ep 3
เชื่อในศรัทธาปู่อิน พวกเราทุกผู้จะปลอดภัย
นั่นเอง ทั้งหมดจึ่งลงแพโดยมิหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“ตาสอน เจ้าเองมีวิชาต่อสู้ และกลยุทธ์การศึก มิน้อยหน้าเสนามหาอำมาตย์ในเวียงเชียงทอง เจ้าสมัครใจร่วมเผชิญชะตากรรมที่เราก็ยังมิรู้ว่า แพนี้จะสิ้นสุดที่ใด ข้าอุ่นใจนักที่ร่วมเดินทางกับเจ้า” ปู่อินยิ้มเย้าสหายรัก
“ปู่อิน เจ้าอย่าลืมซิว่า วิชาโหราศาสตร์ของเจ้านั้น ทำนายแม่นยิ่งกว่าโหรหลวงในวัง เสียดายพวกเรามันสูงวัย แลเป็นข้าเก่าที่เขาไม่ต้องการ อยู่ ก็ต้องเจียมตัว ไปเผชิญกาลข้างหน้า คือวิสัยของเจ้า แล้วเจ้ากับข้า เคยทิ้งกันเสียที่ไหนล่ะ ฮ่า ๆๆๆๆ”
“เจ้าเอิบ เจ้าเองก็ต้องเรียนรู้วิชาการศึก พวกเราทั้งหมดบนแพ จะใช้ชีวิตบนแพนี้ร่ำเรียนวิชาที่เรามีติดตัวกันมา ทุกคนจะรอด และเมื่อรอด เราจักยิ่งใหญ่ในภายหน้า”
ปู่อินมองตาทุกคนที่สบมา แม้นั่งกระจัดกระจาย แต่พลังของสายตานั้น มิได้อ่อนแสงลงเลย จะมีเพียงแต่ สายตาสุดท้ายที่ทอดมองไปยังกระท่อมหลังนั้น.... ข้าเลี้ยงเฝ้าหมอบอยู่กับที่... มินานหรอก ปู่สัญญาว่า จะพาเจ้าสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้
.....................
เกาะแก่งกลางลำของมากคณานับ สายน้ำไหลรี่ลงต่ำแล้วแยกสายราวแส่ที่แตกกระจาย แพซุงเลาะล่องเลียบเกาะใหญ่กลางลำของ กุมารน้อยวิ่งรี่ขึ้นฝั่ง หัวเราะเสียงแจ้ว
“ปู่ ๆ หาดทรายสวยจัง น้ำไหลชะโขดหินพวกนี้ งามพึลึกเลยปู่”
“อย่าเที่ยววิ่งซนนัก บนเกาะกลางน้ำนี้ มิรู้มีสิ่งใดอันตรายหรือไม่”
“โธ่ ปู่จักต้องเกรงใดกัน ตาสอน สอนหลานแล้วจนเชี่ยวยุทธ์แล้ว ทั้งธนูและกริช แม่นแท้”
“เจ้าดูบนยอดไม้นั่นซิ แล้วบอกปู่มาว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนนั้นหรือไม่”
ปู่อินลองภูมิรู้ของหลานชายตัวน้อย
“ข้าเห็นแล้ว”
ไม่ทันที่ปู่อินจะกล่าวคำใด ศรธนูอันว่องไวก็หลุดจากแหล่งพุ่งเข้าเสียบเจ้านกตัวน้อยที่โชคร้ายร่วงลงพื้น ศรคาที่หัวนก มิผิดจากที่สายตาที่ฟ้างุ่มเห็นเลย
“ไยจึงร้อนรน ยิงศรโดยมิตรองก่อน” ตาสอน เอะอะ ขึ้นเมื่อเห็นนกร่วงถลาลงตรงหน้า มิต้องบอก ก็รู้ว่า หลานชายศิษย์ รัก นั้นเป็นผู้ลงมือ
“ตาบอกฟ้างุ่มแล้ว มิใช่ฤๅ ก่อนจักทำการณ์ใด ให้ตรองโดยแท้ ชีวิตคนหรือสัตว์ย่อมมีค่า ตาสอนเจ้าเพื่อป้องกันตัว มิให้ใครมารังแก แล้วนกตัวนี้ ผิดพ้องหมองใจอะไรกับฟ้างุ่ม?”
เสียงเกรี้ยวกราด บ่งบอกความมิพอใจของตาสอน อุ่นคำแลคำม่วน สองผัวเมียพี่เลี้ยงฟ้างุ่ม เยี่ยมหน้าออกมาจากป่าข้างทางแหล่งอาหาร บริวารร่างกายกำยำยั่วยิ้ม มิคิดว่ามีสิ่งใดผิดแปลก
มีเพียงเอิบ และนางหมาก เมียสาวที่กำลังอุ้มท้องแสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่บ้าง เอิบคิดว่า ฟ้างุ่ม ทำตามที่ปู่อินบอก จึงมิควรที่ตาสอนจะโวยวายเอะอะ เขาเดินเขื่องมาหาตาสอน มิได้หมายทำร้าย และเพื่อปกป้องฟ้างุ่ม ยังไม่ทันกล่าวคำ ปู่อินก็กระะแอมขึ้น ราวสั่งให้หยุด
“ข้าขอโทษ ข้าวู่วามไป ปู่อินมิได้ให้ข้ายิงศร แต่เป็นข้าที่อยากอวดฝีมือ และนกตัวนี้ มิผิด มันมิได้กระทำการใดให้ข้าเคืองขุ่น”
“นักรบ จักต้องฟังคำสั่งให้ดี และกษัตริย์ที่ดี จักต้องตรองในสิ่งที่เห็นและสิ่งที่จักกระทำ” ปู่อินกล่าวคำ ยิ้มร่า
“ข้าหาได้พร้อมเป็นทั้งนักรบแลกษัตริย์ เพราะมิฟังคำ แลมิตรองให้ถ้วนถี่”
ฟ้างุ่มยอมจำนน พระองค์ถูกฝึกมาเยี่ยงนี้ ให้คิดทุกย่างก้าว แม้ชีวิตจักไหลมากับสายน้ำ หากแต่สิ่งที่หล่อหลอมมีทั้งปัญญาและสรรพาวุธ วัย 6 ขวบที่รอดชีวิตมาจากคุ้งน้ำของมาหลายคุ้ง ผ่านบ้านเมืองมาก็มิน้อย ทุกวันที่คลุกคลีกับหมู่คนเพียง 44 คน เขาย่อมรู้ในศักดิ์ของตัว แลย่อมรู้ในสิ่งที่กำลังดำเนินไป ทำให้ฟ้างุ่มเติบโตแลมีปัญญามากกว่าเด็กวัยเดียวกัน
“น้าคำลือ จักออกไปล่าสัตว์รึ” ฟ้างุ่มตะโกนถามเมื่อเห็นคำลือแลอุ่นคำหันหลังกลับเข้าป่า พร้อมกับบริวารหลาน ๆ จำนวนหนึ่งที่ยามนี้เป็นรุ่นหนุ่มกันแล้ว
“จักไปด้วยรึ ฟ้างุ่ม”
ฟ้างุ่มส่ายหน้า วิ่งเข้าประจบปู่อิน และตาสอน และวิ่งเล่นบนหาดทรายริมน้ำของนั้น
ปู่อิน มองดู ฟ้างุ่ม มิต่างจากเด็กน้อยผู้ร่าเริง แล้วหวนคิดถึงอดีต หลายปีก่อน แพของเวียงเชียงทองหยุดพักที่นี่ หลังจากร่อนเร่ไหลเอื่อยมาตามลำน้ำของจนถึงลำน้ำสายกว้างเวิ้งว้าง มีเกาะแก่งกระจัดกระจาย ปู่อินจึงให้จอดพักแพที่ดอนใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นดอนที่ปู่อินพาฟ้างุ่มมาพักผ่อนอยู่เดี๋ยวนี้เอง
“ดอนนี้ มีแต่ป่าพง เหตุใด เราจึงมิเคลื่อนเลาะไป อาจเจอเมืองได้”
อุ่นคำ ฉลาดกล่าว ทำเอาบริวารหนุ่มใหญ่ที่คัดท้ายแพ หัวเราะร่วน
“ดอนนี้ เหมาะสมที่จะหยุดพักแพ โดยมิข้องแวะผู้คน หากแต่นางอุ่นคำต้องการเข้าเมือง ข้าก็หาได้ขัดข้องไม่” คำม่วนแย้มยิ้มตามใจนางอุ่นคำ
ปู่อินบอกบริวาร ส่งเสียงเรียกพรรคพวกขึ้นแพ แล้วถ่อออกมาจากดอนกลางลำน้ำของ ชั่วครู่ก็จอดเทียบแพไว้ริมโขงที่มีหาดทรายทอดยาวขึ้นฝั่ง มองเห็นหลังคาบ้านเรือนแทรกอยู่ในดงไม้
