ตอนที่ 11 : ระดับพลังที่ยังไม่รู้จัก
"มาแล้วหรือลูกพ่อ"
「หะ พ่อ พ่อข้าเนี่ยนะ!!! หล่อขนาดนี้เนี่ยนะพ่อข้า จะบ้าตาย」
ข้าคิดเมื่อเห็นคนที่แอบอ้างว่าเป็นพ่อของข้า รูปร่างของเขาสูง มีผมสีเงิน ตาของเขาสีเทามีประกายบางอย่างที่ดึงดูดให้จ้องมอง ผิวขาวอมชมพู ดูหล่อเหลาและงดงามแบบที่ไม่มีใครเทียบ เขาเนี่ยนะคือพ่อข้า
"เอ่อ ท่านใช่คนที่คุยกับท่านเมื่อกี้หรือเปล่าขอรับ"
ข้าถามเขา
"ใช่แล้วข้าเนี่ยแหล่ะ ที่คุยกับเจ้าเมื่อกี้"
เขาตอบ
「งั้นเขาก็คือของข้าจริงๆนะสิ แต่ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าที่เขาพูดมาคือเรื่องจริงหรือเปล่า」
"ถ้างั้นทำไมแม่ของข้าไม่เคยพูดถึงท่านเลยล่ะ"
ข้าถามกลับ เนื่องจากมีข้อสงสัยอยู่มากมาย
"นางถูกลบความทรงจำน่ะสิ ...ผู้ที่จำข้าได้มีเพียงพระเจ้าเท่านั้น"
อ๋อ... อย่างนี้นี่เอง
"แล้วข้ามาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ แล้วทำไมท่านต้องมาอยู่ในตัวของข้าด้วย?"
"นั่นก็เพื่อถ่ายทอดความสามารถของข้าให้เจ้าเพื่อให้เจ้าควบคุมพลังของทูตสวรรค์ในตัวเจ้าได้และปลดพลังของข้าที่ถูกผนึกไว้น่ะสิ ในร่างเจ้ามีพลังของข้าอยู่ ข้ารอเจ้าสัมผัสพลังงานของข้าในตัวเจ้าได้มานานแล้วและก็เป็นวันนี้นี่เองที่เจ้าสัมผัสได้ ข้าเลยนำตัวเจ้ามาในส่วนลึกของความทรงจำตอนแรกเกิดของเจ้าเพื่อพบข้า เอาล่ะ... เจ้าพร้อมจะรับการถ่ายทอดหรือยังลูก"
เขาตอบ
"ถ้าสิ่งที่ท่านพูดมามันจริง แล้วท่านชื่ออะไร"
"ชื่อของข้าคือ ไมย์"
「อ๊ะใช่ ในความทรงจำที่ไหลเข้ามาเหมือนมีคนชื่อ ไมย์อยู่ในหัวแหะเขาคงไม่ได้โกหกเราหรอก」
ข้าคิดในหัว
"อ... เอ่อ แล้วจะถ่ายทอดอย่างไรขอรับ"
ข้าถามขึ้น เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบ
"ข้าจะเป็นผู้สอนเจ้าเอง"
"สอนหรอครับ ได้สิ ข้าพร้อมแล้ว แต่ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วครับเดี๋ยวข้าต้องตื่นไปทานข้าวเช้าอีก (ยังจะห่วงกินอีกนะ)"
"ไม่ต้องห่วง ในนี้เวลาสองชั่วโมงเท่ากับหนึ่งชั่วโมงของด้านนอก เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย" ไมย์ตอบ
"อ่า ขอรับๆ"
"เจ้าคงจะรู้แล้วสินะ ขั้นพลังเวทย์ของมนุษย์ แม้แต่ทูตสวรรค์ยังมีระดับชั้น"
"อะไรนะขอรับ ระดับชั้นของทูตสวรรค์?"
"ใช่ พลังของสวรรค์ พลังของสัตว์อสูรและปีศาจ (เผ่าอื่นๆอีกมากมาย)และพลังต่ำสุดคือพลังเวทย์ของมนุษย์ ซึ่งพลังของสวรรค์จะมีอานุภาพมากที่สุด ตามมาด้วยพลังของสัตว์อสูรและปีศาจ ตามมาด้วยพลังของมนุษย์ ใจตอนนี้เจ้ารู้เพียงแค่ว่า
ผู้ที่ยิ่งใหญ่เพียงพระองค์เดียวคือ พระเจ้า
เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิ ไม่ได้ทรงพลังที่สุด แต่ที่ทรงพลังที่สุดก็คือสัตว์อสูรขั้นเทพ ที่มีพลังการเติบโตเทียบเท่าเทพ (ระดับพลังที่ไม่สามารถคาดเดาได้)
สัตว์อสูรก็เหมือนมนุษย์เพราะมีการฝึกพลังเหมือนกัน การที่เจ้าจะใช้พลังได้นั้นเจ้าจะต้องดึงพลังในของทูตสวรรค์ในร่างออกมาให้ได้เสียก่อน เจ้าลองคิดถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างเจ้าดูสิ ลองสัมผัสพลังอีกสายหนึ่งที่ไม่ใช่พลังเวทย์ แล้วดึงมันออกมา"
ท่านพ่อไมย์บอกผม แล้วผมก็ลองทำตามจริงด้วยถ้าเปรียบพลังเวทย์เป็นสีขาว พลังสวรรค์ก็จะเป็นสีทองข้ารู้สึกว่าสีทองจะสายใหญ่กว่าสีขาวด้วยนะ แล้วข้าก็ลองดึงพลังที่มีสีทองนั้นออกมาใช้ แต่ดึงมาเท่าไหร่มันก็ยังไม่ออกมา... จนเริ่มเครียด
"เจ้าอย่าเครียด ยิ่งเครียดยิ่งดึงออกมาใช้ได้ยาก เจ้าลองทำจิตให้ว่างเปล่า ปล่อยตัวตามสบายแล้วลองดูใหม่อีกที"
คราวนี้ข้าลองทำตามที่ท่านพ่อบอก แล้วมันก็ได้ผล แต่ดูเหมือนมันจะได้ผลมากเกินไป ข้าดึงมันออกมาแต่พลังมันมากเกินทำให้ผมควบคุมไม่ได้และพลังแห่งสวรรค์ก็ดีดกลับมาจนทำเอาข้ากระอักเลือดออกมา
"อั๊ก... แค่ก แค่ก"
"สงสัยเจ้าต้องฝึกควบคุมให้ได้ เพราะถ้าข้าปลดผนึกแล้วมันจะยิ่งมีพลังเยอะกว่านี้อีกตอนนี้แค่พลังของทูตสวรรค์ชั้น9เจ้ายังแย่เลย เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อน เจ้ากลับไปได้แล้วนี่จะเช้าแล้ว ประตูทางออกก็อยู่ที่เดิมที่เจ้าเข้ามานั่นแหล่ะ"
ท่านพ่อตอบแล้วข้าก็เลยหอบร่างเดินออกไป
เฮือก !
ข้าตื่นขึ้นมาและหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ในห้องของตัวเองแล้ว ข้าลองสัมผัสพลังดู แล้วมันก็มีพลังสองสายที่ไหลเวียนอยู่ในตัวข้า
「แสดงว่าเมื่อกี้เรื่องจริงสินะ」
ข้าตื่นขึ้นมาทานข้าวและฝึกดาบตามปกติ พอตกดึกผมก็เข้าไปฝึกกับท่านพ่ออีก เป็นแบบนี้อยู่สามวัน ข้าก็เริ่มควบคุมพลังได้นิดหน่อย แต่วันนี้เป็นวันที่ท่านลุงจะส่งข้าไปที่หุบเขาล้านอสูรแล้วนี่นะ ไวจริงๆ
ก๊อก ก๊อก~
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านราชครูและองค์ชายไป๋หยางมารอที่สวนแล้วเจ้าค่ะ"
เสียงอวี้จิน สาวใช้ของข้าเอ่ยเรียก
"ได้ๆ เดี๋ยวข้าออกไป"
"เจ้าค่ะ" ข้าตอบและสะพายกระเป๋ามิติที่มีของมากมายใส่เอาไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปหาท่านลุงและท่านพี่ไป๋หยาง
ข้าเดินมาจนถึงสวน ก็เห็นท่านลุงซุนฟง ท่านพี่ไป๋หยาง ท่านพ่อและท่านแม่ นั่งอยู่กลางศาลา วันนี้ท่านพ่อใส่อาภรณ์สีขาวล้วนเย็บอย่างสวยงาม ส่วนท่านแม่ใส่อาภรณ์สีชมพูมีลวดลายเป็นผีเสื้อดูอ่อนหวาน ท่านลุงใส่อาภรณ์สีน้ำเงินตะเข็บดำ ส่วนท่านพี่ไป๋หยางและข้าใส่เหมือนกันสีดำล้วนไม่มีลวดลายเพราะกำลังจะไปลุยป่านี่นะ ...เห็นแบบนี้ใจตรงกันเป็นเรื่องธรรมดา
"ข้ามาแล้วขอรับ ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุง ท่านพี่ไป๋หยาง ทำอะไรกันอยู่หรือขอรับ"
ข้าถามขึ้นทุกคนก็หันมามองมาที่ข้ากันหมด
"มาแล้วหรือฟานเอ๋อ/มาแล้วหรืออี้ฟาน"
เสียงทั้งสี่คนดังขึ้น
"พวกเรากำลังจะออกเดินทางกันแล้วเลยปรึกษากันนิดหน่อย"
ท่านพ่อตอบข้า
"ท่านพ่อท่านแม่จะไปด้วยหรือขอรับ?"
"ใช่แล้วจ๊ะฟานเอ๋อ พ่อกับแม่จะไปส่งลูกด้วย"
ท่านแม่ตอบผม
"เอาล่ะคนมาครบแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ"
ท่านลุงซุนฟงตอบ
หมับ~
ท่านพี่ไป๋หยางขว้ามือข้าไปจับไว้แล้วพูดว่า
"ไปกันเถอะ"
"ขอรับ"
ข้าตอบแล้วยิ้มสดใสให้ท่านพี่ไป ไม่รู้ทำไมท่านพี่ถึงได้หันกลับไปแล้วลากข้าตามไปอย่างรวดเร็ว ข้ามองขึ้นไปแล้วเห็นว่าหูของท่านพี่ไป๋หยางแดงด้วยแหล่ะ...สงสัยจะป่วยรึเปล่าเนี่ย
"ทำอะไรของเจ้าหน่ะ" ข้าแนบมือไปที่หน้าผากของท่านพี่เพราะเป็นห่วงนึกว่าเขาจะป่วย
"ก็ท่านหน้าแดงเหมือนคนป่วยเลยนี่ขอรับ?"
"ข้าไม่ได้ป่วยเสียหน่อย ไปกันได้แล้ว" ท่านพี่ไป๋หยางหันหน้าเดินออกไปทั้งที่หน้าแดงจนถึงใบหูแล้ว ต่อมาเราเดินไปขึ้นกริฟฟินของท่านลุง แต่ท่านแม่มีเพกาซัส สัตว์คู่พันธสัญญาอยู่แล้ว ท่านแม่กับท่านพ่อเลยขี่เพกาซัสไป แล้วพวกเราก็เริ่มเดินทางไปยังหุบเขาล้านอสูร
