ตอนที่ 3: การบ้านกลุ่มที่ไม่ได้เลือกเอง
ข่าวลือเรื่องแฟนเก่าของพี่ภามแพร่สะพัดไปทั่วคณะอย่างรวดเร็ว ขิมได้ยินมันจากหลายปาก จากรุ่นพี่ จากเพื่อนร่วมรุ่น แม้แต่จากไอซ์ที่นั่งถอนหายใจอยู่ข้างๆ เธอก็ยังได้ยินเรื่องเดียวกัน ไอซ์บอกว่าเรื่องนี้เป็นที่รู้กันในหมู่รุ่นพี่ แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงต่อหน้าภาม
“น่าสงสารเนาะ” ไอซ์บ่นอุบ “พี่ภามดูเป็นคนแข็งๆ แต่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
ขิมไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจกลับว้าวุ่น เธอคิดถึงแววตาที่ว่างเปล่าของภามในวันแรกที่เจอ คิดถึงคำพูดที่ว่า “ภาพมันเศร้า” และ “ฉันไม่เคยอยากอยู่แบบนั้น” จู่ๆ ทุกอย่างก็เริ่มเชื่อมโยงกันอย่างน่าตกใจ
เธอกำลังนั่งวาดภาพคนในโรงอาหารตอนเที่ยง ไอซ์หายไปกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งทำความรู้จัก ขิมเลือกที่จะอยู่คนเดียว เธอชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองแบบนี้ ได้สังเกตผู้คน ได้จมดิ่งไปในโลกของเส้นดินสอและเงาแสง
โทรศัพท์มือถือของเธอสั่นครืด แจ้งเตือนข้อความจากไลน์กลุ่มของวิชาสตูดิโอออกแบบพื้นฐาน
อาจารย์ ป. : ขอประกาศผลการจับกลุ่มสำหรับโปรเจกต์ Interior Design ครับ
ชื่อไฟล์ PDF ถูกแนบมา ขิมกดดาวน์โหลดอย่างไม่ใส่ใจนัก เธอรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะต้องอยู่ในกลุ่มไหนสักกลุ่มกับคนที่เธอไม่สนิทอยู่ดี
แต่เมื่อไฟล์เปิดขึ้นมา สายตาของเธอก็หยุดชะงักที่รายชื่อกลุ่มที่ 3
กลุ่มที่ 3: นายภาม อภิรักษ์ (ปี 4), นางสาวขิม จิระอนันต์ (ปี 1), นางสาวพิมพร แก้วกุล (ปี 1), นายจิรวัฒน์ สุขสำราญ (ปี 1)
ขิมอ่านชื่อ “ภาม อภิรักษ์” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ
พี่ภาม...อยู่กลุ่มเดียวกับเธอ?
เธอรู้สึกทั้งตกใจและประหม่า ไม่ได้อยากจะทำโปรเจกต์ร่วมกับคนที่เพิ่งจะรู้เรื่องราวอันแสนเศร้าของเขาไปหมาดๆ มันให้ความรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด
ภามเป็นคนจริงจังกับการเรียนมาก เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ โปรเจกต์ของเขามักจะออกมาดีเยี่ยมเสมอ ขิมกลัวว่าเธอจะทำได้ไม่ดีพอ กลัวว่าจะไปเป็นภาระให้เขา กลัวว่าจะทำให้โปรเจกต์ของกลุ่มไม่สมบูรณ์
เธอเม้มปากแน่น ความรู้สึกหนักอึ้งเข้าจู่โจม นี่ไม่ใช่การจับคู่ที่เธอต้องการเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักในไลน์กลุ่มของวิชาสตูดิโอ ก็มีข้อความจากภาม
ภาม: รบกวนทุกคนว่างวันไหนบ้างครับ จะได้นัดคุยเรื่องโปรเจกต์
ขิมพิมพ์ตอบไปว่า “ว่างทุกวันค่ะ” เธอไม่รู้จะพิมพ์อะไรมากกว่านี้
เพียงไม่กี่นาที ภามก็ตอบกลับมา
ภาม: งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่ายสอง ที่ห้องสตูดิโอ ชั้น 2 นะครับ
ขิมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เธอรู้สึกเหมือนถูกกำหนดให้ต้องเดินเข้าไปในเส้นทางที่เธอไม่ได้เลือกเองอีกครั้ง
คืนนั้น ขิมนอนไม่หลับ เธอเปิดสมุดร่างภาพอีกครั้ง ภาพเงาของพี่ภามที่เคยให้ความรู้สึกมั่นคง ตอนนี้กลับดูเต็มไปด้วยเงาที่เธอไม่อาจเข้าใจ เธอคิดถึงเรื่องราวของเขา คิดถึงแฟนเก่าที่จากไป และคิดถึงตัวเอง...อดีตของเธอที่เต็มไปด้วยรอยร้าวของครอบครัวที่พังทลาย และความรักครั้งแรกที่ทิ้งเธอไว้กลางทาง
ความกลัวเก่าๆ เริ่มกลับมาเกาะกุมหัวใจ เธอไม่เชื่อในความรักอีกแล้ว และไม่ต้องการที่จะผูกพันกับใคร เพราะความผูกพันมักจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดเสมอ
แต่ตอนนี้...เธอกลับต้องมาทำงานร่วมกับผู้ชายที่ดูเหมือนจะแบกรับความเจ็บปวดไว้ไม่ต่างจากเธอ
นี่มันจะจบลงแบบไหนกันแน่ เธอคิด
---
วันรุ่งขึ้น ขิมเดินเข้าไปในห้องสตูดิโอชั้น 2 ด้วยความรู้สึกกังวล ห้องนั้นกว้างขวางและมีแสงสว่างส่องเข้ามาจากหน้าต่างบานใหญ่ โต๊ะทำงานหลายตัวถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แต่ละโต๊ะมีกลุ่มนักศึกษากำลังนั่งคุยกันอย่างกระตือรือร้น
กลุ่มของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง พี่ภามนั่งอยู่หัวโต๊ะ ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบ พิมพรและจิรวัฒน์ ซึ่งเป็นเพื่อนปีหนึ่งในกลุ่มเดียวกัน กำลังนั่งดูแบบร่างในสมุดของภามอย่างสนใจ
“มาพอดีเลยขิม” พิมพรยิ้มทักทาย เธอเป็นคนร่าเริงและเข้ากับคนง่าย
ขิมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับภาม เขายกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อทักทาย แต่ไม่ได้พูดอะไร แววตาของเขากวาดมองมาที่เธอเพียงชั่วครู่ แล้วก็กลับไปมองแบบร่างในสมุดของตัวเอง
“พี่ภามร่างแบบคร่าวๆ มาให้เราดูแล้ว” จิรวัฒน์บอก “ดูเป็นไปได้มากๆ เลยครับ”
ภามเริ่มอธิบายแนวคิดของโปรเจกต์ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ชัดเจน เขาพูดถึงการใช้พื้นที่ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และแสงสว่างในแบบที่ขิมไม่เคยคิดมาก่อน เธอรู้สึกทึ่งกับความสามารถและความละเอียดรอบคอบของเขา
“แต่ละคนมีความถนัดต่างกัน” ภามสรุป “เรามาแบ่งงานกันตามความถนัดดีกว่า”
พิมพรเสนอตัวรับผิดชอบเรื่องการหาข้อมูลวัสดุ ส่วนจิรวัฒน์ขอทำเรื่องการคำนวณโครงสร้าง ขิมเงียบ เธอไม่รู้จะเสนอตัวทำอะไรดี เพราะเธอไม่ถนัดงานโปรเจกต์เท่าไหร่นัก
ภามหันมามองขิม “แล้วเธอ...อยากทำส่วนไหน”
ขิมลังเล “ฉัน...ถนัดงานวาดภาพค่ะ” เธอพูดเสียงเบา “แต่ถ้าเป็นเรื่องโปรเจกต์ ฉันอาจจะยังไม่เก่งเท่าไหร่”
ภามพยักหน้าช้าๆ “งั้นเธอดูแลเรื่องการเรนเดอร์ภาพสามมิติกับไดอะแกรมทั้งหมดแล้วกัน”
ขิมรู้สึกประหลาดใจ การเรนเดอร์ภาพและการทำไดอะแกรมเป็นส่วนสำคัญของโปรเจกต์ ซึ่งต้องใช้ความละเอียดและเข้าใจแบบทั้งหมด เธอกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพอ
“แต่...ฉันกลัวจะทำได้ไม่ดีค่ะ” ขิมสารภาพ “ถ้าเกิดมันออกมาไม่สมบูรณ์ พี่จะเสียเวลาไหมคะ”
ภามวางปากกาลงบนโต๊ะ ดวงตาของเขามองตรงมาที่ขิม สายตาคู่นั้นยังคงนิ่งเรียบ แต่ขิมกลับรู้สึกได้ถึงความมั่นใจบางอย่างที่แฝงอยู่
“ถ้าเธอไม่มั่นใจ ให้ฉันดูทุกครั้งก่อนส่งก็ได้” เขาพูดเสียงเรียบๆ “ฉันจะช่วยดูให้”
คำพูดนั้นทำให้ขิมรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ ความกังวลที่เคยมีอยู่ค่อยๆ จางหายไป ราวกับว่าคำพูดของเขามีพลังวิเศษที่สามารถปลดล็อกความประหม่าของเธอได้
หลังจากนั้น การประชุมกลุ่มก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ภามเป็นคนนำการประชุม เขาจัดแจงแบ่งงานได้อย่างชัดเจนและรับฟังความคิดเห็นของทุกคน แม้จะดูเป็นคนเย็นชา แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบที่สูงมาก
เมื่อการประชุมจบลง ทุกคนก็แยกย้ายกันไป ขิมเก็บของลงกระเป๋าช้าๆ เธอเหลือบมองภามที่กำลังก้มหน้าก้มตาจดอะไรบางอย่างลงในสมุด
เธอไม่รู้ว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้จะนำพาไปสู่จุดไหน เธอไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะพัฒนาไปในทิศทางใด แต่ที่แน่ๆ คือ...เธอรู้สึกว่าโลกสีเทาของเธอเริ่มมีเฉดสีใหม่ๆ แทรกเข้ามาอย่างช้าๆ
อาจจะเป็นสีของเส้นดินสอที่ภามลงน้ำหนักบนกระดาษ หรืออาจจะเป็นสีของแสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องเข้ามาในห้องสตูดิโอ
ขิมเดินออกจากห้องสตูดิโอด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากตอนที่เข้ามา เธอไม่ได้รู้สึกหนักอึ้งอีกต่อไปแล้ว แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับ...ความหวังเล็กๆ ที่เพิ่งจะก่อตัวขึ้นในใจ
หวังว่าโปรเจกต์นี้จะผ่านไปด้วยดี และหวังว่าเธอจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากผู้ชายที่ชื่อภาม ผู้ชายที่ดูเหมือนจะแบกรับความเจ็บปวดไว้มากมาย แต่ก็ยังคงมีความอบอุ่นซ่อนอยู่ภายใน
