พรหมจรรย์ดอกหญ้า

36.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
22
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขารักแรกพบพระเอกเก่งเลือดร้อนบอสซึนเดเระ

บทที่ 1

“ยื้อมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะครับคุณเกี๊ยว ถ้าเลื่อนการผ่าตัดออกไปอีก คราวนี้หมอว่าจะยิ่งอันตราย ดีไม่ดีโอกาสที่จะผ่าตัดสำเร็จแทบจะไม่มี”

นั่นคือประโยคที่ทำให้ขวัญชีวาแทบหยุดหายใจ เธอพยายามตั้งสติแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องคุณหมอหลังจากคุยเรื่องอาการป่วยเสร็จ เวลานี้ทุกอย่างมันหนักอึ้งมองไปทางไหนก็ยังไร้ซึ่งทางออก ขวัญชีวาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้สุดพร้อมกับบีบมือทั้งสองข้างจนเลือดแทบไหลผ่านไม่ได้

เธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกชาววัยเจ็ดขวบมาตามลำพัง ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ก้าวผ่านมาได้โดยมีรอยยิ้มจากเด็กชายเยียวยา กระทั่งเมื่อปีก่อนจู่ๆ เธอก็พบความผิดปกติของกวินท์จึงรีบพามาตรวจร่างกาย ก่อนจะได้รับข่าวร้ายว่าลูกชายเธอมีเนื้องอกในสมอง

มีหลายปัจจัยที่การผ่าตัดไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทันทีที่ตรวจพบ ทั้งเรื่องอายุ เรื่องสุขภาพ เรื่องจุดที่เนื้องอกฝังตัวอยู่รวมไปถึงเรื่องเงินค่ารักษา ทุกๆ อย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปแต่ยิ่งนานวันค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย เพราะตั้งแต่รู้ว่าป่วยกวินท์ก็เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น

นั่นทำให้ขวัญชีวาทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอตเช่นเดียวกัน จันทร์ถึงศุกร์เธอทำงานที่บริษัทนอกเวลางานก็ยังไปขายของเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุดพักผ่อน ชีวิตของเธอทุ่มเทให้ลูกและงานเพื่อหาเงินจนแทบไม่มีเวลาให้ตัวเอง กระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนั่นช่วยดึงสติของ ขวัญชีวาให้กลับมา

“สวัสดีค่ะ” เมื่อกดรับสายขวัญชีวาก็เอ่ยทักออกไป

“สวัสดีค่ะคุณขวัญชีวา ดิฉันเจ้าหน้าที่รีคูสจากบริษัท…ค่ะ” ปลายสายแนะนำตัวซึ่งขวัญชีวารู้จักบริษัทแห่งนี้ เพราะเป็นบริษัทตัวกลางจัดหาพนักงานที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศก็ว่าได้

“ค่ะ”

“คุณขวัญชีวาพอจะมีเวลาสักครึ่งชั่วโมงไหมคะ ดิฉันอยากแนะนำตัวแล้วก็แนะนำบริษัทที่สนใจอยากดึงตัวคุณขวัญชีวาไปร่วมงานด้วยนะคะ”

“สะดวกค่ะ” ขวัญชีวาเอ่ยรับทันทีนั่นเพราะการเปลี่ยนงานจะทำให้ได้รับเงินเดือนมากขึ้นตามไปด้วย แม้จะมีความเสี่ยงก็ตามทีแต่เธอก็อยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง

“นี่อะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่รอยส์จะเงยหน้ามองคนตรงหน้า เธอคือขวัญชีวาหัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจซึ่งสายงานนั้นขึ้นตรงกับเขาเพียงคนเดียวเพราะแบบนั้นซีอีโอหนุ่มจึงมีหน้าที่เซ็นเอกสารทุกอย่างรวมถึงใบลาออกที่กำลังอยู่ในมือขณะนี้ด้วย

“ใบลาออกค่ะ”

“ทำไมถึงอยากลาออก ทั้งๆ ที่คุณก็อยู่ในแผนโปรโมตเลื่อนตำแหน่งหรือที่ใหม่ซื้อตัวคุณไป” สีหน้าของรอยส์บ่งบอกว่ากังวลเล็กน้อยนั่นเพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ขวัญชีวาจะลาออก เขาจึงต้องพูดเรื่องเลื่อนตำแหน่งของเธอทั้งๆ ที่ยังต้องเก็บเป็นความลับเพราะยังไม่เรียบร้อย

“เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากทำงานที่ได้ประสบการณ์มากกว่านี้” ขวัญชีวาไม่อาจบอกเหตุผลแท้จริงได้ว่าเธอเปลี่ยนงานเพราะได้เงินเดือนมากกว่าปัจจุบันเท่าตัวรวมไปถึงสวัสดิการพิเศษที่สามารถเบิกค่ารักษาคนในครอบครัวได้

แม้จะไม่มากแต่มันก็ช่วยแบ่งเบาภาระของเธอได้ส่วนหนึ่ง หรือจะต้องแลกกับงานที่หนักรวมถึงบางครั้งยังต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศก็ตาม นั่นเพราะสิ่งสำคัญที่เธอต้องการเวลานี้คือเงิน เงินที่สามารถยื้อลมหายใจของลูกชายให้อยู่กับเธอ

“อยู่ที่นี่คุณก็ได้ประสบการณ์ ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณพึ่งคิดโปรเจกต์ใหม่ จู่ๆ จะทิ้งไปกลางคันแบบนี้ใครจะสานต่อ” รอยส์พยายามรั้งขวัญชีวาไว้ นั่นเพราะถ้าขาดหัวใจสำคัญอย่างเธอไปจริงๆ โปรเจกต์ที่เธอเป็นคนริเริ่มคงได้ล่มไม่เป็นท่าแน่

เพราะเขาตั้งใจเปิดโอกาสให้เธอได้งัดศักยภาพในตัวออกมาโชว์นั่นก็เพื่อตำแหน่งงานที่สูงขึ้น ซึ่งเขารู้และมั่นใจด้วยว่าเธอทำได้แน่

“ค่ะ ฉันขอโทษจริงๆ” แม้จะรู้ว่าเธอกำลังเสียโอกาสทว่าเวลานี้ขวัญชีวาพร้อมจะเสีย

“ผมอยากให้คุณกลับไปคิดทบทวนอีกสักครั้ง”

“ฉันคิดแล้วก็ทบทวนมาเป็นอย่างดีแล้วค่ะ”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เอาเป็นว่าผมจะยังไม่เซ็นใบลาออก วันจันทร์เราค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง” คำพูดของซีอีโอหนุ่มทำให้ขวัญชีวานิ่งงันไปนั่นเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะเซ็นใบลาออกให้เธอโดยง่ายเสียอีก แต่เขากลับยื้อเธอไว้ซึ่งจะด้วยเหตุผลอะไรขวัญชีวาก็ไม่อาจเดาได้

เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง รอยส์ที่แกล้งทำงานเพื่อให้ขวัญชีวาออกไปก็ถึงกับวางปากกาในมือทันที หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันสีหน้าบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดีว่าซีอีโอหนุ่มค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องนี้ เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อดึงขวัญชีวาให้มาทำงานข้างตัว

สนับสนุนและผลักดันกระทั่งเธอฉายแววจนได้เลื่อนตำแหน่งและอย่างที่เขาบอกเธอไปว่าอีกไม่นาน ขวัญชีวาจะได้รับการโปรโมตให้นั่งในตำแหน่งที่สูงกว่าปัจจุบัน แต่แล้วทำไมเธอถึงต้องลาออกหนำซ้ำไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวยังไงเธอก็เหมือนจะไม่เปลี่ยนใจ

“เบาๆ เดี๋ยวเมา” เสียงห้ามดังมาจากธยศเพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปี ธยศเป็นเจ้าของโรงแรมระดับไฮเอนที่ภาคใต้รวมถึงต่างประเทศอีกด้วย

“แค่เหล้า ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” รอยส์ยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะวาดปลายนิ้ววนไปมาบนปากแก้ว ในขณะที่สมองคิดถึงแต่ขวัญชีวา

“เครียดเรื่องอะไร ตั้งแต่มาถึงก็เห็นดื่มเอาๆ”

“ลูกน้องจะลาออก”

“กี่คน”

“คนเดียว”

“ผู้หญิงผู้ชาย” ธยศเอ่ยถามต่อนั่นเพราะอยากรู้ต้นตอที่ทำให้รอยส์อารมณ์ไม่ดีอย่างที่เป็นอยู่

“ผู้หญิง”

“โสด สวย”

“ไม่โสดเพราะเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ถามว่าสวยไหมก็…สวย” สำหรับนิยามความสวยผู้ชายที่มองผู้หญิงอาจไม่เหมือนกัน แต่ทว่าในความคิดของเขานั้นขวัญชีวาสวย สวยทั้งรูปร่างหน้าตารวมไปถึงความคิด ที่สำคัญคือเธอทำงานเก่งชนิดหาตัวจับยากจึงไม่แปลกหากจะมีบริษัทไหนสักที่ซื้อตัวเธอไปให้ทำงานด้วย

และด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้เขาสนใจเธอ เขาไม่เคยรู้สึกตกหลุมรักใครมานานแล้ว ชีวิตหนุ่มโสดตอนนี้ทุกอย่างก็ลงตัวดีกระทั่งได้เจอเธอคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจ ที่เขารู้ว่าเธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะในใบสมัครงานเธอระบุไว้แบบนั้นรวมทั้งงานเลี้ยงบริษัทเมื่อปีก่อนเธอก็ยังได้พาลูกชายวัยน่ารักมาร่วมด้วย