บทที่ 4 วิชามาร
4
วิชามาร
บ้านอธิโชติจินดา
คฤหาสน์มูลค่าสามร้อยล้านตั้งอยู่ใจกลางเมืองคือสถานที่ที่คิมหินต์เรียกมันว่าบ้าน และมันอยู่คนละทางกับบ้านของวิอัณณา ต่อให้ถนนโล่ง รถไม่ติดก็ต้องใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาจากบ้านเธอจนถึงบ้านเขา เลยไม่ต้องนึกถึงช่วงเวลาเร่งด่วนที่รถแสนจะแน่นขนัดเลย
สายเรียกเข้าดังขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคิมหันต์ในตอนที่เขาเตรียมจะอาบน้ำเข้านอน พอเห็นว่าชื่อที่หน้าจอขึ้นว่าเป็นกึกก้อง เขาก็รับสายนั้นอย่างไม่ต้องคิดมาก
“อืม”
[เป็นไง?]
“เป็นไงอะไร?”
[กูเห็นอัณณาขึ้นรถมึงไป…คนในกองก็เห็น เขาซุบซิบกันใหญ่]
“แล้ว?”
[ก็แล้วเป็นยังไงล่ะ? ไปส่งเขาที่บ้านหรือว่าโรงแรม?]
“นั่นนางเอกมึงนะไอ้ห่า พูดให้มันดีๆ หน่อย”
[แสดงว่าไปส่งที่บ้าน]
“เออ”
[ตกลงว่าจีบไหม ไม่ต้องถามว่าชอบไหมหรอก เพราะกูรู้ว่ามึงชอบเขาอยู่แล้ว ถ้าไม่ชอบก็คงไม่พาไปส่งบ้าน คนอย่างมึง…ไม่ใช่จะไปส่งใครที่บ้านง่ายๆ กูเป็นเพื่อนมึงมาสิบกว่าปี มึงยังไม่เคยมาส่งกูที่บ้านเลยสักครั้ง แต่นี่มึงเพิ่งจะเจออัณณาครั้งแรกเอง]
“ยังไม่ได้จีบ”
[รอเหี้ยไรอยู่ครับเพื่อน? เอาเบอร์ไหม…เดี๋ยวกูจัดให้]
“ได้มาแล้ว”
[มีเบอร์แล้ว แต่บอกยังไม่ได้จีบคือเหี้ยไรครับ?]
“แค่ไปส่งบ้าน แค่แสดงออกเหมือนว่ากำลังสนใจ ไม่ใช่นิยามคำว่าจีบสำหรับกู”
[แล้วยังไงถึงเรียกว่าจีบ?]
“ทำให้เขาคิดถึงแต่กูจนทำอะไรไม่ได้ไง แค่นี้นะกูจะอาบน้ำ” ว่าแล้วคิมหันต์ก็ตัดสายกึกก้องทิ้ง แล้วเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับเสิร์จหาชื่อวิอัณณาผ่านไอจี วันนี้ได้เจอเธอแล้วเขาถูกใจไม่น้อย เพราะแบบนั้นถึงอยากจะรู้ว่าที่ผ่านมาเธอเป็นยังไง ถึงแม้ว่าจะผ่านทางช่องทางโซเชียลก็ตาม
บ้านจีรวัฒนกุล
ดูเหมือนว่าคิมหันต์จะทำสำเร็จ เพราะตอนนี้ในสมองของวิอัณณามีแต่หน้าเขา เธอได้แต่นึกถึงเขาพร้อมกับคำถามมากมาย เช่นว่า…ทำไมเขาได้เบอร์เธอไปแล้วถึงยังไม่ยอมโทรมา หรือว่าเขาจำไม่ได้ หรือเขาก็แค่แกล้งถามไปอย่างนั้น เหตุผลนั้นคืออะไรกัน? ปกติแล้ว…ใช่ว่าเธอจะให้เบอร์กับใครง่ายๆ เสียที่ไหน เขาเป็นคนแรกที่เจอเพียงครั้งเดียว ขอเบอร์เธอเพียงครั้งเดียวแล้วเธอก็ให้ไปอย่างง่ายๆ
“ถ้าไม่คิดจะโทรมาแล้วจะขอไปทำไม” ว่าที่นางเอกดาวรุ่งนั่งเท้าคางจ้องโทรศัพท์มือถือแล้วบ่นกับตัวเอง ผ่านไปแล้วสิบห้าชั่วโมง ตั้งแต่ที่เขามาส่งเธอถึงบ้าน ทำเหมือนว่าสนใจเธอแต่สุดท้ายก็หายเงียบไปดื้อๆ นี่เขาคิดจะเล่นกับความรู้สึกของเธอหรือยังไงกัน?
“บ่นอะไรคนเดียว?” น่านฟ้า เพื่อนข้างบ้านที่รู้จักกับวิอัณณามาตั้งแต่ที่จำความได้ น่านฟ้านั้นเป็นแฝดน้องซึ่งสนิทกับวิอัณณามากเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ส่วนน่านน้ำนั้นเป็นแฝดพี่ สนิทน้อยกว่าเพราะความเป็นผู้ชาย บางครั้งก็เข้าไม่ถึงอารมณ์ผู้หญิง
“ไม่ทำงานเหรอ?”
“ลาออกแล้ว” น่านฟ้าวางกล่องคุกกี้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามวิอัณณา ทั้งสองเข้าออกบ้านกันและกันโดยไม่ต้องขออนุญาต มีอะไรก็แบ่งกันมาเสมอตั้งแต่ไหนแต่ไร
“อะไรวะ? เพิ่งไปทำได้ไม่ถึงเดือนก็ลาออกแล้วเหรอ?”
“เออ…ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นลูกน้องใครว่ะ ตกลงเมื่อกี้แกบ่นอะไร ใครไม่โทรมานะ?” น่านฟ้าทำหน้าสงสัยตามประสาเพื่อนสาวที่อยากรู้เรื่องเพื่อนทุกเรื่อง
“คนประหลาด”
“หมายถึงฉันหรือผู้ชายที่ขับรถมาส่งแกเมื่อคืน?”
“แกเห็นเหรอ?”
“แกรู้ไหมว่าถ้าฉันไม่ได้เกิดมาเป็นคน ก็คงเกิดมาเป็นกล้องวงจรปิด ฉันเห็นทุกอย่างนั่นแหละ แต่จะพูดไหมก็อีกเรื่อง”
“จะเคลมว่าตัวเองขี้เสือกเหรอ?”
“ปากเก่ง…ถ้าไม่เล่า แกได้อกแตกตายแน่” น่านฟ้ารู้ดีว่าเพื่อนรักของเธอนั้นเป็นคนที่ไม่อาจเก็บความสงสัยและอึดอัดใจไว้ได้นาน
“ก็ที่เห็น…ผู้ชายคนนั้นขอเบอร์ฉันไป แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมโทรมา”
“เดี๋ยวนะ…เอาตั้งแต่เริ่มได้ไหม?”
“เขาชื่อคิมหันต์ เป็นสปอนเซอร์ละครที่ฉันเล่น เมื่อวานเขามาส่งฉันเพราะเราเจอกันที่กอง ระหว่างทาง…เขาพาฉันไปกินเบอร์เกอร์ แล้วก็มาส่งบ้าน ขอเบอร์ฉันไป ก็แค่นั้นแหละ”
“แกให้เบอร์ผู้ชายที่เพิ่งเจอกันครั้งเดียว?” สำหรับคนอื่นอาจไม่แปลก แต่สำหรับวิอัณณานั้นถือว่าแปลกมาก เพราะแต่ไหนแต่ไร ผู้ชายหน้าไหนมาตามจีบ ก็ไม่เคยเห็นว่าวิอัณณาจะเล่นด้วย เหตุผลง่ายๆ คือเธอไม่คิดจะมีแฟนจนกว่าชีวิตจะอยู่ในจุดที่พูดได้เต็มปากว่าประสบความสำเร็จ เรื่องนี้น่านฟ้าก็รู้ดีอีกเช่นกัน
“ทำไม?”
“แกสนใจเขา แล้วที่มานั่งบ่น นั่งทำหน้าเหมือนอึไม่ออกที่เขาไม่โทรมา แปลว่าแกเริ่มชอบเขาแล้วด้วย”
“ฉันเหรอชอบเขา?”
“เขาหล่อใช่ไหม ดูจากรถที่ขับมา…ต้องรวยมากแน่ๆ ด้วย แต่นั่นไม่น่าใช่เหตุผล เพราะที่ผ่านมา…ผู้ชายที่เข้ามาจีบแกก็หล่อๆ รวยๆ กันทั้งนั้น คุณคิมคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าแค่หล่อรวยชัวร์” น่านฟ้าทำหน้ามั่นใจ
“รู้ดีนะ เป็นแฟนคลับฉันหรือไง?”
“ฉันคือแฟนคลับคนแรกของแก ลืมไปแล้วเหรอ?” ไม่ว่าจะกิจกรรมของโรงเรียน ละครเวทีของคณะ วิอัณณามีน่านฟ้าที่คอยซัพพอร์ตและตามให้กำลังใจมาเสมอ
“ชิ!”
“ตกลงว่าเขามีดีอะไร?”
“ไม่รู้สิ…ฉันเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียวเอง แต่มันน่าสงสัยนะแกว่าไหม…ปกติใครได้เบอร์ฉันไปก็จะรีบโทรมาคุยไม่ปล่อยให้ข้ามคืน แต่ทำไมเขาหายเงียบไปเฉยๆ แบบนี้ ทั้งที่ทำเหมือนว่าสนใจฉัน…หรือว่าฉันคิดไปเอง?”
“โง่หรือเปล่า? ถ้าเขาไม่สนใจหรืออยากจะจีบแก จะขอเบอร์ไปทำมะเขืออะไร?”
“งั้นแล้วแกตอบได้ไหมล่ะว่าทำไมเขาไม่โทรมา?”
“ไม่ว่างหรือเปล่า? หรืออยู่กับลูกกับเมีย? หรือหลังจากที่ส่งแกเสร็จ…เขาเกิดอุบัติเหตุ? เห้ย! หรือว่าเขาขับรถเข้าประตูมิติไปโผล่ที่จักรวาลอื่นวะ?”
“จบเถอะ! เพ้อเจ้อเป็นบ้า!”
“ก็แล้วใครมันจะไปรู้เหตุผลของเขาวะ? เดาไปถึงชาติหน้าก็หาคำตอบไม่ได้หรอก ในเมื่อเขาไม่โทรมา ทำไมแกไม่โทรไปเองล่ะ?”
“ฉันไม่มีเบอร์เขานี่”
“รู้ละ!” ในตอนนั้นน่านฟ้าก็ได้คำตอบ
“รู้อะไร?”
“เขากำลังจงใจทำให้แกคิดถึงอยู่แน่ๆ พระเอกในนิยายที่ฉันอ่านก็ใช้วิธีนี้จีบนางเอก” น่านฟ้าคิดถูก เดาทางคิมหันต์ได้แม่นยำราวกับจับวาง หากแต่ปัญหาคือ…วิอัณณาจะคิดแบบนั้นหรือเปล่า และถ้าคิด…เธอจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง?
