บทที่ 3
“คุณรอยส์” สีหน้าของขวัญชีวาบ่งบอกว่าเธอทั้งตกใจและแปลกใจที่เห็นเจ้านายหนุ่มที่นี่
“ลูกชายคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยแล้วค่ะ โชคดีที่คราวนี้หมอพาแกกลับมาได้”
“แต่ถ้าไม่ผ่าตัดก็คงไม่โชคดีแบบนี้ทุกครั้ง” คำพูดของรอยส์ทำให้ขวัญชีวาไม่พอใจแต่ก็ต้องเก็บเหล่านั้นอารมณ์ไว้
“ขอบคุณนะคะที่แวะมา แต่ถ้าไม่เป็นการรบกวน ฉันอยากอยู่คนเดียว” ขวัญชีวาไล่เจ้านายหนุ่มกลายๆ แต่ดูเหมือนรอยส์จะตีมึนต่อคำพูดของเธอ
เขาสอบถามอาการป่วยของลูกชายเธอมาคร่าวๆ แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอที่ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ของเธอได้หลายๆ อย่าง
“ผมมีบางอย่างจะเสนอ”
“อะไรคะ”
“คุยกันตรงนี้เลยเหรอ ไปหาที่เงียบๆ เป็นส่วนตัวหน่อยดีไหม” รอยส์หันมองรอบๆ ตัว เพราะดูจากสถานที่แล้วมันไม่ค่อยสะดวกที่จะคุยเรื่องสำคัญเสียเท่าไหร่
“ฉันสะดวกตรงนี้”
“โอเค ตรงนี้ก็ตรงนี้” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อย คงต้องตัดเรื่องความเหมาะสมของสถานที่ออกไปก่อนชั่วคราว เขาเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ กับขวัญชีวา
“ผมจะเร่งการผ่าตัดลูกชายคุณให้เร็วขึ้น รวมถึงย้ายโรงพยาบาลด้วยเพราะที่นี่เครื่องไม้เครื่องมือเฉพาะทางคงไม่ทันสมัยเท่าโรงพยาบาลครอบครัวผม อีกอย่างที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องเกี่ยวกับผ่าตัดทางสมองเป็นพิเศษ คุณก็น่าจะรู้ดีว่ายิ่งมีปัจจัยดีๆ หลายๆ อย่างการผ่าตัดที่ซับซ้อนเกี่ยวกับสมองก็ยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากตามไปด้วย”
“ข้อแลกเปลี่ยนละคะ” ขวัญชีวาเอ่ยแทรกขึ้น เธอถามอย่างตรงไปตรงมานั่นเพราะข้อเสนอดีๆ แบบนี้รอยส์คงไม่ให้เธอฟรีๆ แน่นอน ดีไม่ดีเขาอาจขอให้เธออยู่ทำงานด้วยไปจนแก่ตาย
“คุณนี่ ทำไมถึงรีบถามทั้งๆ ที่ผมยังพูดไม่จบ”
“ก็คุณเสนอให้ฉันมากขนาดนั้นมันย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนไม่ใช่เหรอ ว่าไงคะข้อแลกเปลี่ยนของคุณคืออะไร”
“นอนกับผม”
“อะไรนะ!” ขวัญชีวาอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินข้อแลกเปลี่ยนจากอีกฝ่าย สิ่งนี้มันไม่ได้อยู่ในหัวเธอด้วยซ้ำ
“แค่คืนเดียวปัญหาที่คุณเจออยู่ตอนนี้ผมจะปลดล็อคให้ทุกอย่าง อ้อ…รวมถึงเงินจำนวนเจ็ดหลักจะถูกโอนเข้าบัญชีคุณอีกด้วย” รอยส์พูดเหมือนทุกอย่างแค่เรื่องปกติง่ายๆ สบายๆ สำหรับเขา ทว่ามันกลับหนักอึ้งในหัวใจของขวัญชีวา
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้” แววตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังนั่นเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดทุกอย่างได้อย่างไม่รู้สึกละอายใจเลย เขาพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
“ผมก็ไม่ได้บอกนี่ว่าเป็นคนดี อีกอย่างผมเป็นนักธุรกิจถ้าทำอะไรแล้วขาดทุนผมจะเสียเวลาทำไปทำไม” ยิ่งได้ยินคำเปรียบเทียบที่ออกมาจากปากของรอยส์ ขวัญชีวาก็ยิ่งพูดไม่ออก
ใช่…เขาเป็นนักธุรกิจที่ทำอะไรแล้วต้องหวังกำไร
แต่…ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมสถานการณ์ของเธอถึงได้เลวร้ายลงเรื่อยๆ เช่นนี้ ทำไมต้องได้ยินข้อเสนอแบบนี้ด้วย ทำไมกัน
“คุณไม่กลัวฉันเอาเรื่องนี้ไปแบล็คเมล์เลยหรือคะ”
“ไม่นี่หรือถ้าคุณต้องการทำแบบนั้นก็ตามสบายเพราะคนแบบผมจัดการคุณก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายได้แน่นอน” รอยส์ชิงพูดออกไปก่อนราวกับชายหนุ่มเข้ามานั่งอยู่ในความคิดของขวัญชีวา
“ฉันต้องให้คำตอบคุณเมื่อไหร่” แม้จะอยากปฏิเสธเสียเดี๋ยวนี้แต่ชีวิตลูกชายคนเดียวของเธอคือประตูเหล็กที่สามารถปิดกั้นคำพูดเหล่านั้นของเธอได้
“ผมรู้ว่าคุณมีเวลาในใจอยู่แล้ว เอาเป็นว่าผมจะกลับไปรอฟังคำตอบจากคุณ” เอ่ยจบรอยส์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที ขณะที่ขวัญชีวายังคงอึ้งและพูดอะไรไม่ออกอีกเลย สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้นอกจากลมหายใจเบาๆ แล้วก็คือน้ำตา
แม้กำลังร้องไห้แต่สมองกลับคิดถึงข้อเสนอของเจ้านายหนุ่ม นอนกับเขาแค่คืนเดียวแต่ช่วยชีวิตลูกชายได้ ลูกที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ ลูกที่เธอสัญญาไว้ว่าต่อให้ลำบากแค่ไหนก็จะเลี้ยงแกให้ดี เพราะถ้ากวินท์เป็นอะไรไปทั้งๆ ที่เธอมีโอกาสหาเงินมารักษาได้ นั่นคงเป็นตราบาปที่ทำให้เธอรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต
แม้จะคิดแบบนั้นทว่าขวัญชีวาก็อดไม่ได้ที่จะสมเพชและสงสารตัวเองจนน้ำตาเอ่ออีกครั้ง
รอยส์กลับมารอรับสายโทรศัพท์ของขวัญชีวาที่บ้าน ชายหนุ่มปรับอารมณ์ที่ค่อนข้างกระวนกระวายด้วยการจิบไวน์นำเข้ารสเลิสไปด้วยขณะที่สายตามองตรงมาที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ยังคงไม่ได้รับการติดต่อจากขวัญชีวาแต่อย่างใด
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ปริมาณไวน์ในขวดก็เหมือนจะหายไปเรื่อยๆ รอยส์มองหน้าจอโทรศัพท์สลับกับนาฬิกาบนข้อมือที่เวลาตอนนี้เกือบสี่ทุ่ม
“หรือให้ข้อเสนอเธอน้อยเกินไป” เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆ นี่คือครั้งแรกที่เขายื่นข้อเสนอทั้งเงินทั้งออฟชั่นอื่นให้ผู้หญิงเพียงเพราะต้องการให้เธอนอนด้วยแค่คืนเดียว หนำซ้ำยังเป็นผู้หญิงที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วและตอนนี้อยู่ในสถานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
แต่ให้ทำยังไงในเมื่อเขาชอบเธอ ชอบตั้งแต่แรกเห็นด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่พยายามหยุดความคิดพวกนั้นทว่าความรู้สึกชอบกลับไม่เคยน้อยลง เขาชอบในความเก่งและความแกร่งของเธอ เขารู้ว่าเธอทำงานหนักเพื่อลูกชายแต่ก็ยังฉวยโอกาสเอาข้ออ้างเหล่านั้นมาตะล่อมให้เธอรับข้อเสนอที่เขาได้ผลประโยชน์
เขามั่นใจว่าต้องมีบริษัทบางแห่งซื้อตัวขวัญชีวาไปแน่นอน ยิ่งเธอร้อนเงินแบบนี้ด้วยแล้วการตกลงก็ยิ่งง่ายเพราะแบบนั้นเธอจึงลาออกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ในเมื่อ ขวัญชีวาจะไปจริงๆ ทางเดียวที่จะรั้งไม่ให้เธอไปคือเขาต้องเอาตัวเข้าแลกแล้วทำทุกอย่างเพื่อให้เธอตกเป็นทาสสวาท
ซีอีโอหนุ่มยิ้มกริ่มกับแผนบ้าๆ ของตัวเองที่จู่ๆ มันก็ผุดเข้ามาในหัวตอนกำลังเครียดแล้วที่บ้าไปกว่านั้นคือเขาดันหยิบเอาแผนที่ว่ามาใช้กับขวัญชีวาจริงๆ และก่อนที่สมองของรอยส์จะฟุ้งซ่านไปไกลคนที่ชายหนุ่มกำลังรอสายก็โทรเข้ามาพอดี
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า” รอยส์ตั้งใจยื้อเวลาเพราะไม่อยากรีบรับสายแล้วทำให้ขวัญชีวาเข้าใจผิดว่าเขานั้นกำลังรอเธออย่างใจจดใจจ่อ เขาทำแบบนั้นกระทั่งสายเกือบตัดจึงกดรับสายด้วยเสียงทุ้มต่ำทว่าน่าฟัง
