พรหมจรรย์คั่นเวลา

32.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
20
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะต้องการเป็นอิสระจากสถานะสามีภรรยาจัดฉาก ชนิตาจึงหยิบยื่นภรรยาที่คู่ควรให้แก่อธิศ และนั่นทำให้พรฟ้าขยับสถานะขึ้นมาเป็นภรรยา พรหมจรรย์ของเธอมีค่าแค่ไหน เป็นเพียงแค่เยื่อบางๆ ไร้ค่าแค่คั่นเวลาเท่านั้นหรือเป็นตัวจริงกันแน่นะ?

นิยายรักประธานแต่งงานสายฟ้าแลบสัญญาทางรักแต่งงานแทนเลือดร้อน

บทที่ 1

‘แต่งงานกันมาก็จะครบปีแล้ว เมื่อไหร่หนูตาจะท้องเสียทีละลูก’

นั่นคือประโยคคำถามที่ชนิตาและอธิศมักจะได้ยินจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเสมอ และเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ที่คนทั้งคู่แต่งงานกันด้วยซ้ำ คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการรวมตัวทานอาหารของทั้งสองครอบครัว ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ เดือนหรือไม่ครอบครัวฝ่ายอธิศก็เอ่ยถามคำถามแบบนี้กับสะใภ้อย่างชนิตาอยู่เนืองๆ

เหตุผลที่เป็นแบบนั้นเพราะพวกเขาต่างคาดหวังให้ชนิตาตั้งท้องเสียที และที่คาดหวังมากกว่าการตั้งท้องคือขอให้หลานคนแรกเป็นผู้ชายด้วย มรดกจากคุณทวดที่ยังไม่ได้แบ่งให้ใครก็จะได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งอธิศและชนิตาได้แต่ส่งยิ้มแห้งให้กันและกัน เพราะพวกเขานั้นต่างรู้ถึงสาเหตุว่าเพราะอะไรตอนนนี้ชนิตาถึงยังไม่ท้อง

ก่อนที่อธิศจะเป็นฝ่ายตอบเหมือนทุกครั้งว่าเขาไม่อยากเร่งรัด ปล่อยให้เรื่องการตั้งท้องเป็นไปตามธรรมชาติ แต่หากหนึ่งหรือสองปีหลังจากนี้ชนิตายังไม่ท้องก็คงไปปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางอย่างจริงจัง เมื่อการสนทนาเรื่องสำคัญจบลง การทานอาหารจึงเริ่มต้นขึ้น แต่คนที่ดูจะอัดอัดกับเรื่องนี้อย่างชนิตากลับกินอะไรไม่ค่อยลง ถึงอย่างนั้นก็ต้องฝืนกินและฝืนยิ้ม เพื่อบอกทุกคนว่าเธอมีความสุขดี ชนิตาอดที่จะหวนกลับไปคิดถึงจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เธอมานั่งอยู่ตรงนี้ในฐานะภรรยาของอธิศ

“ตาต้องแต่งงานหรือคะ”

“ใช่...พ่อกับแม่หาผู้ชายที่เหมาะสมกับลูกไว้แล้ว”

“แต่ตายังไม่อยากแต่ง”

“ต้องแต่ง” นั่นคือคำประกาศิตจากปากของผู้เป็นพ่อ ที่ทำให้ชนิตาในตอนนั้นอึ้งไป

“ทำไมคะ ทำไมตาต้องแต่ง”

“เพราะเรากำลังล้มละลาย และคนที่ลูกต้องแต่งงานด้วยก็ฐานะดี มีการศึกษา เขาจะช่วยดูแลลูกและครอบครัวเราได้”

ความจริงที่ได้รู้ว่าครอบครัวกำลังล้มละลายยังไม่หนักอึ้งเท่ารู้ว่าเธอต้องแต่งงาน ซึ่งเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชนที่เธอเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเข้ากับตัวเอง จะหนีก็ไร้หนทางจึงได้แต่ยอมรับมันอย่างกล้ำกลืน

ชนิตารู้สึกเหมือนคนที่กำลังค่อยๆ ตาย เป็นการตายที่เชื่องช้าจนน่ากลัว เพราะหัวใจมันถูกบีบคั้น ความกดดันและคาดหวังกัดกินจนพุกร่อน ชีวิตที่ไม่อาจขีดเส้นทางของตัวเองได้มองไปทางไหนก็มืดมนไร้ซึ่งหนทางให้ก้าวต่อ

แต่ภายใต้ความโชคร้ายก็มีเรื่องโชคดีอยู่บ้าง เพราะสามีอย่างอธิศเข้าใจและไม่เคยบีบบังคับให้เธอต้องเข้าหอกับเขาแม้แต่ครั้งเดียว จนบางครั้งเธอเองก็รู้สึกเกรงใจชายหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก เคยคิดอยากมีอะไรกับเขาแล้วก็ท้องให้มันจบๆ แต่ความเป็นจริงมันคงไม่ง่ายแบบนั้น

“ขอบคุณนะคะ”

“ขอบคุณเรื่องอะไรครับ”

“ทุกเรื่องค่ะ เพราะถ้าคุณอธิศไม่ใช่คุณอธิศอย่างในตอนนี้ ฉันก็คงลำบากกว่าที่เป็นอยู่” นั่นเพราะชนิตากลัวมาตลอดว่าหลังจากแต่งงานกันแล้ว เธอจะถูกเจ้าบ่าวบังคับขืนใจ ทว่าอธิศกลับให้เกียรติเธอมาก

“ผมเข้าใจ” อธิศที่เวลานี้ขับรถอยู่หันกลับมามองภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปขับรถต่อ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจเธอ เพราะตัวเขาเองก็ตกที่นั่งลำบาก ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักเช่นกัน จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะนั่นคือคำสั่งของผู้เป็นพ่อ

อธิศพยายามปรับความคิดให้จูนกับชนิตาติด แต่สุดท้ายเขากับเธอก็ไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ เหตุผลที่เป็นแบบนั้นเพราะเขาไม่ได้รู้สึกเสน่หาในเธอเหมือนคนรัก แต่กลับเอ็นดูเหมือนน้องสาวคนหนึ่งมากกว่า เพราะเขากับเธออายุห่างกันเกือบห้าปี แต่ในฐานะสามีเขาก็คอยดูแลเทคแคร์ชนิตาในส่วนที่ทำได้เท่านั้น

“คุณตามีความฝันอยากทำอะไรบ้างไหมครับ”

“ฉันเป็นคนชอบเที่ยวค่ะ ป่า ภูเขา ทะเล แต่ที่ชอบที่สุดคือสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนไป มีกล้องสักตัวไว้เก็บความทรงจำ แล้วคุณอธิศละคะ มีความฝันอะไรบ้าง” เมื่อได้พูดถึงความฝันที่อยากทำก็พลอยทำให้ใบหน้าของชนิตามีรอยยิ้มเกิดขึ้น

“อืม...ผมอยากเป็นชาวสวน คงเพราะเบื่อกับการใช้ชีวิตในเมืองเต็มทนแล้วมั้งครับ เลยอยากไปขุดดินขุดหญ้าเลี้ยงสัตว์ดูบ้าง” นั่นคือความฝันที่อธิศอยากทำ ซึ่งมันเป็นความฝันที่เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน ทุกวันนี้เวลาของเขาล้วนหมดไปกับงานที่ต้องรับผิดชอบ มันเหนื่อยจนรู้สึกล้าแต่ถ้าไม่มีเขางานก็คงหงุดชะงัก แบบนั้นมันคงไม่ส่งผลดี

“ขอให้เราได้ทำตามความฝันค่ะ”

“ครับ” เสียงทุ้มของอธิศเอ่ยรับ จากนั้นเขาก็เลี้ยวรถเข้าบ้านภายในโครงการหมู่บ้านจัดสรรระดับไฮเอน เพราะราคาบ้านของที่นี่เริ่มต้นคือสามสิบล้านบาท ซึ่งบ้านหลังนี้คือเรือนหอของเขากับชนิตา

แต่ทว่าห้องหอที่ตกแต่งอย่างสวยงามกลับมีไว้เพียงเพื่อบังหน้าเท่านั้น เพราะนอกจากคืนแรกของการส่งตัวแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็แทบไม่เคยเข้าไปนอน ต่างคนต่างมีห้องนอนเป็นของตัวเอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน คนนอกไม่มีใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นคนในบ้านโดยอธิศกำชับไว้เป็นอย่างดีว่าห้ามบอกใคร

“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณตา”

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณอธิศ” ต่างฝ่ายต่างเอ่ยราตรีสวัสดิ์กันและกัน จากนั้นก็แยกย้ายกลับเข้าห้องพัก และสิ่งแรกที่ชนิตาเห็นเมื่อเข้าห้องมาได้แล้วนั้นก็คือภาพของพรฟ้าที่เวลานี้นั่งฟุบหลับไปกับโต๊ะญี่ปุ่น โดยตรงหน้าคือกองหนังสือหลายเล่ม ที่พรฟ้าอ่านทบทวนเพื่อเตรียมตัวสอบ โดยเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้วนั่นเอง ถ้าสอบผ่านทุกตัวเธอก็จะเป็นว่าที่บัณฑิตทันที

“เบล...เบล”

“คุณตา” พรฟ้าสะลึมสะลือตื่น นั่นเพราะเธอตั้งใจนั่งทำรายงานรอที่ชนิตากลับ แต่ไปๆ มาๆ กลับเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

“มานอนอะไรตรงนี้”

“เบลอ่านหนังสือสอบอยู่นะคะ แต่เผลอหลับไป คุณตากลับมานานหรือยังคะ”

“พึ่งกลับจ้ะ”

“งั้นเดี๋ยวเบลไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณตาอาบนะคะ”

“จ้ะ...ขอบใจมาก” ชนิตาเอ่ยรับพร้อมส่งยิ้มให้พรฟ้าที่เวลานี้เดินจ้ำเข้าไปในห้องน้ำเตรียมน้ำให้เธออาบ เด็กสาวที่เธอนั้นรักและเอ็นดูเหมือนน้องแท้ๆ พรฟ้าเป็นหลานสาวของแม่บ้านซึ่งพ่วงตำแหน่งแม่นม ที่คอยเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ แม่ของพรฟ้านั้นอายุสั้นเพราะเสียชีวิตไปตั้งแต่พรฟ้าอายุได้สิบขวบ ในขณะที่แม่นมของเธอหรือยายพรฟ้าก็พึ่งมาเสียไปเมื่อปีก่อนเช่นกัน ทำให้ตอนนี้พรฟ้าเหลือตัวคนเดียว