บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“รอยส์ครับ”

“ฉัน…ขวัญชีวาค่ะ” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นใครทว่าขวัญชีวาก็ยังคงแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเหมือนทุกครั้งที่ได้คุยสายกับเขา ทว่าครั้งนี้จุดประสงค์มันต่างออกไปจากครั้งที่ผ่านมา

“ครับ ผมฟังคุณอยู่”

“ฉันตกลงรับข้อเสนอของคุณ”

“โอเค” รอยส์เอ่ยรับอย่างยินดีแต่ก็ไม่ได้แสดงออกผ่านน้ำเสียงจนทำให้ขวัญชีวาจับสังเกตได้

“แต่ฉันมีข้อแม้”

“ว่ามาได้เลย”

“กรุณาเซ็นใบลาออกให้ฉัน”

“ทำไมถึงยังคิดอยากลาออกหรือว่าที่ใหม่จูงใจคุณด้วยเงินเดือนที่สูงขึ้น บอกผมว่าที่นั่นให้คุณเท่าไหร่ผมจะให้มากกว่า”

“เปล่าค่ะ”

“งั้นช่วยบอกเหตุผลของคุณให้ผมฟังหน่อย”

“ฉันอยากลาออกเพราะอยากมีเวลาดูแลลูกชายหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด อีกอย่างคุณให้เงินค่าตัวฉันตั้งมากขนาดนั้นต่อให้ตกงานสักปีสองปีคงไม่เป็นไร” ยิ่งพูดขวัญชีวาก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ไม่ว่ายังไงเธอคงอยู่ทำงานร่วมกับรอยส์ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ

รวมถึงบริษัทใหม่ที่ติดต่อมาคงต้องปฏิเสธไปก่อนเพราะเธอไม่อยากทิ้งกวินท์ให้พักฟื้นตามลำพัง แต่เธอก็ยังมั่นใจว่าจะหางานใหม่ได้แม้จะต้องใช้เวลาสักหน่อย

รอยส์อยากเปลี่ยนเงื่อนไขที่ว่าแต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นสุดท้ายซีอีโอหนุ่มก็ต้องยอมรับ ก่อนจะวกกลับมาคุยเรื่องสำคัญซึ่งเขาระบุว่าจะส่งคนไปรับเธอที่บ้านพร้อมกับนัดแนะเรื่องเวลาและสถานที่ ซึ่งมันคือวันพรุ่งนี้เวลาสองทุ่มที่โรงแรม…

คำตอบเดียวของขวัญชีวาขณะฟังรอยส์หลังจากนั้นมีแค่คำว่า ‘ค่ะ’ เธอพยายามคุมอารมณ์หน่วงจนอยากร้องไห้และโทนเสียงให้เป็นปกติทว่าก็ยากเหลือเกิน

“เจอกันพรุ่งนี้”

“ค่ะ” ขวัญชีวาเอ่ยรับอีกครั้งแล้วกดวางสายไป กว่าจะตัดสินใจได้แบบนี้มันยากเหลือเกิน ในเมื่อการผ่าตัดต้องเกิดขึ้นทันทีและข้อเสนอของรอยส์ก็เข้ามาในจังหวะนั้น แม้เธอจะไม่อยากทำแบบนี้ทว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธเขา ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอและนี่คือทางออกเพียงแค่ทางเดียวที่เธอมีในตอนนี้และเธอก็เต็มใจที่จะเลือกมันเอง

คำตอบรับของขวัญชีวาสร้างรอยยิ้มพึ่งพอใจขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของรอยส์ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ ทั้งๆ ที่พึ่งจะดื่มไวน์ไปเกือบหมดขวดแต่ปริมาณแอลกอฮอล์กลับไม่ได้ทำให้เขาร้อนรุ่มได้เท่ากับปล่อยให้สมองจินตนาการไปถึงค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง

ทันทีที่วางสายจากรอยส์ ขวัญชีวาก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม แม้จะกลับมาบ้านแต่ในใจของเธอนั้นก็ยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล คืนนั้นเธอนอนไม่หลับไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนทุกวัน ยิ่งเป็นวันหยุดก็ยิ่งตื่นเช้ากว่าวันทำงานเสียอีก เธอรีบจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าลูกชาย ชีวิตของขวัญชีวาเวลานี้วนเวียนอยู่ที่ทำงาน โรงพยาบาลและบ้านอยู่แบบนี้ ส่วนงานพิเศษหลังเลิกงานต้องหยุดพักมือไว้ก่อนชั่วคราวเนื่องจากไม่มีเวลาจริงๆ แม้มันจะสร้างรายได้ให้เธอเป็นกอบเป็นกำก็ตาม

เมื่อขวัญชีวามาถึงโรงพยาบาลก็ได้เจอกับคนของรอยส์ที่ชายหนุ่มส่งมาจัดการเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้ลูกชายของเธอ ขวัญชีวาทำตามอีกฝ่ายอย่างไม่อิดออด กระทั่งหมอเจ้าของไข้ของกวินท์เดินเข้ามาคุยด้วย หมอน่านอยากถามเหลือเกินว่าเธอได้เงินค่าผ่าตัดมาจากไหนหรือรับความช่วยเหลือจากใครถึงได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลเอกชนด่วนแบบนี้ ถึงอย่างนั้นหมอหนุ่มก็ไม่อาจถามออกไป

“ขอให้การผ่าตัดของน้องกวินท์ประสบความสำเร็จนะครับคุณเกี๊ยว” เพราะขวัญชีวาเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลมาแรมปีและเขาก็ดูแลกวินท์มาตั้งแต่ต้นทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันพอสมควร

อาจเพราะสนิทกันหัวใจของหมอน่านจึงหวั่นไหวกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเช่นกัน เขาพยายามช่วยเหลือเธอเท่าที่พอจะทำได้แม้บางอย่างก็ต้องวิ่งเต้นมากหน่อย แต่อย่างที่รู้ๆ กัน ระบบการทำงานของโรงพยาบาลรัฐมันเป็นยังไงไหนจะเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ได้ทันสมัย คิวแพทย์เฉพาะทางเก่งๆ ก็ยาวข้ามปี

“ขอบคุณมากนะคะหมอน่าน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านๆ มาด้วย”

“ครับ” หมอหนุ่มเอ่ยรับ แววตาดูเป็นห่วงแต่ก็เชื่อว่าขวัญชีวาและลูกชายจะผ่านไปได้ “เอ่อ…ถ้าผมจะขอไปเยี่ยมน้องกวินท์บ้าง”

“ค่ะ” ขวัญชีวาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธไม่ให้หมอน่านไปเยี่ยมลูกชาย คำตอบรับของเธอสร้างรอยยิ้มให้หมอหนุ่ม หัวใจที่เคยเต้นแรงขณะอยู่กับเธอก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้น อาการแบบนี้เขาไม่ได้เป็นมานานแล้วเพราะวันๆ ทำแต่งานแล้วก็งานจนแทบไม่มีเวลาสนใจเพศตรงข้ามกระทั่งได้เจอกับขวัญชีวา

จังหวะที่หมอน่านกำลังจะสารภาพความในใจจู่ๆ ก็ถูกเรียกตัวด่วนเพราะมีเคสเข้ามาทำให้ทั้งคู่จบบทสนทนากันเพียงแค่นั้น ขวัญชีวาจึงเดินทางไปยังโรงพยาบาลใหม่ของลูกชาย ทุกอย่างดูแตกต่างจากโรงพยาบาลเก่าอย่างเห็นได้ชัด

กำหนดเดิมเพราะจากการตรวจร่างกายของกวินท์อย่างละเอียดผลที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ในขณะที่คนของรอยส์ก็ปลีกตัวไปรายงานให้เจ้านายหนุ่มทราบเช่นกัน

หลังจากคุยกับหมอเสร็จขวัญชีวาก็รีบรุดไปยังห้องพักฟื้นของลูกชาย ซึ่งขณะนั้นเด็กชายตัวน้อยที่จิตใจแข็งแกร่งเพราะต่อสู้กับอาการป่วยมาตลอดกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงของห้องพักแบบวีไอพีที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนเฝ้ารวมไปถึงคนเยี่ยมเช่นกัน

“แม่เกี๊ยวครับ”

“ครับลูก” ขวัญชีวาส่งยิ้มให้ลูกชายแล้วเดินตรงเข้าไปหา สุขภาพของกวินท์เวลานี้ดีขึ้นกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนมากรวมไปถึงสุขภาพจิตก็พร้อมจะรับการผ่าตัดใหญ่เช่นกัน

ตั้งแต่วันแรกๆ ที่รู้ว่ากวินท์ป่วย ขวัญชีวาก็เลือกที่จะบอกลูกชายอย่างตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษา เพราะอยากให้กวินท์รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและจะได้สู้ไปพร้อมกัน แต่ก้าวแรกมันย่อมยากเสมอ

“หมอที่นี่ใจดีไหมครับ”

“ใจดีครับ ใจดีมากๆ ด้วย”

“ผมจะหายใช่ไหม”

“หายครับแต่กวินท์ก็ต้องสู้ไปพร้อมกับคุณหมอแล้วก็แม่ด้วยนะลูก” ขวัญชีวาส่งพลังบวกให้ลูกชาย นั่นเพราะการผ่าตัดคือสิ่งที่ทั้งคู่รอคอยมาตลอด

“ครับ”

“อีดนิดก็จะหายดีแล้ว แม่รักลูกนะกวินท์”

“ลูกก็รักแม่เกี๊ยว” เด็กชายส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่ ในขณะที่ขวัญชีวาก็ส่งยิ้มอบอุ่นกลับมาให้พร้อมดึงลูกชายเข้ามากอด แม้ลึกๆ จะหวั่นใจกับการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้นทว่าเธอก็เลือกที่เชื่อหมอและเชื่อในปาฏิหาริย์ว่ามันต้องเกิดขึ้น

หลังจากส่งลูกเข้านอนเสร็จขวัญชีวาก็กลับออกไป เธอมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านด้วยความรู้สึกประหม่าเนื่องจากคืนนี้เธอมีนัดสำคัญกับ…รอยส์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel