บท
ตั้งค่า

ep 6

สิ้นเสียงอันเต็มไปด้วยอำนาจ เด็กวัยรุ่นร่างกำยำ เงยหน้าขึ้นสบตาสมมุติเทพอย่างมิได้เกรงกลัวอันใด สายตาที่แข็งกร้าวของเด็กเลือดร้อน ปะทะกับสายตาอ่อนโยนที่เจือด้วยอำนาจ ทำให้แววตากระด้างอ่อนแสงโดยมิรู้ตัว

“เจ้าคือฟ้างุ่ม ที่ถูก........มาจากเวียงเชียงทอง จากสายตาของเจ้า คงเป็นอื่นไปไม่ได้” เว้นไว้ คำเนรเทศ ผิว่า เจ้าตัวจักรู้สึกมิได้เป็นมิตร

“พระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้า ฟ้างุ่ม แห่งเวียงเชียงทอง” เด็กหนุ่มถวายบังคมโดยมิได้เกรงกลัว หรือกล่าวเท็จ

“กล้าหาญดีนัก เราชอบ” พระเจ้าศรีอินทรชัยวรมันแห่งเมืองพระนครศรียโสธรปุระ แย้มสรวล

“เราถูกชะตากับเจ้านัก บุญของเราที่จะได้เจ้ามาเป็นโอรส เจ้าจะว่าเยี่ยงใด”

กษัตริย์ผู้นี้ เหตุใดยอมลดตัวแลใช้คำพูดเยี่ยงนี้กับเด็กน้อยที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยหนุ่มน้อย

คำพูดนั้นสำคัญ คำพูดนั้นมัดใจคน

“กระหม่อมต่างหากที่มีบุญได้อาศัยร่มโพธิสมภารจากพระองค์ กระหม่อมมิกล้าอาจเอื้อมในสิ่งที่พระองค์กล่าวถึง พระเจ้าข้า”

“ดูท่าเจ้าจะไม่อยากเป็นโอรสของเรา เอาเถิดเราจะเลี้ยงดูเจ้ามิต่างจากโอรสเราหรอก เจ้าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม แต่เราก็จะทำให้เจ้าเรียกเราว่า เสด็จพ่อ”

ฟ้างุ่มก้มกราบด้วยสำนึก หากสายตาที่น้อมลงจรดพื้นหลายคู่ มีแววชิงชังและริษยา ข้าไท้บริวารที่ตามติด ปานว่าจะสร้างหมู่บ้านได้กระนั้น ปาสะมันภิกษุเฒ่า หลงตัวว่าเป็นพระในพุทธศาสนา ที่เหนือตัวทรงเชื่อใจ เหล่าพราหมณ์ถูกกดต่ำ จนแทบไม่ต้องเหลือชนชั้นใด ๆ ให้เคารพกันอีก

.......................

หลายปีผ่าน มหาปาสมันต์ เดินธุดงค์ มายังเมืองพระนครอีกครั้ง บ่ายหน้าเข้าสู่หมู่บ้านของชาวเวียงเชียงทอง ที่ปลูกสร้างออกมายังบริเวณนอกกำแพงพระนคร พื้นที่หมู่บ้านใกล้แม่น้ำปวก เป็นครัวใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันหลายสิบคนทีเดียว ปู่อินแจ้งแก่บริวารว่า อยากจะสร้างวัดถวาย เหมือนดังเช่นที่เมืองสะมะพูปุระ ด้วยเมืองนั้นก็ทิ้งผู้คนครัวเรือนของเมืองเวียงเชียงทองไว้ส่วนหนึ่ง จะหอบหิ้วกันมาก็รังแต่จะอึกทึก ขวบปีกว่าที่อาศัยที่นั่น สำราญใจกันอย่างดี แถมมีไพร่พลร่วมเป็นมิตรอีกจำนวนมาก ด้วยอัธฌาศัยแลบารมีของฟ้างุ่ม การได้พบกับพระมหาปาสมันต์อีกครั้งจึงสร้างความยินดีนัก

ภายหลังทักทายไต่ถามกัน ปู่อินแลมหาปาสมันต์ จึงนั่งสนทนากันตามประสาคนคุ้นเคย ด้วยธรรมที่มหาปาสมันต์สั่งสอนนั้น ปู่อินยังคงระลึกอยู่เสมอ

“เจ้ากู จะพักอยู่กับเราที่นี่นานกี่เพลา หรือจักอยู่ที่นี่ไปโดยตลอด ข้าจักสร้างวัดถวาย”

“เห็นทีจะชั่วคราวเท่านั้นล่ะ โยม อาตมาชอบเดินธุดงค์โปรดญาติโยม ยามนี้ทั่วทั้งเมืองพระนคร มีทั้งพราหมณ์ พุทธ และลัทธิที่ภายหน้าจะถูกมองว่า ล้าหลังและไม่นิยม”

“ลัทธิที่กระทำกันอยู่ในช่วงนี้หรือเจ้ากู ข้าก็เห็นว่ามันพิลึกพิลั่นอยู่”

“อันว่าศาสนาของสมณโคดม แม้สอนที่จิตเป็นใหญ่ หากแต่ไม่สามารถรวมใจของคนให้เป็นหนึ่งได้ในการปกครอง ความใจดีมีเมตตาดังพระโพธิสัตอวโลกิเตศวร ของพระเจ้าเหนือหัวมหาบรมสุคตบท พระผู้สร้างปราสาทอันมหัศจรรย์นั้น แม้ยิ่งใหญ่ก็ถูกแทรกซึมจากหมู่พราหมณ์จนเกิดความไม่พอใจซุกซ่อนอยู่ ยามเมื่อหมดอำนาจของพระเจ้าเหนือหัวมหาบรมสุคตบทแล้ว พระเจ้าเหนือหัวปรเมศวรบท มีโอกาสได้ขึ้นครองราชญ์ มิอาจยอมรับในศาสนาของพระโคดม ได้”

สายตาของมหาปาสมันต์ทอดมองไกลออกไป ดวงตาเจ็บร้าวเมื่อคิดถึงพุทธสถานจำนวนมากถูกทำลายลงไป

“ปราสาทที่ถูกสลักเสลาด้วยภาพของพุทธะ ถูกสกัดทำลายเสียสิ้น หมู่พราหมณ์ก้าวเป็นใหญ่อีกครั้ง มันทำลายทุกอย่างที่เป็นของพระเจ้าเหนือหัวพระองค์เก่า และพวกมันนั่นแหละที่ดึงเอาลัทธินี้จากชมพูทวีปเข้ามา เป็นลัทธิเชื่อมต่อระหว่างพราหมณ์และพุทธ เป็นตันตระวัชรยาน ที่มิได้ปฏิบัติกรรมฐานเพื่อการหลุดพ้น หากแต่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ทุกข์ยากให้มีชีวิตในสังคมเพื่อการปกครองของเจ้ากษัตริย์”

ปู่อิน นิ่งฟังตรึกตรอง มิได้เข้าใจถ้วนถี่ เหล่าเวียงเชียงทองนับถือผีฟ้า ผีบรรพบุรุษ การเซ่นสรวงมิได้แตกต่างจากชาวเมือง แต่นามที่เอ่ยอ้างต่างกัน ยามนี้ พระมหาปาสมันต์ที่สยายปีกแห่งศรัทธาดูแลให้ที่อยู่อาศัย และให้ศรัทธาทางจิตมากมี กำลังพูดถึงสิ่งใดอยู่

“ประเพณีปฏิบัติของเมืองพระนครตอนนี้ เป็นประเพณีปฏิบัติที่พวกเจ้าอาจจะมึนงงสงสัย แต่มิต้องกระทำตาม มันเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหนือหัวปรเมศวรบถนั่นแล้ว หากแต่แอบทำในที่ลับ แต่พอนานวัน ถึงจักมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน แต่ประเพณีนี้ก็ยังเจริญรุด”

“ประเพณีที่ท่านเจ้ากูว่าไว้ ข้าเองก็เคยพบเห็นและได้ยินได้ฟังมา ดูพิลึกพิลั่น หากแต่ก็มิได้คัดค้าน หรือกระทำตาม”

“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว อย่าได้หลิ่วตาตามเป็นอันขาด”

ปู่อินกล่าวโดยสัตย์ 3-4 ปีทีมาอาศัยอยู่ที่นี่ ล้วนมีสิ่งแปลกใหม่ให้มึนงงสงสัย จึงค่อยเรียนรู้กันไป แต่มิได้ชัดเจนและแจ่มชัด ด้วยคนเมืองนี้ เมื่อแรกที่พบเจอก็เหยียดคนเวียงเชียงทองอย่างพวกตน เพราะมิได้อยู่ในฐานะคนเมือง หากแต่พวกที่มาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ขณะที่เหล่าข้าบริวาร ที่มากมีนั้น ล้วนตกเป็นทาส เป็นเชลยให้ก่อร่างสร้างปราสาทอยู่มิได้หยุดหย่อน แต่ต่อมา จึงค่อยๆ เป็นมิตรด้วยอัธยาศัยของคนเวียงเชียงทองที่อ่อนน้อมถ่อมตนแลเป็นมิตรกับคนง่าย ทั้งยังพร้อมที่จะเรียนรู้วิทยาการของคนเมืองพระนครโดยมิได้ถือตัว

“เจ้าดูเด็กสาวพวกนั้น ถูกแห่แหนไปด้วยความยินดี เป็นเครื่องหมายว่า ต่อไปภายหน้าเด็กสาวพวกนั้นจะสามารถมีบุตรต่อไปได้ หลังผ่านพ้นพิธีกรรมนี้”

ยังไม่ทันที่ พระมหาปาสมันต์จะกล่าวสิ้นความ ชาวบ้านชายหญิงก็ถลาเข้ามายังที่พักของเหล่าเวียงเชียงทอง เหมือนกับต้องการความช่วยเหลือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel