บทที่ 2 เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้น
ความเงียบงันที่แผ่ปกคลุมคฤหาสน์หลี่ในยามราตรี ดูเหมือนจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุร้ายจะโหมกระหน่ำ หลี่ซูเม่ยนั่งอยู่คนเดียวในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างหรูหรา แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความอึดอัดที่ยากจะบรรยาย
หลังจากพิธีแต่งงานสิ้นสุดลง ความเย็นชาของหวังเหยียนหมิงยังคงตรึงอยู่ในใจของนาง รอยยิ้มที่เขามอบให้ต่อหน้าผู้คนกับแววตาเย็นชาที่แสดงออกเมื่ออยู่ลำพัง มันเหมือนกับดาบสองคมที่ทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจ
หลี่ซูเม่ยพยายามปลอบประโลมตนเองว่า ทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่ในใจลึก ๆ นางรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มิได้เกิดจากความรัก แต่มันเป็นพันธมิตรทางการเมืองที่ถูกบังคับให้เกิดขึ้น
“ทำไมเจ้าถึงต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น... เหมือนข้าเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในเกมของเจ้า” หลี่ซูเม่ยพึมพำกับตนเอง ขณะมองเงาของตนเองในกระจกทองเหลืองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างรวดเร็วและแน่วแน่ดังขึ้นจากภายนอก บานประตูถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน หยวนอี้หลานรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“คุณหนูซูเม่ย! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” หยวนอี้หลานพูดด้วยเสียงสั่นเทา ริมฝีปากของนางซีดเผือดจนเห็นได้ชัด
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” หลี่ซูเม่ยถามกลับด้วยความตกใจ
“ทหารจากราชสำนักบุกเข้ามาในคฤหาสน์! พวกเขาอ้างว่าตระกูลหลี่เป็นกบฏ!” หยวนอี้หลานกล่าวอย่างเร่งรีบ น้ำตาเริ่มไหลออกมาด้วยความหวาดกลัว
หลี่ซูเม่ยเบิกตากว้าง หัวใจของนางเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น นางพยายามประคองสติและมองไปยังหน้าต่างที่เปิดออกอย่างรีบร้อน
“พวกเขามาได้อย่างไร? นี่มันเป็นกับดักใช่ไหม?” นางพูดอย่างไม่เชื่อสายตา
“ข้าไม่รู้! แต่ตอนนี้พวกเขากำลังค้นทุกห้อง! และข้าเห็นพวกเขาลากท่านแม่ทัพหลี่กับท่านจ้าวเหม่ยหลิงออกไปแล้ว!” หยวนอี้หลานกล่าวด้วยเสียงสะอื้น
หลี่ซูเม่ยรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นางรู้ดีว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนการที่ถูกวางไว้ล่วงหน้าอย่างละเอียดอ่อน
“เราต้องรีบหนี!” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ
“แต่จะไปที่ไหน? ทหารล้อมคฤหาสน์ไว้หมดแล้ว!” หยวนอี้หลานตอบกลับด้วยความตื่นกลัว
“ข้าต้องหาทางช่วยบิดามารดาให้ได้...” หลี่ซูเม่ยกล่าวอย่างหนักแน่น แม้ภายในใจจะรู้ดีว่าโอกาสสำเร็จนั้นแทบไม่มีเลย
เสียงกรีดร้องของผู้คนที่พยายามหนีตายดังเข้ามาถึงห้อง นางรู้ดีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหลี่หยวนเฉิง องค์ชายรองที่หวังจะครอบครองอำนาจทุกสิ่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของหลี่ซูเม่ยเต็มไปด้วยความแค้นที่เดือดพล่าน นางกำหมัดแน่น ริมฝีปากของนางสั่นระริกด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หยวนอี้หลาน เจ้าไปหลบซ่อนตัวก่อน! ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับบิดามารดา!”
“แต่คุณหนู...!” หยวนอี้หลานพยายามห้ามปราม
“อย่าห่วงข้า! เจ้าไปซ่อนตัวในห้องใต้ดิน! แล้วอย่าออกมาจนกว่าจะปลอดภัย!” หลี่ซูเม่ยสั่งอย่างเด็ดขาด
หยวนอี้หลานพยักหน้าอย่างจำใจ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้อง หลี่ซูเม่ยมองตามหลังหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ในเวลานี้นางไม่มีทางเลือกอื่น
นางเปิดประตูออกไปเผชิญกับความโกลาหลที่เกิดขึ้นภายนอก เสียงทหารที่ตะโกนสั่งการดังไปทั่ว เสียงอาวุธที่กระทบกันสร้างความหวาดหวั่นแก่ผู้ที่อยู่ในคฤหาสน์
หลี่ซูเม่ยพยายามฝ่าฝูงชนเพื่อไปหาบิดามารดา แต่สิ่งที่นางพบกลับเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว บิดามารดาของนางถูกจับมัดไว้กลางลาน โดยมีหลี่หยวนเฉิงยืนมองดูอย่างพึงพอใจ
“เจ้าเป็นเพียงเด็กโง่หลี่ซูเม่ย... คิดหรือว่าการแต่งงานกับองค์ชายสามจะช่วยปกป้องตระกูลของเจ้าได้?” หลี่หยวนเฉิงเอ่ยด้วยเสียงเยาะเย้ย
หลี่ซูเม่ยจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นางรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อความรัก แต่เป็นแผนการที่ถูกวางไว้เพื่อกำจัดตระกูลหลี่
และในที่สุด คำสั่งประหารก็ดังขึ้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของหลี่หยวนเฉิง หลี่ซูเม่ยมองเห็นบิดามารดาของนางถูกประหารอย่างไร้ปรานี ต่อหน้าต่อตานางเอง...
ความเจ็บปวดที่บาดลึกเข้าไปในจิตใจได้กลายเป็นเปลวเพลิงแห่งความแค้นที่ไม่มีวันดับลง นางจะไม่มีวันให้อภัยผู้ที่ทำลายทุกสิ่งที่นางรักอย่างโหดร้ายเช่นนี้
