บทที่ 1 การแต่งงานที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล
คฤหาสน์ของตระกูลหลี่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผืนผ้าไหมแดงพาดยาวทั่วลานพิธี โคมแดงนับร้อยแขวนเรียงรายเปล่งแสงอบอุ่นตัดกับฟ้ายามเช้าที่สว่างไสว กลิ่นธูปหอมและเสียงขลุ่ยจีนบรรเลงละมุน บรรยากาศนั้นหรูหราเกินกว่าที่จะเป็นเพียงพิธีสมรสของสามัญชน
นี่คือการแต่งงานของ “หลี่ซูเม่ย” ธิดาคนรองของตระกูลหลี่ ขุนนางผู้มีอำนาจและอิทธิพลแห่งราชสำนัก กับ “องค์ชายสาม หวังเหยียนหมิง” บุรุษผู้เป็นนักรบผู้สง่างามแห่งยุทธภพและราชวงศ์
หลี่ซูเม่ยในชุดเจ้าสาวสีแดงสดที่ปักด้วยลายดอกเหมยสีทองละเอียดอ่อน เดินออกจากเรือนหลังใหญ่โดยมีสาวใช้สองนางช่วยประคองชายผ้าที่ยาวลากพื้น ใบหน้าของนางเปื้อนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่หากพินิจให้ดี ดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยเงาแห่งความไม่มั่นคง
“เจ้าดูงดงามยิ่งนัก ซูเม่ย ข้าภูมิใจในเจ้ายิ่งนัก” เสียงของหลี่เจิ้ง หนึ่งในขุนนางอาวุโสแห่งราชสำนักและเป็นบิดาของนาง กล่าวด้วยความภาคภูมิ
“บุตรีเพียงทำตามหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ” นางตอบเบา ๆ
หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความกังวล ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นของเจ้าสาว หากแต่เพราะนางรู้ดีว่านี่มิใช่การแต่งงานเพื่อความรัก แต่มันคือหมากการเมือง ที่ตระกูลหลี่ใช้ส่งนางเข้าไปในวังหลวง เพื่อยึดโยงอำนาจกับราชวงศ์
ณ ลานพิธี องค์ชายสามในชุดเจ้าบ่าวสีทองลายมังกร ยืนตระหง่านท่ามกลางแขกนับร้อย ใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่ง แม้รอยยิ้มจะอยู่บนริมฝีปาก ทว่าในแววตานั้นเย็นชาเกินกว่าคำว่ายินดี
“เจ้าหญิงหลี่ซูเม่ย... เจ้าดูงดงามสมคำเล่าลือ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อนางเดินมาถึงเคียงข้าง
“ขอบพระทัยเพคะ องค์ชาย” นางตอบกลับอย่างสงบ แม้ในใจนั้นอัดแน่นไปด้วยคำถาม
ระหว่างพิธี ท่ามกลางเสียงพิณและเสียงกลอง พวกเขาทั้งสองยืนเคียงข้างกันราวกับคู่บ่าวสาวที่สมบูรณ์แบบ ทว่าภายในกลับเย็นชาราวน้ำแข็ง
หลี่ซูเม่ยก้มหน้าตลอดเวลา นางรู้ดีว่าอำนาจที่ตระกูลของนางต้องการนั้นมีราคา และราคานั้นก็คือ... ชีวิตของนางเอง
เงามืดในการเฉลิมฉลอง
ในมุมหนึ่งของลานพิธี หวังจิ้นหลง องครักษ์คู่ใจขององค์ชายสามกำลังมองรอบด้วยแววตาระแวดระวัง
“ทหารจากกองใด?” เขาถามเบา ๆ กับทหารคนหนึ่งที่ยืนอยู่ริมกำแพง
“ข้าน้อยไม่รู้จักขอรับ เห็นเข้ามากับขบวนของตระกูลหลี่” ทหารผู้นั้นตอบอย่างลังเล
หวังจิ้นหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากระซิบรายงานองค์ชายทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมพบทหารแปลกหน้าปะปนอยู่ในงาน ดูเหมือนไม่ใช่กองของราชสำนัก”
“ข้ารู้แล้ว...” หวังเหยียนหมิงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ
เบื้องหลังเงา... องค์ชายรอง
ภายในตำหนักลับในวังหลวง หลี่หยวนเฉิง องค์ชายรองผู้แฝงกายอยู่ในเงามืดจ้องมองแผนการของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น
“ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน พิธีแต่งงานจะกลายเป็นหายนะในค่ำคืนนี้” เขากล่าวกับสายลับคนสนิท
เขารู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้คือโอกาสเดียวที่จะสร้างรอยร้าวระหว่างตระกูลหลี่กับองค์ชายสาม และเมื่อความขัดแย้งปะทุ เขาก็จะฉวยโอกาสชิงอำนาจที่รอคอยมานาน
หมอหญิงแห่งคฤหาสน์หลี่
ที่มุมเรือนรับรอง หยวนอี้หลาน หมอหญิงประจำตระกูลหลี่เดินตรวจดูความเรียบร้อยของเหล่าทหารและผู้ติดตามนางรู้สึกถึงความผิดปกติในอากาศ
“ทำไมพวกทหารเหล่านั้นจึงมีท่าทีอึดอัด ทั้งที่ควรจะเป็นงานมงคล?”
นางกระซิบกับตัวเอง พลางจดจำใบหน้าหลายคนไว้ในใจ หญิงสาวแม้ไม่ได้ฝึกยุทธ์ แต่สายตาเฉียบคมยิ่งกว่าผู้มีดาบในมือ
ค่ำคืนที่ไม่ใช่ของความรัก
เมื่อเข้าสู่ยามค่ำ หลี่ซูเม่ยถูกพาไปยังห้องหอที่ตกแต่งอย่างประณีต ด้วยม่านโปร่งสีแดงและเทียนหอมเรียงราย
ไม่นานนัก หวังเหยียนหมิงก็เดินเข้ามา นางลุกขึ้นทำความเคารพ ทว่าเขาเพียงเอ่ยเสียงเย็น
“เจ้าไม่ต้องแสร้งเป็นอ่อนหวานหรอกหลี่ซูเม่ย”
นางหยุดนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับอย่างสงบ “ข้าเองก็มิได้หวังให้ท่านยอมรับในทันที”
เขาจ้องหน้านางนิ่ง ๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างเคร่งเครียด “พวกเจ้าคิดจะใช้ข้าเป็นสะพานเข้าสู่อำนาจหรือ?”
นางยิ้มเพียงบาง ๆ “หากท่านคิดเช่นนั้น ข้าย่อมมิอาจห้ามได้”
เงียบ... ทั้งห้องถูกกลืนด้วยบรรยากาศที่แน่นตึง
ในใจลึก ๆ ของนาง หยดหนึ่งของความเศร้าไหลริน แม้นางยอมเป็นหมากเพื่อครอบครัว แต่นางก็ยังเป็นหญิงสาวที่ปรารถนาความรัก
เสียงกลองที่ไม่ใช่เพื่อเฉลิมฉลอง
ขณะเดียวกัน ภายนอกคฤหาสน์ กลุ่มทหารที่สังกัดองค์ชายรองเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาอ้างว่ามาเพื่อถวายความปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วซ่อนอาวุธไว้ในเกี้ยว
ภายในคืนเดียว ความสงบที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสีสันและเสียงหัวเราะ... จะถูกแทนที่ด้วยเพลิงและเสียงกรีดร้อง
คืนแต่งงานของหลี่ซูเม่ย จึงมิใช่จุดเริ่มต้นของความสุข หากแต่คือการเริ่มต้นของสงครามเงียบ ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเช่นไร...
