บทที่ 5
“คุณตาอยากไปพักผ่อนที่ไหนหรือเปล่าครับ”
“อยากไปค่ะ แต่ฉันกำลังรอแค่โอกาส ฉันอยากไปพักผ่อนไกลๆ ไปจุดที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตเลยก็ได้ อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติ”
“ถ้าโอกาสที่คุณตารอมาถึงเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกผม”
“ค่ะ”
“ผมเห็นว่าหนึ่งปีที่เราต้องแต่งงานกัน คุณตาแทบไม่ได้ทำอะไรตามแบบที่รักเลย อย่าทิ้งความสุขของตัวเองนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ชนิตาเอ่ยขอบคุณอธิศจากใจจริง ชายหนุ่มคือผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่ง เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายของเธอในเวลาเดียวกัน สักวันเขาจะได้เจอคนที่ใช่และสร้างครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขมากกว่านี้อย่างแน่นอน
อธิศเป็นคนบอกทั้งสองครอบครัว ว่าเขากับชนิตานั้นไปหาหมอเฉพาะทางเพื่อปรึกษาเรื่องการตั้งครรภ์มาแล้ว แต่ก็ไม่วายถูกถามถูกดันในทุกๆ ครั้งที่รวมตัวกัน เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็มักจะเปลี่ยนบรรยากาศจากสนุกสนานเป็นความอึกอัก โดยเฉพาะทางครอบครัวของอธิศที่เข้ามากดดันชนิตามากขึ้น และลามไปถึงพ่อและแม่ของเธอด้วย
“ก่อนแต่งงานหนูตาได้ไปตรวจสุขภาพหรือเปล่าคะคุณศจี”
“ไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ลูกตาสุขภาพแข็งแรงดี”
“แล้วทำไมป่านนี้ถึงยังไม่ท้องล่ะคะ ฉันรอจนขี้เกียจจะรอแล้วนะ” มยุรานั่งหน้าเครียด นอกจากอยากเห็นหน้าหลานคนแรกแล้ว เหลนคนแรกของตระกูลก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะจะได้ทำให้คุณทวดชื่นใจและมอบมรดกที่ยังไม่ยอมยกให้ใครมาเสียที ดีกว่าไปยกให้เหลนที่ไม่ใช่สายตรง
“ดิฉันว่าใจเย็นๆ กันก่อน ปล่อยให้ทุกอย่างมันค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะคะคุณยุ” ศจีที่ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางออกตัวแทนบุตรสาว เพราะเธอเองก็ไม่อยากไปเร่งรัดไปมากกว่านี้ เกรงจะกระทบต่อสุขภาพของชนิตา
“ถ้าอีกสองสามเดือนนี้หนูตายังไม่ท้อง ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง”
“คุณยุจะทำอะไรหรือคะ”
“เดี๋ยวก็รู้ค่ะ” มยุรานั้นมีแผนการบางอย่างไว้ในหัวอยู่แล้ว ในเมื่อภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายมีลูกไม่ได้ เธอก็คงต้องส่งผู้หญิงสักคนไปให้อธิศ
ความสัมพันธ์ของอธิศและชนิตานั้นยังคงเหมือนเดิม ทั้งคู่ต่างห่วงใยกันแบบเพื่อนที่ดีต่อกัน ในขณะที่พรฟ้าที่รู้ใจตัวเองดีก็คอยเอาแต่หลบหน้าหลบตาอธิศ นั่นเพราะกลัวหากเจอชายหนุ่มเขาจะรู้ความในใจเข้า ขืนเป็นแบบนั้นต้องไม่ดีต่อเธอแน่
“เบล”
“ค่ะ...คุณอธิศ”
“จะไปมหาวิทยาลัยเหรอ”
“ค่ะ” พรฟ้าที่เวลานี้อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยรับด้วยความเกรงใจ ก่อนจะถอยหลังไปยืนห่างอธิศอีกหลายก้าว
“ไปด้วยกันสิ ฉันผ่านทางนั้นพอดี”
“เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ คือ...เบลไปรถเมล์เหมือนทุกวันสะดวกกว่า”
“ไปด้วยกันนี่แหละ ฝนตั้งเค้ามานู่นแล้ว เดี๋ยวก็เปียกก่อนถึงป้ายรถเมล์พอดี” อธิศมองออกไปนอกบ้าน ที่เวลานี้ฝนตั้งเค้ามาแล้ว และคงตกหนักแน่นอน
“เบลติดร่มไปแล้วค่ะ” คำพูดแย้งของพรฟ้าทำให้อธิศถึงกับส่ายหน้า เห็นเรียบร้อยๆ แบบนี้ แต่บทจะดื้อก็ดื้อไม่ฟังคำพูดเขาเหมือนกัน
“ไปกับคุณอธิศเถอะจ้ะเบล” เสียงของชนิตาดังขึ้นจากด้านหลัง เพราะคิดว่าทั้งคู่ไปด้วยกันก็ไม่ได้เสียหายอะไร และเมื่อได้ยินแบบนั้นพรฟ้าก็รับคำทันที
“ค่ะ”
“อะไรกัน ผมพูดตั้งนานเบลก็ตอบไม่ไปท่าเดียว พอคุณตาพูดประโยคเดียว ยอมซะงั้น” อธิศถึงกับหัวเราะออกมา เพราะดูท่าแล้วคนที่บอกหรือสั่งพรฟ้าได้คงมีเพียงชนิตาสินะ
“ก็เบลเป็นน้องสาวฉันนี่ค่ะ ใช่ไหมเบล” ชนิตาส่งยิ้มให้พรฟ้า ซึ่งเธอก็ยิ้มแล้วเอ่ยรับทันที
“ค่ะคุณตา” รอยยิ้มของพรฟ้าตกอยู่ในสายตาของอธิศ นั่นเพราะนานๆ ครั้งกว่าที่เขาจะเห็นเธอยิ้ม มันทำให้ใบหน้าของเธอสดใสขึ้นมาก ยิ้มแล้วน่ารักแบบนี้ไม่รู้จะหวงยิ้มไปทำไม
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ เย็นจะกลับมากินข้าวด้วย”
“ค่ะ” ชนิตาเอ่ยรับ
“เบลไปก่อนนะคะคุณตา”
“จ้ะ” เสียงอบอุ่นของชนิตาเอ่ยรับพรฟ้าขึ้นเช่นกัน ก่อนจะยืนมองทั้งคู่เดินไปยังรถด้วยกัน พรฟ้าดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะนี่คือการนั่งรถไปกับอธิศตามลำพังครั้งแรก แต่ทำไมชนิตาถึงรู้สึกว่าทั้งสองคนมีอะไรที่คล้ายกัน ท่วงท่าการเดิน รอยยิ้มหรือแม้แต่ของโปรดก็ยังเหมือนกันอย่างบังเอิญ
นั่นทำให้ชนิตานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา บ่อยครั้งที่เธอมองเห็นว่าพรฟ้านั้นนั่งมองอธิศอยู่ไม่มุมใดก็มุมหนึ่งของบ้าน แม้จะไม่ค่อยเอ่ยถึงแต่พรฟ้าก็มักจะรู้ว่าอธิศชอบหรือไม่ชอบอะไร ทุกครั้งที่อธิศหาของไม่พบแต่พรฟ้ามักจะพาพบเสมอ
เธอแทบไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะเธออาจไม่ได้ใส่ใจอธิศมากเท่าที่ควร เหตุผลที่ไม่ได้ใส่ใจเพราะไม่ได้รู้สึกรักเขา และที่พรฟ้าเป็นแบบนั้นเพราะ...
รัก...อธิศอย่างนั้นเหรอ
หากทั้งคู่เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน ก็ขอให้พวกเขาเปิดใจและตกหลุมรักกัน ขอให้พรในวันเกิดของเธอปีนี้เป็นจริงด้วยเถอะ
ตลอดเวลาที่นั่งรถไปด้วยกันนั้น พรฟ้ายิ่งทำตัวไม่ถูก เธอนั่งตัวลีบติดกับประตู แทบจะไม่หายใจก็ว่าได้ เพราะกลัวแม้กระทั่งลมหายใจของเธอจะไปรบกวนอธิศเข้า ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังคงขับรถสลับคุยงานไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงมหาวิทยาลัยที่พรฟ้าเรียนอยู่
“คุณอธิศจอดส่งเบลที่หน้ามหาลัยก็ได้นะคะ”
“แต่ฝนตกหนักแบบนี้ ฉันไปส่งเธอหน้าตึกเรียนน่าจะดีกว่า” อธิศปฏิเสธที่จะส่งพรฟ้าที่หน้ามหาวิทยาลัยตามที่เธอขอเช่นกัน
“แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่พรฟ้าจะได้เอ่ยจบประโยค เสียงของอธิศก็ดังแทรกขึ้น
“ทีกับฉันทำไมเธอถึงได้ดื้อจนน่าตีนัก...หืม”
“เปล่าดื้อค่ะ เบลแค่เกรงใจ” พรฟ้ารีบแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ดูเหมือนอธิศเลือกที่จะไม่ฟัง
“เธอเรียนตึกไหน” อธิศไม่ตอบแต่กลับถามถึงตึกเรียนของพรฟ้าแทน และเมื่อตกอยู่ในสภาวะจำยอม สุดท้ายพรฟ้าก็จำต้องบอกว่าเธอนั้นเรียนที่ตึกไหน
“ข้างหลังค่ะ ขับรถตรงไปแล้วเลี้ยวขวาตรงแยก”
“โอเค...มหาลัยที่นี่ก็กว้างเหมือนกันนะ”
“ค่ะ...กว้างจนเบลที่เรียนมาเกือบสี่ปีก็เดินไม่ทั่วเหมือนกัน” คำพูดติดตลกของพรฟ้าทำให้อธิศยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว
“ปีนี้เธอเรียนจบแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ถ้าอยากไปทำงานที่บริษัทก็บอก ฉันจะหาตำแหน่งงานที่เหมาะให้”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่ให้เบลติดรถมาวันนี้ด้วย” พรฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณ แต่เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ไปทำงานที่บริษัทของอธิศอย่างเด็ดขาด เพราะไม่อยากอยู่ใกล้เขาทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ขืนเป็นแบบนั้นมันคงไม่ดีต่อการเต้นของหัวใจเธอแน่นอน อยู่ห่างๆ แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้...
น่าจะดีกว่า
