พระนางแก้วเก็งยา

65.0K · จบแล้ว
จุติศร
43
บท
405
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ชัยชนะที่วางอยู่บนมือ จักมีค่าอันใดหากมือนั้นปราศจากซึ่งลมหายใจเสียแล้ว” เรื่องราวของพระเจ้าฟ้างุ่ม แห่งเวียงเชียงทอง ผู้ซึ่งทำทุกอย่างเพื่อสตรีที่รักราวแก้วกลางดวงหทัย...พระนางแก้วเก็งยา ทว่า ตัวแทนความรักที่เจ้าฟ้างุ่มมีให้นั้น หาได้มีความหมายต่อนางผู้เป็นที่รัก ทรัพย์สินศฤงคารใดก็ไม่มีค่าพอกับตัวตนของคนที่รัก...เจ้าฟ้างุ่ม มิเคยเข้าใจ ลุ้นติดตามความรักของคนทั้งคู่ ใน พระนางแก้วเก็งยา

พลิกชีวิตดราม่าราชันย์รบนิยายประวัติศาสตร์

ep1

เสียงฟ้าโครมครามในเบื้องหน้า มิทำให้ชายหนุ่มใหญ่ร่างกำยำสะดุ้งไหว ร่างสูงใหญ่ยืนสง่ามองฟ้าที่กราดเกรี้ยวด้วยใจอันสงบเย็น ฝอยฝนตกกระทบใบไม้ที่ลู่น้อมคำนับในที บ้างดีดตัวขึ้นล้อเล่นกับม่านที่ไหวอยู่ข้างผนังป่องเยี่ยม...หน้าต่าง

“อุแว๊ อุแว๊....” เสียงทารกน้อยกำเนิดขึ้นในคืนที่ฝนโปรยปรายลงมา ราวกับเทพยดาอวยส่ง แม่นแล้วคือ ผู้มีบุญมาเกิด อันพื้นพสุธาก็ครึกโครมหวั่นไหว จนประชาราษฎร์หวาดกลัว

“โอรสรึ” ทันทีที่หมอหลวงก้มกราบที่เบื้องบาท สุรเสียงนิ่งสงบตรัสถามด้วยความหวัง

“แม่นแล้วกระหม่อม พระโอรส” พลันสิ้นเสียงตอบ เสียงหัวเราะของผู้เป็นบิดาก็กึกก้องทั่วท้องพระโรง ก่อนจะย่างบาทผละไปยังห้องประสูติด้วยปรีดิ์เปรมดิ์ ฉะนี้จึงมิเห็นสีหน้าของคณะหมอหลวงที่เศร้าสลดระคนหวาดกลัว

“เจ้าใยมิกล่าวคำบอกพระองค์เล่า ว่าพระโอรสนั้น.....”

เสียงสหายสะกิดอยู่เบื้องหลัง หมอหลวงยันไปเงื้อมือทุบถอง

“หาใช่กงกางอะไรของเจ้า เรื่องแบบนี้ เป็นหน้าที่ของโหรหลวง จะทายทัก”

หมอหลวงชรา ย้ายกายลับหายไปพร้อมหญิงสาวลูกมือทำคลอด ส่วนสหายที่ถูกทุบคลำต้นแขนไปมาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ พรางทอดถอนใจ ฤๅเวียงเชียงทองนี้ จะถึงคราววิปริตเสียสิ้นแล้ว

..............................

“เจ้าว่าอย่างใด ลูกเราฤๅจักเป็นกาลกิณีต่อเวียงเชียงทอง นครอันสงบสุขแห่งนี้ ตรวจชะตาดูใหม่ อย่าได้บิดเบือนให้เราต้องทุกข์ใจเลย”

“แม่นแล้วกระหม่อม ข้าพระองค์ตรวจดูแม่นแล้ว ดวงชะตาของพระโอรสเป็นลักษณะจัญไร กาลีบ้านกาลีเมือง เติบใหญ่ภายหน้า จักกินบ้านกินเมืองจนเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า สงครามจักบังเกิดบ่เว้นปี ด้วยเหตุนี้จึงมิสมควรให้พระโอรสมีชีวิตอยู่”

สิ้นคำโหรหลวงผู้ทายทัก เสียงพระมเหสีกรีดร้องราวจักขาดใจ

“บ่ได้นะ ทูลกระหม่อม ลูกบ่มีอันใดผิด ฤกษ์พานาทีใยมากำหนดชะตาชีวิตของเด็กผู้บริสุทธิ์ด้วย เราจักเลี้ยงเขาด้วยดี เราจักบำรุงเขาด้วยดี บ่มีทางที่ลูกของเราจักจัญไร กินบ้าน กินเมืองดังคำกล่าวของโหรหลวง”

“กราบทูลพระมเหสี พระโอรสนั้นกำเนิดผิดมนุษย์ พระทนต์ 33 ซี่ เป็นจัญไรโดยแท้ เกิดมาเพื่อกินบ้านกินเมืองเป็นแม่นมั่น บ่ต้องดูฤกษ์ยาม ดูแค่ลักษณะบุรุษที่ปรากฏก็ผิดแผก ยังช่วงเวลาเกิด ท้องฟ้าครึกโครม พายุโหมพัดเมือง แผ่นดินโยกสะเทือน เหมือนวิปริต เช่นนี้แล้ว หม่อมฉันเอาศีรษะเป็นประกันว่า คำทำนายของหม่อมฉัน บ่ผิดเพี้ยนอันใด”

ร่างผู้เป็นแม่ทรุดนั่งลงบนตั่งที่ปูลาดด้วยผ้าปักทองระยับ หากนางเป็นสาวชาวบ้าน นางจักเก็บลูกในอุทรมิให้ใครเห็น แต่นางเป็นถึงมเหสีของกษัตริย์ ขุนผีฟ้า พญาเงี้ยว จึงยากจะทำการใดดังใจหมาย เฝ้าแต่ชะแง้มองพระสวามี อย่างมีความหวัง

พระโอรสประสูติใหม่นอนนิ่งภายในอู่ทอง พี่เลี้ยงกราบกรานไหวโยกให้หลับใหล ยามที่ทารกน้อยฟื้นตื่นยามใด มิว่าเสียงหัวเราะฤๅร้องไห้ พระทนต์ซี่เล็กๆ ที่อวดอยู่ภายในโอษฐ์มากถึง 33 ซี่ ก็ทำให้ผู้คนอดนึกถึงคำทำนายมิได้

“กำจัดเสียเถิดกระหม่อม พระโอรสองค์นี้บ่เป็นคุณต่อพระองค์ หนำซ้ำอาจทำปิตุฆาตในภายหน้า กำจัดเสียแต่เล็กจึ่งปลอดภัย บ่ช้านาน พระมเหสีจักให้กำเนิดโอรสอีกแน่นอนกระหม่อม”

มหาเสนาบดี อำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ ที่นิ่งอยู่นานกล่าวคำออกไปแล้วน้อมศีรษะแทบพื้น แม้หวั่นเกรงอาญาที่สอดแทรก แต่บ้านเมืองย่อมสำคัญกว่า

“บ่ได้นะเพคะ สงสารลูกเถิด หม่อมฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”

พระมเหสีครวญคร่ำหยาดน้ำรินรองนองพระพักตร์ หากแต่ความนิ่งเงียบของพระสวามีที่มิบ่งบอกอารมณ์ ก็ยิ่งทำให้เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักขึ้น บรรดาข้าเลี้ยงกรูเข้ารายรอบปลอบใจ มิช้าเสียงสะอื้นก็หยุดลง แต่หากไม่ใช่ปลงใจ เป็นเพราะสติเลือนลับดับไปเสียแล้ว

“เราบ่อาจตัดใจ ฆ่าลูกเราได้ดอก มีทางใดที่จะบรรเทาเหตุเภทภัยที่จะเกิดขึ้นได้หรือกระมัง”

ขุนผีฟ้ามองดูร่างมเหสีที่เหล่าพี่เลี้ยงประคับประคองนวดเฟ้นให้ฟื้นคืนสติ เวทนาจับใจ

“หากบ่กำจัดให้สิ้น ก็บ่บังควรให้อยู่ในเวียงเชียงทองแห่งนี้”

เหล่าเสนามหาอำมาตย์ มองหน้ากันแล้วพยักพเยิดให้ผู้อาวุโสกว่ากล่าวคำ ในใจพวกเขาหวาดกลัว พระโอรสที่ผิดแผก

“เจ้าหมายถึงให้เราเนรเทศลูกของเราอย่างนั้นรึ”

มิมีคำตอบ จากเหล่ามหาเสนาอำมาตย์ หากแต่ทุกคนรู้ นั่นคือ คำตอบ ขุนผีฟ้า กษัตริย์เวียงเชียงทอง ย่างบาทสู่อู่ทองที่ไกวโยกด้วยพี่เลี้ยง

“เจ้าช่างน่าชังนัก เสียดายที่พ่อบ่ได้เลี้ยงดูเจ้าดุจพ่อที่เลี้ยงดูบุตร วันพรุ่งเจ้าต้องเดินทางออกจากเวียงนี้ สายน้ำล้านช้างแห่งขุนบรมต้นตระกูลเราจะนำทางเจ้าไปให้พบทางสว่าง เจ้าเกิดมาราวฟ้าพิโรธ แต่พ่อจะตั้งชื่อเจ้าว่า ฟ้างุ่ม เพราะพ่อเชื่อว่า ฟ้าบ่ได้พิโรธเจ้าดอก ฟ้าจะปกปักรักษาเจ้าให้ปลอดภัย ให้สมกับที่เจ้าเกิดมาในปีมะโรง งูใหญ่ ผู้มากับสายน้ำจากฟากฟ้า”

.............................

สบคานที่ต้นทองตระหง่านร่มเย็น สายน้ำของไหลรินเอื่อย แพซุงถูกมัดรวมต่อเป็นแนวอย่างเร่งด่วน รุ่งสาง ทารกน้อยจะถูกเนรเทศจากเวียงแห่งนี้ กระท่อมหลังเล็ก ๆ ปลูกสร้างบนแพซุงให้พออาศัย ให้คนทั้ง 45 คนดำรงชีวิตบนสายน้ำได้

ครัวและผ้าผ่อนถูกหอบลงแพ ข้าวปลาอาหารแห้งทยอยลงเก็บไว้....พอกินสักกี่มื้อกันหนอ