บทที่ 1 รอยยิ้มคือพลังทำลายล้าง
1
รอยยิ้มคือพลังทำลายล้าง
กองถ่ายละครเรื่องสืบรัก
เสน่ห์ของหญิงสาวไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตา แต่ยังมีอีกสิ่งที่สำคัญ นั่นก็คือรอยยิ้ม เรื่องนี้วิอัณณารู้ดี เพราะเธอถูกพร่ำสอนจากผู้เป็นแม่ตั้งแต่เด็กจนอายุยี่สิบสามว่าแค่เธอยิ้ม…ทุกคนที่อยู่รายล้อมก็พร้อมที่จะสยบลงแทบเท้าของเธอ และด้วยเหตุผลนั้นเลยทำให้วิอัณณา หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมใบหน้าฟ้าประทานกับรูปร่างและผิวพรรณที่ดีงามราวกับว่าเธอเป็นลูกรักเทพเจ้า ยิ้มอยู่แทบตลอดเวลา เธอยิ้มให้กับทุกคน ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ ยิ้มให้กับทุกสถานการณ์ ต่อให้ในใจจะไม่ได้ยิ้มก็ตาม และอาจพูดได้ว่า…เธอมีใบหน้าและรอยยิ้มเป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงพอๆ กับระเบิดปรมาณู
วันนี้เป็นคิวการถ่ายทำละครเรื่องแรกในชีวิตของวิอัณณาเป็นวันสุดท้าย เธอมีความคาดหวังกับละครเรื่องไว้มาก เพราะมันคือใบเบิกทางครั้งใหญ่ในชีวิต ละครเรื่องนี้คือโอกาส คือเงินทอง คือชื่อเสียง สำคัญที่สุดมันคือความฝันของเธอ ตั้งแต่เด็ก…เธอต้องเข้าคอร์สมากมาย ทั้งเรียนเต้น เรียนร้องเพลง เรียนการแสดง เธอฝึกฝน…บ่มเพราะและสั่งสมความรู้ เพื่อให้มันมาถึงวันนี้…วันที่เธอเรียนจบการละครจากมหาวิทยาลัยชื่อดังและได้เดบิวเป็นนางเอก
อีกไม่นาน…อีกเพียงสองเดือน ละครที่ถ่ายทำวันนี้เป็นวันสุดท้ายก็จะได้เข้าสู่กระบวนการตัดต่อ ทำสีและเอฟเฟค จากนั้นมันก็จะได้ออนแอร์ทางช่องใหญ่ แถมผู้กำกับยังเปรยไว้อีกว่าเขาจะส่งมันไปลงช่องทางสตรีมมิ่งและเอามันไปฉายที่จีนกับประเทศเพื่อนบ้าน มันคือโปรเจคใหญ่…ใครต่อใครก็บอกว่าละครเรื่องนี้จะดัง เรตติ้งจะพุ่งอย่างที่ไม่เคยเป็น มันจะเป็นปรากฏการณ์ และวิอัณณาจะได้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ดังระเบิดเป็นพลุแตกตั้งแต่เรื่องแรก
วิอัณณาเองก็มั่นใจแบบนั้น…เพราะนอกจากบทละครที่ดีงาม ได้ทีมเขียนบทเก่งที่มีชื่อเสียงมาเขียน การกำกับและการถ่ายทำก็ดีไม่ต่างกัน สามเดือนที่ถ่ายทำละครเรื่องนี้ทำให้วิอัณณากล้าพูดได้เต็มปากว่าทุกคนเต็มที่และตั้งใจกันมากโดยเฉพาะผู้กำกับที่ควบตำแหน่งผู้จัดอย่างกึกก้อง แต่ถึงอย่างนั้น…สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ก็คือพระเอกของเรื่องอย่างอนาวิล เขาคนนี้คือพระเอกที่ดังระเบิดอยู่แล้ว แถมยังมีฐานแฟนคลับอยู่หลายประเทศ เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างนั้นช่างลงตัว มันจะมีอะไรที่จะฉุดรั้งความสำเร็จไว้อีกล่ะ?
“อัณณา…พี่ว่าหนูเหมาะกับลิปสติกสีนี้มากเลยนะ ดูสิ…พอทาไปแล้วมันขับผิวและปากก็ดูอวบอิ่มน่าจูบมากเลย” ซินดี้ช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายเอ่ยขณะที่กำลังแต่งหน้าให้ว่าที่นางเอกคนดังเพื่อเข้าฉากสุดท้ายของการถ่ายทำ
“พี่ซินดี้ก็พูดแบบนี้ทุกครั้ง…จะหลอกขายลิปสติกให้อัณณาหรือเปล่าคะเนี่ย?” วิอัณณาหยอกล้อพร้อมรอยยิ้ม เธอชอบคุยเล่นกับช่างหน้าช่างผมแบบนี้เสมอ
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ พี่จะหลอกขายทำไม…ของดีแบบนี้พี่ขายให้ตรงๆ เลย ว่าแต่สนใจสักแท่งไหมล่ะ?”
“ฮะๆ อะไรกันคะเนี่ย…กับน้องยังจะขายของกันได้ลงคอ”
“น้องน่ะ…กำลังจะดังแล้ว ต่อไป…อย่าลืมพี่สาวคนนี้นะ อะ…แท่งนี้พี่ให้ฟรีเลย”
“โถ่พี่ซินดี้…ใครจะลืมลงล่ะคะ แต่ก็ขอบคุณมากนะคะ ต่อไปถ้าอัณณามีเงิน…จะมาเหมาเครื่องสำอางที่ให้หมดเลย”
“อย่าแค่เหมาเครื่องสำอางนะ เรียกพี่ไปเป็นช่างแต่งหน้าประจำเลยก็ดี หน้าสวยๆ แบบนี้…แต่งยังไงก็สวย พี่ชอบ”
“พี่ซินดี้เก่งด้วยล่ะค่ะ”
“นี่ๆ สองคนคุยอะไรกัน? ข้างนอกเขาถ่ายเสร็จแล้วนะ เดี๋ยวคงมาเรียกอัณณาให้เข้าฉากสุดท้าย” เมลโล่ ช่างผมเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องผลไม้ในมือแล้ววางลงตรงหน้าวิอัณณา
“อะไรคะพี่เมลโล่?”
“ผลไม้จ่ะ มีสตรอเบอรี่เคลือบช็อกโกแลตของโปรดอัณณาด้วยนะ”
“งื้อ! ดีจัง…ขอบคุณนะคะพี่เมลโล่”
“จริงสิ…เมื่อกี้ข้างนอกน่ะ มีลูกค้ามาดูด้วยล่ะ”
“ลูกค้าเหรอ?”
“ก็เจ้าของแบรนด์สูทอาร์กติกโชไง เขาเป็นลูกชายน่ะ…เห็นว่ากลับจากเมืองนอกมารับช่วงต่อกิจการที่บ้าน ชื่อคุณคิมหันต์เป็นเพื่อนกึกก้องผู้กำกับเราไง สูททุกตัวที่ใช้ในเรื่องก็ของเขาทั้งนั้น จะบอกว่าแต่ละตัวไม่ใช่ถูกๆ นะ แต่แบรนด์เขาขายไปทั่วโลก ไม่แปลกหรอกที่จะแพง”
“อัณณาคิดว่าละครเรื่องนี้เป็นของช่องซะอีก”
“ไม่จ่ะ ละครเรื่องนี้กึกก้องทำเอง หานายทุนเลย แล้วเอาไปเสนอค่ายทีหลัง ปกติก็ไม่ทำกันแบบนี้หรอกนะ แต่อย่างว่า…กึกก้องมันประหลาด ถ้าฟังมาไม่ผิด อาร์กติกโชลงทุนกับเรื่องนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะ เพื่อที่จะทำการตลาดแบรนด์เขาด้วยน่ะ”
“ก็เพราะคุณคิมหันต์เป็นเพื่อนไง เลยลงทุนให้ขนาดนี้”
“ไอ้คิมมันไม่ได้โง่ที่จะลงทุนให้เพราะผมเป็นเพื่อนมันหรอก แต่มันมองเห็นว่าละครเรื่องนี้จะดัง และจำการตลาดให้แบรนด์มันได้เป็นอย่างดีต่างหาก” กึกก้องเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวได้ทันเวลาที่จะได้ยินทุกอย่าง แต่เขาไม่ได้หัวร้อนไปกับการถูกพูดถึงลับหลัง ถึงได้ยังยิ้มอยู่แบบนั้น
“พี่ก้อง?” มีเพียงวิอัณณาที่รู้สึกไม่ดี เพราะซินดี้และเมลโล่นั้นรู้จักกึกก้องมานาน ทำงานด้วยกันมาหลายเรื่อง จึงได้แต่ยักไหล่เหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด
“นิดหนึ่งมันไปไหน พี่ให้มันมาเรียกอัณณา?” กึกก้องถามถึงผู้ช่วยผู้กำกับ
“เซ็ตฉากเสร็จแล้วเหรอคะ? ให้อัณณาไปเลยไหม?”
“ยังหรอก…แต่พี่อยากมาชวนอัณณาไปเจอลูกค้าหน่อยน่ะ”
“คะ?”
“อย่างน้อยนางเอกของเรื่องก็น่าจะไปเจอลูกค้าหน่อยไม่ใช่เหรอ?” ผู้กำกับหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่ที่จริงแล้ว…เขามีบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่ในใจ
“ได้ค่ะ เดี๋ยวอัณณาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะตามออกไปนะคะ”
กึกก้องรับคำด้วยการพยักหน้า ก่อนจะเดินออกไป ระหว่างนั้นวิอัณณาก็เข้าไปเปลี่ยนชุด พอออกมาก็เห็นว่ามีสายเรียกเข้าจากวิมาลาผู้เป็นแม่ โชว์อยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ
“ค่ะแม่…”
[อัณณา เลิกกองกี่โมง]
“น่าจะอีกไม่เกินสามชั่วโมงหรอก แม่อยู่ไหนคะ อย่ามารับอัณณาสายอีกนะ” วิอัณณายังไม่มีผู้จัดการส่วนตัว และเธอก็ยังไม่มีค่ายหรือเอเจนซี่ เพราะแบบนั้นในช่วงเริ่มต้นแบบนี้ เธอมีแค่ผู้เป็นแม่ที่คอยดูแล
[ตายจริง อีกสามชั่วโมงเองเหรอ? แม่ไปรับไม่ทันแน่เลย…แกนั่งแท็กซี่ก่อนได้ไหม?]
“เอาอีกแล้วเหรอ?”
[เดี๋ยวละครออนแอร์ แม่จะซื้อรถให้]
“แม่มีเงินหรือไง?”
[แม่ไม่มี แต่แกน่ะมี อีเวนท์คงจ่อคิวรอจ้างแก…ไหนจะพรีเซ็นเตอร์อีก]
“ใช้เงินอัณณาซื้อรถแล้วจะมาบอกว่าแม่จะซื้อให้ได้ไง”
[เงินแม่หรือเงินลูก มันก็เหมือนกันนั่นแหละ จริงสิๆ วันก่อนคุณก้องผู้กำกับเขาบอกตอนที่แม่ไปกองถ่ายว่าคิวสุดท้ายลูกค้าจะไปเยี่ยมกองนี่]
“เปลี่ยนเรื่องเก่งนะแม่”
[ฟังแม่ก่อนอัณณา]
“อย่ายาวนะ เดี๋ยวอัณณาต้องออกไปเจอลูกค้า”
[ดีเลย…เพราะแม่ไปหาข้อมูลลูกค้าคนนี้มาแล้ว เขาคือคุณคิมหันต์ อธิโชติจินดา ทายาทแบรนด์อาร์กติกโช เขาทั้งหล่อแล้วก็รวยแถมยังโสด]
“แล้ว?”
[ยิ้มให้เขาเยอะๆ อัณณา พูดกับเขาเพราะๆ ทำให้เขาเอ็นดูแก ชอบแก แล้วอะไรๆ มันจะง่ายขึ้น จำที่แม่เคยบอกได้ใช่ไหม?]
“จำได้…มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียด ยิ้มให้เขา…รอยยิ้มจะทำให้อัณณาได้ทุกอย่างที่ต้องการ”
[เก่งมาก…คุณคิมหันต์คนนี้เป็นเพื่อนคุณก้อง เพื่อนกันก็น่าจะนิสัยเหมือนกัน คุณก้องเขานิสัยดี…คุณคิมก็ต้องนิสัยดี]
“ตรรกะอะไรของแม่เนี่ย?”
[ฟังแม่…แกต้องมีคู่จิ้น คู่จิ้นจะทำให้แกดังขึ้นไปอีก ถ้าแกจิ้นกับพระเอกไม่ได้ แม่จะให้แกจิ้นกับคุณคิม เพราะเขาก็ดังมากในวงสังคมเหมือนกัน]
“พอเลยๆ พักเรื่องคู่จิ้นก่อนนะแม่ แค่นี้แหละ” ว่าแล้ววิอัณณาก็วางสายจากแม่ ก่อนจะเดินออกมาที่หน้าฉาก แน่นอนว่าตลอดทางที่เดินมา…เธอยิ้มให้กับทีมงานทุกคน รอยยิ้มของเธอสะกดทุกอย่างให้หยุดนิ่ง
พอมาถึงที่นั่งของลูกค้า ทุกคนตรงนั้นก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียว หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา เขาจ้องเธอราวกับโดนมนต์สะกด เหมือนกับว่าเขาได้หยุดหายใจไปแล้วเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น ซึ่งกึกก้องที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นมันอย่างชัดเจน ถึงได้ยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูเขา
“เป็นไงนางเอกกู สเปกมึงเลยใช่ไหมล่ะ?”
“…”
“ถึงกับตะลึง ใจเต้นเลยสิมึง คนนี้…ของจริงนะเว้ย โสด สด จูบยังไม่เป็นเลย กูต้องมาสอนเอาหน้าฉากเนี่ย…ถ้าถูกใจเดี๋ยวกูเป็นพ่อสื่อให้เอง”
“สวัสดีค่ะ อัณณานะคะ…วิอัณณา” แล้ววิอัณณาก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ เธอยิ้มให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ก่อนที่จะหยุดสายตาลงที่คิมหันต์ซึ่งเวลาจ้องเธอนิ่งราวกับว่าวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว
