บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 โดนตกเข้าอย่างจัง

2

โดนตกเข้าอย่างจัง

เขาถูกใจเธอ!

พูดง่ายๆ คือเขาโดนเธอตกเข้าอย่างจัง นี่เป็นครั้งแรกที่คิมหันต์รู้สึกหวั่นไหวกับผู้หญิงที่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ใช่ว่าเขาจะอ่อนหัดเรื่องผู้หญิง ใช่ว่าไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่มันน่าแปลก…เขาไม่เคยหวั่นไหวอย่างหนักแบบนี้เลยจริงๆ ทั้งหน้าตา รูปร่าง ท่าทางของเธอ…ทุกสิ่งอย่างนั้นดึงดูดให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้ แล้วดูรอยยิ้มนั่นสิ…ทำไมดาเมจมันรุนแรงกับใจเขาได้ถึงขนาดนี้

เขาเคยเห็นรูปถ่ายของเธอ ตอนนั้นก็คิดว่าเธอสวยโดดเด่น แต่พอมาเจอตัวจริง…ต้องบอกเลยว่ากึกก้องพูดถูก เธอทำให้เขาตะลึงและอาจพูดได้เต็มปากว่าวิอัณณานั้นตรงสเปกคิมหันต์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ขณะที่นางเอกสาวกำลังพูดคุยกับทีมงานที่ติดตามเขามา เขาก็นั่งจ้องเธอ มองรอยยิ้มของเธอ ฟังน้ำเสียงแสนเพราะและเสียงหัวเราะอังทรงเสน่ห์ เขาฟังเธอทุกคำพูด เพียงแต่ไม่ได้โต้ตอบและเลือกที่จะมองเธออยู่เงียบๆ เวลาผ่านไปราวยี่สิบนาที…จนกระทั่งวิอัณณาต้องไปเข้าฉากสุดท้าย เขาก็ยังไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้จริงๆ

“คัท!”

เสียงกึกก้องสั่งคัท วิอัณณาคลายกอดจากอนาวิลซึ่งรับบทเป็นพระเอก เธอยิ้มให้เขา…พูดคุยเรื่องบทสนทนาของตัวละครร่วมกับเขา ทุกอย่างเด่นชัดอยู่ในตาของคิมหันต์ที่จ้องมอง ในใจของเขาเกิดความต้องการ…จะทำยังไงดี ถ้าหากว่าเขาอยากรู้จักเธอให้มากขึ้น จะเริ่มยังไงดี…ถ้าหากว่าเขาอยากจะคุยกับเธอ

“นี่จะสี่โมงแล้วนะ ไหนมึงบอกว่าต้องไปกลับก่อนสี่โมงไงไอ้คิม?” กึกก้องถามเพื่อนรักขณะที่นั่งอยู่หลังมอนิเตอร์

“กูบอกแบบนั้นเหรอ?”

“อะไรวะ ตอนแรกทำเหมือนไม่อยากมา แต่ตอนนี้ทำเหมือนไม่อยากกลับ นี่มึงโดนอัณณาตกแล้วจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?”

“ตก?”

“ก็…เออช่างแม่งเหอะ พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอก แต่จากที่กูมอง…ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ มึงยังไม่หยุดจ้องอัณณาเลยนะ”

“มึงบอกว่าเขาโสดเหรอ?”

“เอาแล้วไง…แสดงว่าวิญญาณเสือร้ายยังไม่ออกจากร่างมึงใช่ไหม?”

“กับพระเอกคนนั้น…”

“อัณณาเฟรนลี่ ยิ้มให้ทุกคนนั่นแหละ กับวิลน่ะไม่มีอะไรหรอก แต่กูอยากให้มีกับมึงนะ”

“ทำไม?”

“ของขวัญแทนคำของคุณมั้ง…ถ้าไม่ได้มึง ละครเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น…”

“จะให้ผู้หญิงแลกกับเงินยี่สิบล้านที่กูลงทุนไปเหรอวะ? ไม่เอาเปรียบกันเกินไปหน่อยหรือไง?”

“ไอ้ห่า! กูไม่ได้ให้แค่ผู้หญิงปะวะ แต่กูให้แม่ของลูกที่เป็นถึงว่าที่นางเอกดังเลยนะ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม”

“แม่ของลูกเลยดิ? จะรีบไปไหน? กูยังไม่คิดจะหาเมีย”

“เห้ย…พูดไป ยี่สิบห้าแล้ว…กว่าจะจีบ กว่าจะคบ กว่าจะเช็กให้ชัวร์ว่าใช่แน่ มันก็ใช้เวลาปะวะ ไม่รีบหาตอนนี้…เมื่อไหร่จะได้แต่ง”

“กูว่าแปลกๆ แล้วนะไอ้ก้อง” ในตอนนั้นคิมหันต์ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ทำไมกึกก้องถึงได้เชียร์ให้เขามีแฟนนัก แล้วทำไมถึงพยายามจะนัดให้เขามารู้จักวิอัณณา ต่อให้เธอคนนั้นจะเป็นสเปกของเขาก็เถอะ

“แปลกอะไรวะ?” แล้วกึกก้องก็ทำหน้าเลิกลักขึ้นมา

“มึงไปเจอพ่อกับพี่สาวกูมาใช่ไหม?” คิมหันต์ถามถึงคิดผู้เป็นพ่อและคะนึงนิตย์ผู้เป็นพี่สาวที่อยู่ห่างกันสิบปี สองคนที่อยากเห็นเขามีแฟนและแต่งงานมากที่สุด

“บะ…บ้าเหรอ?”

“ชัวร์…ทุกครั้งที่มึงติดอ่าง คือมึงกำลังโกหก”

“ไอ้ห่า…เออๆ กูยอมรับก็ได้ว่าไปเจอพ่อกับพี่นิ้งมาแต่อัณณาอะของจริง…กูเจอเขามาสามเดือน ผู้หญิงคนนี้ฉลาด เรียนรู้ไว วางตัวดี แถมยังสวยฉิบหาย แบบนี้แหละคือลูกสะใภ้ที่พ่อมึงต้องการ มึงไม่กลัวหรือไงว่าถ้ามึงหาแฟนไม่ได้ พ่อมึงจะหาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาให้แต่งด้วย”

“…” กึกก้องพูดถูก ถึงแม้ว่าคิมหันต์จะอายุแค่ยี่สิบห้า แต่เวลาก็ผ่านไปเร็ว ยิ่งตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการรับช่วงต่อบริษัท ต่อไปหากเขาต้องขึ้นเป็นประธานแทนผู้เป็นพ่อ งานเขาก็จะหนักกว่าเดิม แล้วจะเอาเวลาไหนไปหาแฟน ถึงตอนนั้น…ถ้าเกิดว่าพ่อเขาเกิดรอไม่ไหวแล้วสั่งให้เขาแต่งงานกับใครสักคนที่ไม่ได้รักขึ้นมาจะว่ายังไง

“มึงเข้าใจใช่ไหมว่ากูจะสื่ออะไร?”

“แล้วมึงจะแน่ใจได้ไงว่าเขาจะสนใจกู?”

“ไอ้คิม…มึงก็งัดวิชามารมาใช้สิวะ ตอนอยู่อังกฤษ…มึงดุยิ่งกว่าเสือซะอีก หรือว่าลืมไปหมดแล้ว?”

“พี่ก้อง! ถามจริงพี่ได้ดูมอนิเตอร์มั่งปะ? หนึ่งสั่งคัตไปตั้งนานแล้ว…พี่ว่าไง? ชอบไม่ชอบ? ผ่านไม่ผ่าน…จะเอาอะไรก็บอกดิวะพี่!” ผู้ช่วยผู้กำกับสาวห้าววิ่งมาทำหน้าดุใส่กึกก้องเพราะความหัวเสียที่เขาไม่ได้จดจ่อกับงาน…มัวแต่คุยอยู่กับคิมหันต์

“อะ…แล้วแกว่ายังไงอะ?”

“อะไรของพี่วะ จะมาถามหนึ่งได้ไง? พี่เป็นผู้กำกับนะเว้ย! ฮ่วย! กูล่ะเบิ่ดคำสิเว่า!”

“ก็…” ก็เขาไม่ได้ดูเลยว่าซีนที่ผ่านมานักแสดงเล่นยังไง แบบนั้นแล้วจะตอบอะไรได้ “ก็เอาตามที่แกว่าดี ถ้าแกว่าดีก็ผ่าน ถ่ายซีนต่อไป…ถ้าไม่ดีก็ถ่ายใหม่”

“เชี่ย…” นิดหนึ่งกับสบถ ยกมือขึ้นเกาหัว เพราะไม่เข้าใจว่าผู้กำกับของเธอเป็นบ้าอะไร “ผ่านค่ะทุกคน เตรียมถ่ายซีนต่อไปเลย…ช่างหน้าช่างผมเช็กนักแสดงให้ด้วยนะคะ”

แล้วละครเรื่องสืบรักก็ถ่ายทำเสร็จลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ ทีมงานต่างพากันขอบคุณกันและกัน จากนั้นก็เริ่มเก็บของเตรียมตัวออกจากสถานที่ถ่ายทำ วิอัณณาเดินออกมาจากห้องแต่งตัวหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและบอกลาทีมงานเสร็จ แน่นอนว่าแม่มารับเธอไม่ทัน เธอจะต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านด้วยตัวเอง ระหว่างที่เดินออกมาด้านหน้าโรงถ่าย เธอก็ได้เจอกับคิมหันต์ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ไกลๆ

“ชิ! มองเราทำไม!” เธอบ่นกับตัวเอง รู้สึกหัวร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมคุยกับเธอ เอาแต่จ้องเธออยู่ได้ ทั้งๆ ที่เธอพยายามหว่านเสน่ห์ ทั้งๆ ที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู แต่เขาก็ยังนิ่ง…ไม่เคยมีใครต้านดาเมจเธอได้ แต่ทำไมเขาทำได้?

“จะกลับแล้วเหรอครับ?” แต่แล้วความคิดของวิอัณณาก็เลือนหายไป เมื่อหนุ่มหล่อทิ้งบุหรี่แล้วเดินเข้าหาเธอ พร้อมกับเอ่ยถามเธอด้วยรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ยอมพูดอะไรกับเธอเลย

“ค่ะ”

“กลับยังไงครับ? ขับรถเอง…หรือมีคนมารับ?”

“อัณณา…ว่าจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่น่ะค่ะ”

“…” เขานิ่งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น อะไรมันจะง่ายราวปอกกล้วยเข้าปากแบบนี้

“งั้น…อัณณาขอตัว…”

“ปกติก็กลับแท็กซี่เหรอครับ?” แล้วเขาก็รั้งเธอไว้ด้วยวิธีที่อีกฝ่ายมองไม่ออกแน่ว่าภายในใจเขากำลังคิดอะไร

“เปล่าค่ะ ปกติแม่มารับแต่วันนี้แม่อัณณาติดธุระ แล้วคนที่กอง…ก็กลับคนละทางกับอัณณา”

“คุณไปทางไหน?”

“คะ?”

“ไปครับ…เดี๋ยวผมไปส่ง”

“คะ?”

อยู่ๆ บทจะง่ายก็ง่ายอะไรปานนี้…เขาก็ดูไม่เหมือนคนที่จะเมินเธอเลยนี่ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ยอมพูดอะไร แต่ว่านะ…คนที่เคยพูดกันไม่กี่คำ ทำไมถึงไปส่งบ้านกันง่ายๆ แบบนี้ เขาเป็นคนใจดีขนาดนั้นเลยหรือ? หรือว่า…รอยยิ้มของเธอกำลังทำงาน?

ใช่มันง่าย…อยากคุยด้วยก็แค่เดินเข้ามาคุย อยากอยู่ด้วย…ก็ต้องออกปากว่าจะไปส่ง หากวิอัณณามีรอยยิ้มกระชากใจชายหนุ่มเป็นอาวุธ คิมหันต์เองก็มีเชิงชายที่คาดเดาไม่ได้เอาไว้ล่าเหยื่อเช่นเดียวกัน…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel