บทที่ 3
“ริน...แกเป็นอะไรไหมอะ”
“ไม่เป็นไร ฉันขออาบน้ำก่อนนะแก” ภูวษาตอบกลับมา แต่ก่อนที่ราตรีจะได้ถามอะไรต่อเสียงเพลงก็ดังมาจากในห้องน้ำ ซึ่งภูวษาตั้งใจเปิดเพื่อกลบเสียงร้องไห้ของตัวเอง
ในขณะที่มิณทร์เมื่อกลับมาที่ห้องก็ไม่เจอใครเสียแล้ว ชายหนุ่มเดินตามหาเธอเพราะอาจจะได้พบและได้อธิบายเหตุการณ์เมื่อคืนให้เข้าใจ ทว่ากลับไร้เงาของผู้หญิงคนนั้น สุดท้ายจึงตัดใจ
ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างกายของภูวษาแดงช้ำเพราะเธอใช้มือถู จิตตกเนื่องจากรับมือกับสภาพจิตใจของตัวเองตอนนี้ยังไม่ได้
ราตรีนั่งรอด้วยอาการกระสับกระส่าย อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภูวษากันแน่ เมื่อคืนเธอฝากเพื่อนไว้กับคนรัก ที่จู่ๆ ก็โผล่มาที่นี่แบบไม่บอกไม่กล่าว หรือทั้งสองคนจะทะเลาะอะไรกันมา ถึงความสงสัยจะมากมายเต็มหัวไปหมดแต่ราตรีก็บอกให้ตัวเองอดทนรอภูวษาอาบน้ำให้เสร็จก่อนค่อยถาม
ทว่าผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้วภูวษาก็ยังอยู่ในห้องน้ำ นั่นทำให้ราตรีตัดสินใจเดินไปเคาะประตูและเมื่อภูวษาเปิดออก สภาพของเพื่อนในเวลานี้ก็ยิ่งทำให้ตกใจ เพราะภูวษาอาบน้ำทั้งๆ ที่ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกแม้แต่ชิ้นเดียวและดูเหมือนน้ำที่มันไหลผ่านใบหน้าซีดเผือดของเพื่อนจะมีน้ำตาปนอยู่ด้วย
“เกิดอะไรขึ้นแก” คำถามที่ได้ยินกลับยิ่งกระตุ้นให้ภูวษาปล่อยโฮออกมา นั่นทำให้ราตรีตัดสินใจดึงเพื่อนรักเข้ามากอด แม้จะต้องเปียกไปด้วยก็ตาม
ราตรีพาภูวษาออกจากห้องน้ำ แม้จะเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้วแต่ร่างกายก็ยังเย็นเพราะเปียกกันมานาน เธอเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมตัวให้ภูวษา ส่วนผืนเล็กก็เอามาเช็ดผมให้หมาด ในขณะที่ภูวษายังคงนั่งซึมอยู่ นั่นทำให้เราตรีคิดไปต่างๆ นานา ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
“แก...”
“พร้อมก่อนค่อยเล่าก็ได้นะ” ราตรีเอ่ยบอก เพราะดูเหมือนสภาพจิตใจของภูวษาตอนนี้จะยังไม่พร้อมพูดอะไร แต่อีกฝ่ายกลับอยากเล่า เผื่อราตรีจะช่วยชี้แนะทางออกให้เธอได้
“เมื่อคืนฉัน...”
“แกทะเลาะกับคุณติณห์มาหรือเปล่า” คนข้างๆ เริ่มสันนิษฐาน
“เปล่า”
“ไม่งั้นแกก็คงเมาหนักจนอ้วกใส่คุณติณห์แล้ววิวาห์เหาะของแกก็ล่มใช่ไหมอะ” ราตรีพยายามพูดให้ติดตลกแต่
ทว่าภูวษากลับไม่คล้อยตาม ใบหน้าที่เคยยิ้มจนชินตาตอนนี้นิ่งงันอย่างเจ็บปวด
“เขาไม่ใช่คุณติณห์”
“หา!” คนฟังอุทานออกมาอย่างตกใจ ส่วนคนพูดก็เจ็บจนเกือบพูดไม่ออก
“เขาไม่ใช่...คุณติณห์” น้ำเสียงของภูวษานั้นสั่นเทาอย่างน่าสงสาร
“ไม่ใช่แล้วทำไมหน้าถึงเหมือนกันยังกับแกะขนาดนั้น ขนาดฉันยังมองไม่ออกว่าไม่ใช่คนเดียวกัน” นี่คือสิ่งที่ราตรีเองก็สงสัย
“ฉันก็ไม่รู้” ภูวษาส่ายหน้าไปมา ดวงตาแดงก่ำเพราะน้ำตากำลังจะไหลอีกครั้ง ตอนนั้นเธอไม่มีสติพอที่จะถามด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับติณห์
“แล้วเขาได้บอกไหมว่าเป็นใคร ชื่ออะไร”
“เขาบอกว่าชื่อมิณทร์”
“ละ...แล้วแกกับเขาได้...เอ่อ” ราตรีไม่กล้าถามต่อ แต่ภูวษาก็เข้าใจว่าเพื่อจะถามอะไร เธอพูดไม่ออกจึงพยักหน้ารับว่ามีเหตุการณ์แบบที่เพื่อนคิดเกิดขึ้นจริงๆ
ก็เพราะถ้าไม่มีแล้วเธอจะตื่นมาเปลือยเปล่าแบบนั้นเหรอ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นผู้ชายคนนั้นก็ต้องบอกเธอสิ แต่นี่เขาเอาแต่เงียบจะให้เธอคิดดีได้ยังไง
“ฉันจะทำยังไงดี” พูดได้เพียงแค่นั้นภูวษาร้องไห้ออกมาอีกครั้ง รู้สึกเกลียดและโทษตัวเอง
“ฉันเองก็ผิดที่ไม่มองเขาให้ดีๆ เมาจนขาดสติมองเขาว่าเป็นคุณติณห์ไปเสียได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่บอกให้เขาดูแลแก ฉันขอโทษนะเว้ย” ราตรีเองก็เจ็บปวด เพราะเธอเป็นคนส่งภูวษาให้กับผู้ชายคนนั้น ทั้งสองคนกอดคอกันร้องไห้
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองสกปรก ไม่มีค่าเลย”
“แกมีค่าเสมอริน คุณค่าของแกไม่ได้อยู่ที่พรหมจรรย์นั่น แล้วนี่แกป้องกันตัวเองยัง” คำถามจากราตรีดังขึ้น นั่นทำให้ภูวษาฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“ยัง”
“งั้นรอตรงนี้ เดี๋ยวฉันมา” เอ่ยบอกเสร็จราตรีก็ออกไปจากห้อง ในขณะที่ภูวษายังคงนั่งกอดตัวเองแล้วร้องไห้อยู่เงียบๆ
ราตรีหายไปราวๆ สิบนาทีก็กลับมาพร้อมบางอย่างในมือ ซึ่งมันคือยาคุมฉุกเฉินที่เพื่อนเธอต้องกินเพื่อป้องกันการตั้งท้อง แม้ยานี่จะไม่รับประกันว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
จากนั้นราตรีก็บอกให้ภูวษานอนพักเสียหน่อย ส่วนเธอจะออกไปบอกเพื่อนๆ ว่าให้ทยอยกลับเข้ากรุงเทพฯ กันก่อนได้เลย ส่วนเธอกับภูวษาจะขอไปทำธุระเสร็จแล้วจะตามไปทีหลัง
เมื่อจัดการบอกเพื่อนๆ เสร็จราตรีก็กลับมาที่ห้องพัก แต่สภาพของภูวษาที่เห็นตอนนี้ก็ยิ่งทำให้สงสาร เพราะเธอนอนคุดคู้กอดตัวเองอยู่บนเตียง ราตรีจึงขึ้นไปนอนกอดเพื่อนไว้
“แกต้องผ่านมันไปให้ได้นะริน” ราตรีเอ่ยปลอบ แต่ยิ่งปลอบภูวษาก็ยิ่งร้องไห้ จึงเลือกที่จะเงียบแล้วอยู่ข้างๆ แทน เพราะสภาพจิตใจและร่างกายไม่พร้อม เย็นนั้นภูวษาจึงขอยกเลิกนัดกับติณห์ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังเซอร์ไพรส์ที่จู่ๆ น้องชายฝาแฝดก็ปรากฎตัวขึ้นที่บ้านในตอนเย็น
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อาทิตย์หนึ่งได้แล้ว” ขณะเอ่ยตอบมิณทร์ก็สังเกตรูปร่างของพี่ชายฝาแฝด ที่ดูผิดปกติไปจากที่ควรจะเป็น ใบหน้าดูซีดบอกไม่ถูก ซึ่งติณห์ก็รีบหาเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
