บทที่ 4
และเพื่อเปิดโอกาสให้อธิศและนพกรคุยกันอย่างสะดวก ชนิตาจึงขอตัวกลับขึ้นไปพักผ่อน ซึ่งสามีในนามอย่างอธิศก็ไม่ได้ห้ามอะไร ในขณะที่นพกรก็แอบสังเกตความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เช่นเดียวกัน
“นายกับคุณตา เหมือนไม่ใช่ผัวเมียกันเลยวะ”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“ไม่รู้สิ เซ้นท์ข้ามันบอกแบบนั้นนี่หว่า อย่างว่านายกับคุณตาถูกจับแต่งงานกัน มันก็ต้องใช้เวลาจูนคลื่นกันสักพัก พอจูนติดลูกก็คงติดตาม ว่าไหม”
“อืม...คงแบบนั้น” อธิศแค่เอ่ยรับตามน้ำไปเท่านั้นเอง เพราะมองยังไงเขากับชนิตาก็ไม่มีทางไปด้วยกันได้ รอแค่จังหวะและเวลาที่จะแยกจากเท่านั้น
“นี่ถ้าไม่เจอกับคนใกล้ตัว ข้าไม่เชื่อแน่ว่ายุคนี้จะมีการคลุมถุงชนอยู่อีก”
“ข้าก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดกับตัวเอง” ครั้งแรกที่รู้อธิศปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีทางแต่งงานอย่างเด็ดขาด แต่สุดท้ายก็จำนนเพราะขัดคำสั่งของพ่อไม่ได้ ได้แต่ทำตามใจท่านไปก่อนแล้วค่อยๆ หาทางออกทีหลัง
“เพื่อธุรกิจอะเนอะ คิดเสียว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย”
“ขอให้ข้าเป็นคู่สุดท้ายแล้วกัน เพราะการถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานมันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกหรือมีความสุขสักเท่าไหร่” เอ่ยจบอธิศก็หยิบแก้วเหล้าที่นพกรชงไว้ให้ขึ้นดื่ม ชายหนุ่มดูอัดอั้นแต่พูดระบายความในใจออกไปไม่ได้ แม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่างนพกรเองก็ตาม
“แต่นายยังถือว่าโชคดีที่ได้เจอผู้หญิงดีๆ อย่างคุณตา ถ้าเจอผู้หญิงประเภทถูกจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมาละก็...” นพกรที่เริ่มกึ่มๆ จะเมาส่ายหน้าไปมา
ในขณะที่อธิศเองก็คิดกับตัวเองเช่นเดียวกัน ว่าหากเขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงประเภทใส่ตะกร้าล้างน้ำขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง เขาคงทั้งเลวทั้งร้ายใส่จนเธอขอหย่าไปแล้วก็เป็นได้ แต่นี่กลับเจอผู้หญิงดีๆ อย่างชนิตา จนเขานั้นร้ายกับเธอไม่ลง
แต่เพราะนานๆ นพกรจะแวะมาดื่มด้วย บวกกับมีเรื่องให้คิดไม่ตก คืนนั้นอธิศจึงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเหล้าจนดื่มไปหลายแก้ว และสุดท้ายความเมาก็เข้าครอบงำ ในขณะที่นพกรก็ถึงกับต้องเรียกให้คนขับรถที่บ้านมารับ เพราะขืนขับรถเองมีหวังเกิดอุบัติเหตุแน่นอน
เมื่อส่งนพกรแล้ว อธิศก็เดินตัวเซเข้าบ้าน จังหวะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มชนิตาก็เข้าไปช่วยพยุงเอาไว้เสียก่อน แต่เพราะชายหนุ่มตัวหนักเกินกว่าเธอคนเดียวจะช่วยไหว ชนิตาจึงขอให้พรฟ้าที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เข้ามาช่วยอีกแรง
“มาช่วยฉันหน่อยสิเบล”
“ค่ะ” เมื่อรับคำเสร็จ พรฟ้าก็เข้าไปช่วยพยุงตัวอธิศทันที แต่กว่าที่ผู้หญิงสองคนจะพาผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขาขึ้นห้องนอนมาได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ขอน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูให้ฉันด้วยนะ จะได้เช็ดหน้าเช็ดตาให้คุณอธิศ”
“ค่ะ” พรฟ้าพยักหน้ารับก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำของเจ้าของห้อง แล้วจัดการตามที่ชนิตาบอกทันที ไม่นานก็กลับมาพร้อมของในมือ
ชนิตาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวที่อธิศสวมติดตัวออกจนหมด แล้วรับผ้าขนหนูชุบน้ำซึ่งบิดจนหมาดจากมือของพรฟ้ามาถือไว้ จากนั้นก็จัดการเช็ดใบหน้า ลำคอและตามตัวของอธิศพอให้สบายตัวขึ้น โดยเธอทำเหมือนเรื่องปกติไม่ได้ขัดเขินกับการได้สัมผัสหรือเห็นเรือนร่างของบุรุษที่สมบูรณ์แบบด้วยกล้ามเนื้อที่ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างดี อาจเพราะเธอไม่ได้คิดพิศวาสชายหนุ่ม มองเขาเป็นแค่เพื่อนแค่พี่ชายคนหนึ่งก็เป็นได้ ชนิตาถึงไม่ได้รู้สึกเขิน
ผิดกับพรฟ้าที่ยืนหน้าร้อนผ่าวและแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้องนอนของอธิศแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความงุนงงให้ชนิตาไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้คิดติดใจอะไร และเธอก็อยู่ดูแลอธิศกระทั่งเรียบร้อยจึงลุกขึ้นเพื่อจะกลับห้องของตัวเอง แต่จังหวะนั้นจู่ๆ อธิศก็คว้าข้อมือของเธอไว้
“คุณตา”
“ค่ะ” ชนิตาเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะมั่นใจว่าอธิศยังมีสติพอที่จะไม่ล่วงเกินอะไรเธอ หรือต่อให้เขาทำเธอก็จะต่อต้านจนหลุดพ้นได้สำเร็จ
“ถ้าคุณอยากหย่า คุณแค่บอกผม ตกลงไหมครับ” คำพูดของอธิศทำให้ชนิตายิ้มออกมา เพราะชายหนุ่มยังคงให้เกียรติเธอเสมอ
“ค่ะ”
“ผมจะหย่าให้คุณทันที ผมสัญญา”
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณรักษาสัญญา แต่ตอนนี้คุณเมามากแล้ว พักผ่อนก่อนดีกว่า”
“ครับผม”
อธิศเอ่ยรับอย่างว่าง่าย เวลานี้เขาช่างดูเหมือนเด็กชายตัวโตไม่ใช่ชายหนุ่มที่แบกภาระความรับผิดชอบไว้เต็มสองบ่า ชนิตาห่มผ้าห่มให้สามีในนามก่อนจะกลับออกไปจากห้อง และเมื่อมาถึงห้องก็เห็นว่าพรฟ้าหลับเสียแล้ว เธอจึงส่ายหน้าให้อย่างเอ็นดู
“ที่รีบกลับเพราะง่วงหรอกเหรอ” เมื่อเอ่ยจบชนิตาก็ปิดไฟและเข้านอนเช่นเดียวกัน ทันทีที่ไฟถูกปิดลงพรฟ้าที่แกล้งหลับก็ลืมตาขึ้น เธอไม่ได้ง่วงอย่างที่ชนิตาคิด แต่เพราะอายกับภาพที่เห็นแล้วเท้าเจ้ากรรมมันก็พาเธอออกมาจากห้องนอนของอธิศอย่างอัตโนมัติ
พรฟ้าตบใบหน้าของตัวเองเบาๆ หลายครั้งเพื่อดึงสติ พร้อมกับพยายามสลัดภาพที่เห็นให้ออกไปจากสมองด้วย แต่ยิ่งพยายามภาพเหล่านั้นกลับยิ่งชัดเจน และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอแทบนอนไม่หลับ
เช้าวันนั้น
ทันทีที่อธิศสร่างเมา ชายหนุ่มก็รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วลงไปสมทบกับชนิตาที่เวลานี้เธอน่าจะรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ซึ่งก็จริงอย่างที่ชายหนุ่มคิด ทันทีที่เจอหน้ากันอธิศก็เอ่ยขอโทษขอโพย ชนิตา ที่เมื่อคืนเขาเมาจนทำให้เธอต้องมาดูแล ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร
ทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกัน ก่อนที่ชนิตาจะเอ่ยบอกว่าเมื่อวานมารดาของอธิศแวะมาหาเธอที่บ้านพร้อมอาหารบำรุง และท่านยังแนะนำให้เธอกับเขาไปปรึกษาหมอเฉพาะทางเรื่องตั้งครรภ์ นั่นทำให้อธิศถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม เพราะไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงบรรดาผู้ใหญ่ถึงจะไม่กดดันเรื่องนี้
“ไหนๆ วันนี้ผมก็ว่างแล้ว เราไปหาหมอกันดูไหมครับ ไปปรึกษาดู แต่เราไม่ทำตามก็คงไม่เป็นไร” จะว่าไปอธิศเองก็เริ่มเหนื่อยกับการต้องทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ แต่ที่ต้องทำก็เพราะอยากตัดปัญหาเท่านั้น
“ค่ะ” ชนิตาเอ่ยรับอย่างไม่ยี่หระเช่นเดียวกัน เพราะเธอเองก็คงไปให้มันจบๆ เท่านั้น มารดาของอธิศจะได้เลิกถามว่าไปมาหรือยัง
