บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 แม่นางปริศนา

“ท่านพี่ ท่านอยู่ที่นี่เอง” เสียงของจ้าวชางอิน ทำให้จ้าวชวี่อินละจากปิ่นปักผม แล้วหันมายังชายหนุ่มที่เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ชางอินเป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูลจ้าว มีอายุราวสิบเจ็ดปี มีใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากพี่ชายของเขานัก อีกทั้งยังเป็นคนสนุกสนานและเป็นที่รักใคร่ของบ่าวทุกคนในจวนด้วยเช่นกัน

“ท่านยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกเหรอ” ชางอินน้องชายที่อายุต่างกันสี่ปี กล่าวถามพร้อมมองตรงไปยังปิ่นนั้นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่ชวี่อินจะเก็บปิ่นนั้นเขาซอกเสื้อ

“ท่านพ่อล่ะ” เขาไม่ตอบคำถามน้องชาย เพียงแต่ทำเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น

“ท่านพ่อให้ข้ามาสั่งคนงานหยุดพัก และมาตามท่านไปกินข้าว ยามนี้อาทิตย์ใกล้ละขอบฟ้าแล้ว เหตุใดท่านยังไม่กลับเข้าจวน”

“...” ชวี่อินนิ่งเงียบ

“ถึงท่านไม่ตอบ แต่ข้าก็รู้ว่าท่านกำลังคิดถึงแม่นางปริศนาผู้นั้นอยู่ใช่ฤาไม่”

“เจ้าไปบอกคนงานให้หยุดพัก และไปกินข้าวกันเถอะ ยามนี้ท่านแม่กับท่านพ่อคงรอนานแล้ว” ชวี่อินทำท่าลุกขึ้น ก่อนน้องชายของเขาจะกระซิบบางอย่าง

“ประเดี๋ยวก่อนท่านพี่” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาชางอิน

“มีอะไรฤา”

“ข้าได้ยินมาว่า สองสามวันนี้ท่านพ่อกับท่านแม่จักไม่อยู่ ข้าอยากออกไปสำรวจบ้านเมือง อยากออกไปเที่ยวเล่น ว่ากันว่าหอนางโลมมีหญิงสาว เข้ามาใหม่หน้าตาสะสวย” สายตาเป็นประกายของชางอินเชื้อเชิญอย่างมีความหมาย

“ไม่ล่ะ ครานี้ข้าจะไม่ยอมไปเป็นเพื่อนเจ้าอีก ข้าไม่อยากโดนท่านพ่อทำโทษเช่นคราวก่อน” จ้าวชวี่อินหันตัวเดินออก ทำไม่สนใจเรื่องไร้สาระของเขา

“เดี๋ยวสิท่านพี่ แต่ไม่แน่ว่าครานี้ท่านอาจจะได้เจอกับแม่นางที่เคยช่วยชีวิตท่านไว้ก็ได้” ชวี่อินชะงักนิ่งในทันที สายตาคมคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันใบหน้าหล่อเหลากลับมา

“ข้าสัญญา ว่าหากท่านไปหอนางโลมเป็นเพื่อนข้าแล้ว ข้าจะช่วยทำให้ท่าน ได้พบกับบุตรสาวของตระกูลหลิวโดยเร็วที่สุด” ชวี่อินนิ่งเงียบพลางทำท่าครุ่นคิด

“ท่านกำลังสนใจข้อเสนอของข้าใช่ฤาไม่” รอยยิ้มของชางอินคลายออกอย่างมีความหมาย เมื่อเห็นท่าทางลังเลของพี่ชาย ก่อนชวี่อินจะไม่ตอบโต้ พลันรีบหันตัวเดินไปทันที

“ท่านพี่รอข้าด้วยสิ” ชายหนุ่มวิ่งตามเขาไปติด ๆ

ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลของขุนนางเก่า บรรพบุรุษเคยเป็นหมอยาประจำวังหลวง ได้รับการไว้วางใจถวายการรักษาให้กับฮ่องเต้องค์ก่อน หลังจากสิ้นราชวงศ์เก่าแล้ว จึงถอนตัวออกมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองเชียงหยางได้หนึ่งร้อยปีเศษ ปัจจุบันตระกูลจ้าวถือเป็นสกุลที่เหล่าพ่อค้าหรือแม้แต่ขุนนางต่างยำเกรงอยู่ไม่น้อย ด้วยเพราะความดีความชอบในอดีตที่บรรพบุรุษเคยสั่งสมไว้

“พวกเจ้าสองคนดูแลโรงผลิตแทนข้าได้ฤาไม่”

“ได้สิท่านพ่อ ข้ากับท่านพี่จะดูแลอย่างดี ท่านไม่ต้องห่วง” ชางอินรีบรับปากบิดา ด้วยเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้ออกไปเที่ยวนางโลมนอกจวนอย่างอิสระ

“ยิ่งเห็นเจ้าพูดเช่นนี้ แม่กับพ่อก็ยิ่งเป็นห่วง” จ้าวปินมารดากล่าวขึ้นด้วยกิริยายิ้มแย้ม ไม่ใคร่เชื่อใจลูกชายคนเล็กของนางเท่าไหร่นัก

“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้ ถึงแม้ข้าจะดูเหมือนเป็นคนไม่เอาไหนก็จริง แต่พอถึงเวลาคับขันข้าก็แก้ปัญหาได้เก่งกาจไม่ต่างจากท่านพี่ชวี่อิน” มารดาไม่เถียง หากแต่ส่ายศีรษะไปมา พร้อมคีบกับข้าวใส่ถ้วยให้กับสามี

“ขอบใจ” จ้าวเฉินเหยากล่าวกับภรรยา ภายใต้โคมไฟสีแดงที่ห้อมล้อม ลูกหลานตระกูลจ้าวอยู่ร่มเย็นเป็นสุขเช่นนี้เสมอมา สองพี่น้องรักใคร่กันกลมเกลียวกัน ไม่มีเรื่องทุกข์ใดทำให้ตระกูลจ้าวสั่นคลอนได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel