บท
ตั้งค่า

ep7

“เจ้ากู ข้าทราบว่าท่านเดินทางผ่านเข้ามาในเมืองนี้ และคงยังมิได้รับนิมนต์ผู้ใดในพิธีเบิกพรหมจรรย์ของดรุณี ข้ากับเมียมีลูกสาววัยกำดัดอยู่นางหนึ่ง ยังมิได้เข้าพิธี แลข้าเองก็มิได้มีเงินทองมากมีในการจองนิมนต์เจ้ากูท่านใดเลย”

“เจริญพรเถิดโยม อาตมามิได้ข้องเกี่ยวกับลัทธิตันตระของพุทธลัทธิที่เจ้าบูชา เห็นทีจักทำพิธีกรรมให้มิได้ ลองไปดูเหล่าพราหมณ์ที่ยินยอมทำตามคำขอของเจ้า บางทีอาจจะได้เมตตาจากพวกเขา”

สองผัวเมียก้มกราบเหมือนสิ้นหวัง เหตุใดพระภิกษุรูปนี้จึงปฏิเสธ ทั้งที่เลื่องชื่อในความเมตตาจนใครก็อยากทำบุญด้วย ร่ำลือกันว่า การตักบาตรกับท่านมหาปาสมันต์นั้นถือเป็นกุศลอย่างยิ่ง ท่านมิได้รังเกียจคนยาก แต่เหตุใดท่านจึงปฏิเสธคำขอเช่นนี้เล่า

“โยมอย่าได้ร้อนใจไปเลย อันว่าพิธีกรรมดังกล่าว มิได้ถือว่ามีความสำคัญต่อไปในอนาคต อาตมามิได้ให้โยมขัดขืนความเชื่อของโยม หากแต่อยากให้โยมพิจารณาดูว่า พิธีกรรมนั้น ในรั้วในวัง ในฝั่งพระนครอีกด้านหนึ่ง ค่อย ๆ สลายหายไปแล้วมิใช่หรือ”

สองผัวเมียหันมองหน้ากัน พิธีกรรมนั้นหาได้หายไปไม่ เหตุใด ขบวนแห่แหนยังเอิกเกริกไปทั่วทั้งพระนคร กำหนดวันในการเข้าทำพิธีก็กำหนดไว้แน่นอนแล้ว เขาเองหากท่ามหาปาสมันต์รับคำ จัดปะรำต้อนรับเสียในคืนนี้ที่บ้าน ก็ยังทัน

“อย่าได้กังวลไปเลย ลูกสาวเจ้าต้องมีสามี และมีบุตรเป็นแน่แท้ แม้ไม่ผ่านพิธีกรรมนั้น”

“ผู้คนจะรังเกียจ”

พระมหาปาสมันต์ หันมองคนที่นั่งอยู่เบื้องหลังจำนวนหนึ่ง แลเลยไปอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังหุงหาอาหารและจัดที่พักชั่วคราว

“อย่างน้อย กลุ่มผู้คนที่อยู่ ณ ที่นี้ ก็มิได้รังเกียจ จงนำบุตรสาวของเจ้ามารับใช้คนที่นี่เถิด”

สองผัวเมียหันหน้ามองกันอีกครั้ง แต่ไหนแต่ไร มิเคยส่งลูกเข้าเป็นทาสใคร ไร่นาที่ทำพอเพียงเลี้ยงดู แม้มิได้มากมาย หักจากการนำส่งเจ้านายผู้ให้ผืนนาทำกินแล้ว พวกเขา 3 คนพ่อ แม่ ลูก ก็มิต้องเป็นทาสใคร

“เจ้าพามาเถิด มิได้เป็นทาสดอก มาคอยรับใช้คนที่นี่ดังญาติมิตร เขาเพิ่งมาถึง พวกเจ้าจักได้เป็นมิตรกัน”

คนผัวชะเง้อมองไปที่หนุ่มฉกรรจ์ที่กำลังทำงานอย่างแข็งขัน นึกไปถึงว่า ลูกสาวอาจได้ผัวอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ ดูท่าจะทำมาหากินอยู่หรอก

“คนพวกนี้มาจากไหนหรือท่านเจ้ากู”

“พวกเขามาจากดินแดนแห่งพนมสูงด้านเหนือทวนโตนเสลาปขึ้นไปไกลโพ้น บุรุษผู้นั่งอยู่ที่กลางลานใกล้คบไฟนั่นคือ เจ้าฟ้างุ่ม ผู้ที่จักได้รับการเลี้ยงดูดุจพระโอรสของพระเจ้าเหนือหัวในอนาคต”

ผู้เมียขยับเข้าใกล้ ชะเง้อมองไปยังบุรุษร่างสูงโปร่ง แต่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าคมสัน นี่หรือ เป็นพระโอรสบุญธรรมแห่งองค์เหนือหัว มาจากต่างถิ่นคงมิรู้พิธีกรรมนี้ แลไม่น่ารังเกียจสตรีที่ไม่ผ่านพิธีกรรม นางจึงยิ้มรับกับท่านมหาปาสมันต์

“พวกเจ้าก็มาช่วยพวกเขาอยู่ที่นี่ ผู้คนในเมืองพระนครมากมีนักที่เป็นมิตรกับพวกเขา เจ้าเองก็เป็นมิตรกับพวกเขาได้ ยามนี้ บริวารไพร่พลของเขามีลู่ทางทำกินจนเป็นคนของเมืองพระนครไปแล้ว เจ้าดูซิพวกเขาสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยใหญ่โต มีหน้ามีตา เจ้ามาพึ่งเขาเถิด หนทางข้างหน้า เจ้าจักได้สบาย”

“เจ้าค่ะ เจ้ากู ฉันจะส่งลูกสาวมารับใช้ที่นี่”

คุยกันได้มินาน สองผัวเมียก็ลากลับไปด้วยความสมใจ ตั้งใจจะส่งลูกสาวมารับใช้ เผื่อจะได้สามีดี ๆ ให้เป็นข้ารับใช้ของโอรสบุตรธรรมก็ได้ มิต้องเป็นใหญ่ดอก เป็นนางเล็กๆ นางก็ดีใจแล้ว

ปู่อิน นั่งลูบเคราหัวเราะหึ หึ ในลำคอ แววตาสองผัวเมียนั่น ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง ตาสอนคุมไพร่พลอยู่เมืองสะมะพูปุระ ปู่อินแยกมาอยู่ที่นี่กับข้าทาสจำนวนหนึ่ง หากได้จำนวนไพร่พลของที่นี่ อาจเป็นการดีในภายหน้า เชื่อมสัมพันธ์กันไว้ไม่เสียหลาย

..........................

อรุณรุ่งที่แสงอาทิตย์ทอจับขอบฟ้า คนเมืองพระนครลุกขึ้นหุงหาอาหารกันแล้ว ขณะที่คนพลัดถิ่นก็เริ่มงานของตนเช่นกัน เรือนนี้จักปลูกใหญ่โตเพียงใด พระเจ้าเหนือหัวหาได้เคยขัด ส่งไม้และช่างฝีมือเตรียมพร้อมอยู่ ผิดแต่ว่า ฟ้างุ่มและข้าเลี้ยง 6 คน ถูกส่งไปเรียนวิชากับเหล่าโอรสเมืองอื่นๆ เมื่อเชี่ยวในเชิงรบ ก็ถูกส่งไปยังเมืองฝั่งทะเลออกแก้วเสียนาน เพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อไม่กี่วันนี้ วันพรุ่ง จักต้องไปอยู่ในภายในวังเพื่อถวายงานรับใช้เจ้าเหนือหัว

ข้าเลี้ยงวัยเด็กของฟ้างุ่มอายุมากกว่า เพราะดูแลกันมาแต่เด็ก แต่ก็มีที่รุ่นราวคราวเดียวกันที่ชะเง้อมองจ้องจะตามไปอยู่ด้วย เพราะหลายปีก็หอบหิ้วกันไปทั้งหมด แต่คราวนี้มิได้ ด้วยจนปู่อินขัดไว้

“ข้าเป็นสหายของฟ้างุ่ม เหตุใดจึงติดตามเข้าไปบ่ได้”

ยามอยู่ลำพังคนเวียงเชียงทอง จึ่งหลุดพูดภาษาที่เคยคุ้น ที่เคยสั่งสอนกันมา

“บ่ได้ เอ็งอยู่ที่แหละ อยู่รับใช้ปู่ ฟ้างุ่มบ่ได้จากไปที่ใด แต่ไปถวายงานของพระเจ้าเหนือหัว แห่งศรียโสธรปุระ”

“ข้าก็อยากไปถวายงานด้วย”

บาโบ ข้าเลี้ยงฟ้างุ่มมองดู บาจิ่น ข้าเลี้ยงสหายสนิทของฟ้างุ่ม แล้วยิ้ม อยากจะเอามันไปด้วย แต่ปู่อินห้ามไว้เสียแต่เมื่อคืน มิรู้ว่าภายในวังจักเป็นเช่นใด จึงมิอาจให้ฟ้างุ่มขนบริวารไปนักหนา ไปถึงที่แล้ว ค่อยเจรจาว่า จักหาบริวารไปรับใช้อย่างไร เท่าที่แลเห็น พระเจ้าเหนือหัวเมตตาฟ้างุ่มมิได้น้อย แต่ปัญหาอยู่ที่ฝ่ายในจักรับฟ้างุ่มได้เพียงใด นั่นต้องตรองดูก่อน

บาโบกับบาคุ้ม ข้าเลี้ยงของฟ้างุ่ม เติบโตมาพร้อมกับฟ้างุ่ม ด้วยขึ้นแพล่องมาแต่น้อย จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นข้าเลี้ยงกับฟ้างุ่ม หากแต่บาเสียม บาจี่แข้ บาจิ่น และบาลู เป็นรุ่นราวคราวเดียวกับฟ้างุ่ม ที่ติดตามกันมาตั้งแต่คราวนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel