปีในตอนนี้ ทำได้เพียงทอดสายตามองเฉิงหนิงอย่างท้อแท้

ไม่นานนักน้องสาวจอมเอาแต่ใจ ก็เดินออกมาพร้อมกับห่อผ้าขนาดย่อม พร้อมกับปลาแห้งอีกจำนวนหนึ่ง ใบหน้าสวยยิ้มย่องออกมา พลางแกะห่อในมือด้วยความอยากรู้ ก่อนจะเบ้มองอาหารด้วยสีหน้าเหยียดหยาม