บทที่ 3
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอพื้นที่ส่วนตัว เชิญคุณน่านกลับออกไปจากห้องฉันด้วยค่ะ”
“แต่นี่มันบ้านฉัน ฉันมีสิทธิ์จะอยู่ที่ไหนก็ได้” น่านฟ้าเอ่ยสิทธิ์เจ้าบ้านทำเอาพุดตานเถียงไม่ออก สามปีที่ไม่ได้ติดต่อกัน เธอเพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าน่านฟ้าเถียงเก่งขึ้นไม่เบา ฉายาปากกรรไกรคงต้องยกให้
“ค่ะ ที่นี่มันบ้านคุณฉันไม่เถียง แต่ฉันคือลูกจ้างของพ่อคุณ ฉะนั้นกรุณาให้เกียรติฉันด้วย”
“ให้เกียรติอย่างนั้นเหรอ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีดูเหมือนอะไรๆ มันจะเปลี่ยนไปมากราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้า หึหึ…” พุดตานได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในลำคอของน่านฟ้า รู้ว่าเขาจงใจพูดกระทบเธอ
“ค่ะ อะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว” ในเมื่อออกแรงยื้อให้ตัวเองเป็นอิสระแล้วเปล่าประโยชน์ พุดตานจึงทำตรงกันข้ามด้วยการหันมาเผชิญหน้ากับน่านฟ้าตรงๆ
“ของแบบนี้มันพูดอย่างเดียวไม่น่าเชื่อถือหรอกว่าไหม”
“คุณน่าน คุณจะทำอะไร” พุดตานรีบยกมือขึ้นมาผลักอกชายหนุ่มให้ออกห่างทันที แต่แทนที่จะรังเกียจ ร่างกายเธอกลับรู้สึกอบอุ่นทันทีที่ได้สัมผัสเขา วงแขนกว้างๆ อ้อมกอดอุ่นๆ มือนุ่มๆ ที่เคยกุมมือของเธอไว้ รวมทั้งสัมผัสจากเขาที่เธอพยายามลบออกไปจากความรู้สึกหรือสมองแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ
“ก็แค่ทบทวนความจำให้เธอนิดๆ หน่อยๆ” เอ่ยจบน่านฟ้าก็รวบพุดตานเข้ามาในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว แผงอกแกร่งปะทะเข้ากับอกอวบหยุ่นเต็มแรง พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาหาเธอเช่นกัน ร่างกายนุ่มๆ กลิ่นกายหอมๆ ที่เคยดมเคยสัมผัส ความรู้สึกทุกอย่างหวนกลับมาในความรู้สึกของชายหนุ่ม
แต่ยิ่งใกล้ชิดพุดตานก็ยิ่งออกแรงผลักชายหนุ่มมากขึ้นเท่านั้น เธอดิ้นรนเพื่อจะได้เป็นอิสระจากอ้อมกอดและสัมผัสของน่านฟ้า
“คุณน่าน ปล่อยฉัน ปล่อย…อื้อ” เมื่อพุดตานไม่ยอมหยุดดิ้น น่านฟ้าจึงใช้กำลังที่มีมากกว่าเอาชนะ ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าหาเขา แต่ความโกรธนั้นดูเหมือนจะมากกว่าสิ่งอื่น ทำให้น่านฟ้าลงโทษ พุดตานด้วยการบดขยี้จูบลงมาบนปากอิ่มอย่างไม่ออมแรง
จูบที่อดีตเคยหอมหวานโรแมนติกชวนใจสั่น แต่ทว่าตอนนี้กลับเป็นจูบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของความโกรธเกรี้ยวและสับสน พุดตานพยายามปัดป้องสัมผัสที่น่านฟ้าพยายามยัดเยียดให้ แต่เพราะตัดบัวยังคงเหลือเยื่อใย สุดท้ายเธอก็แพ้ใจตัวเองจนปล่อยให้น่านฟ้ารังแกอย่างจาบจ้วงอยู่นานหลายนาที
“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นพุดตาน หลังจากนี้ฉันจะทวงทุกอย่างที่เคยเป็นของฉันคืน” ทันทีที่ถอนจูบออกจากปากอิ่มที่เวลานี้บวมแดงของพุดตาน น่านฟ้าก็เอ่ยขึ้นพร้อมสบตาเธอไปตรงๆ
“ฉันไม่ใช่ของของคุณ ไม่เคยเป็นและถ้าคุณทำอะไรฉันไปมากกว่านี้ ฉันจะ…”
“จะอะไร จะทิ้งฉันไปเหมือนตอนนั้นอีกน่ะเหรอ เอาสิ เพราะตอนนี้เธอมันไม่ได้มีค่าให้ฉันต้องรู้สึกอะไรอีกนักหรอก อยากจะไปก็ไป ตามสบาย” เอ่ยจบน่านฟ้าก็ผลักร่างของพุดตานให้ออกห่าง แรงผลักทำให้ร่างบอบบางของพุดตานเซถลาและลงไปนั่งกับพื้น น่านฟ้าดูจะตกใจแต่กลับทำเฉยชา จากนั้นก็เดินกลับออกไปจากห้องด้วยท่าทางไม่ไยดีเธอแม้แต่น้อย
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง จู่ๆ น้ำตาของพุดตานก็หยดอาบแก้ม ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าหาจนก่อเกิดเป็นความอ่อนแอ แม้จะทำใจให้เข้มแข็งก่อนมาที่นี่สักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็แพ้ อ่อนแอจนน้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วกลับไหลเป็นทางอย่างในเวลานี้
เพราะแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ได้เจอหน้าคนที่ไม่ได้เจอกันมาถึงสามปี คนที่ได้ชื่อว่าคนรักเก่า คนที่เธอเป็นฝ่ายทิ้งเขาไปอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายภาพในอดีตที่เคยคบหาน่านฟ้ากลับฉายเข้ามาในสมองของพุดตานเป็นฉากๆ
“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อร้องไห้หรือทำให้ถ่านไฟเก่ามันคุขึ้นมาหรอกนะพุดตาน เข้มแข็งไว้ทำเหมือนที่ผ่านๆ มาสิ เธอต้องทำได้” พุดตานเอ่ยเตือนสติตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาให้ออกไปจากแก้มพร้อมทั้งสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ
หวนคิดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ว่าเพราะอะไร เธอมาเพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง เรื่องคนอื่นเธอจะไม่เก็บมาคิดให้รกสมองอีกเด็ดขาด!
พุดตานตั้งสติอยู่กับตัวเองให้มาก รวมทั้งเมินเฉยต่อน่านฟ้าให้ได้แม้มันจะยากก็ตามที ก่อนที่เธอจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง เธอสลัดความรู้สึกที่บั่นทอนจิตใจให้ออกไปแล้วเดินตรงไปยังประตูที่เวลานี้ถูกล็อกอยู่พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“ใครคะ”
“ดิฉันชื่อมาลัยเป็นแม่บ้านที่ดูแลคุณหญิงค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณแม่บ้าน” เมื่อเปิดประตูออก พุดตานก็ยกมือไหว้มาลัย
“เรียกว่าป้ามาลัยก็พอ ไม่ต้องเรียกคงเรียกคุณให้ขี้กลากมันขึ้นหัวป้าหรอกจ้ะ”
“ได้ค่ะป้ามาลัย” พุดตานยิ้มให้ ก่อนจะเดินตามมาลัยไปยังห้องของคุณหญิงแขไข ระหว่างนั้นก็ถือโอกาสสูดอากาศเข้าปอดให้ลึกๆ นั่นเพราะนอกจากจะต้องเจอน่านฟ้าที่นี่แล้ว แม่ของเขาคือหนึ่งคนสำคัญที่เธอต้องเจอและยังต้องมาดูแลแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วย
มาลัยบอกให้พุดตานรู้ว่าในหนึ่งวันต้องดูแลคุณหญิงแขไขอย่างไรบ้าง เริ่มตั้งแต่เช้าหลังคุณหญิงแขไขตื่นก็ต้องล้างหน้า แปรงฟัน เช็ดตัวแต่งตัวให้ใหม่ เจ็ดโมงนิดๆ ก็ต้องเตรียมยาก่อนอาหารให้กิน โดยยาก่อนอาการจะกินแค่เช้ากับเย็นเท่านั้น กินข้าวเช้าตามด้วยยาหลังอาหาร จากนั้นคุณหญิงแขไขจะนอนพัก
ตอนเที่ยงหลังกินข้าวเสร็จก็ต้องกินยาอีก ตลอดบ่ายคุณหญิงแขไขจะอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกไปไหนเลย จะมีพรชนกเข้ามาพูดคุยด้วยในบางวัน กระทั่งถึงเย็นก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวเสร็จก็ต้องกินยาอีกชุด แล้วยังมียาก่อนนอน นอกจากนี้ยังต้องทานยาสมุนไพรจีนอีก ซึ่งปริมาณยารวมๆ ในแต่ละวันที่เห็นก็ทำเอาพุดตานถอนหายใจ เพราะมันมากเหลือเกิน
รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายสิบข้อ และเท่าที่มาลัยเล่าให้ฟังดูเหมือนชีวิตของคุณหญิงแขไขจะอยู่บนเตียงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ยอมนั่งรถวีลแชร์เพื่อจะออกไปไหนทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ในบ้านก็มีลิฟต์เพื่อให้ความสะดวกในการขึ้นลง
“ถ้ามีอะไรให้ป้าช่วยก็บอกได้ตลอดเวลานะ”
“ขอบคุณค่ะป้า” พุดตานส่งยิ้มให้มาลัย อย่างน้อยๆ คนที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกคน พออยู่คนเดียวก็หันมามองคุณหญิงแขไขที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง เห็นแบบนี้ก็อดเวทนาไม่ได้จริงๆ คนเราต่อให้รวยล้นฟ้ายังไงบางทีเงินก็ซื้อสุขภาพไม่ได้
พุดตานทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง ระหว่างนั่งเฝ้าเธอก็หยิบหนังสือที่วางอยู่ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา ซึ่งดูเหมือนหนังสือธรรมะจะมีเยอะหน่อย
“อะ…แอ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้พุดตานเงยหน้าขึ้นมอง เธอสบตาอันแข็งกร้าวของคุณหญิงแขไขไปตรงๆ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่กล้าทำอย่างในตอนนี้ เธอคงเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นแล้วได้แต่ฟังเท่านั้น
“พุดตานค่ะ หนูชื่อพุดตาน ชื่อนี้คุณหญิงอาจจะไม่อยากจำหรือไม่อยากรู้จักสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายโลกมันก็กลมอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมันทำให้เราต้องโคจรมาเจอกันอีก”
“ออกอายยย” คุณหญิงแขไขพยายามเปล่งเสียงไล่ให้พุดตานออกไป นั่นเพราะเธอรังเกียจไม่อยากเห็นหน้าแม้แต่น้อย แต่สุดท้าย ฉัตรชัยกลับพาพุดตานให้มาดูแลเธอ มาจี้หัวใจให้เธอตายเร็วๆ ใช่ไหม
“ไม่ค่ะ หนูทำตามที่คุณหญิงขอมามากพอแล้ว อีกอย่างหนูมาที่นี่ก็เพื่อมาดูแลคุณหญิงตามคำสั่งของคุณฉัตรชัยเท่านั้น อย่าห่วงไปเลย หนูไม่ได้กลับมาเพื่อรื้อฟื้นความหลังกับลูกชายคุณหญิงหรอกค่ะ เพราะตอนนี้หนูไม่ได้รักคุณน่านอีกแล้ว”
“อันเอียดแอ๊…”
