บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

“ไปเถอะครับ” เอ่ยบอกเสร็จก็ยื่นมือมาคว้าต้นแขนของภูวษาเพื่อรั้งให้เธอลุกขึ้น จะได้พาไปยังห้องพักแล้วทำกิจกรรมที่เขาอยากทำกับเธอ รับรองได้ว่าเขาไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน ดีไม่ดีเธออาจชอบลีลาของเขาถึงขนาดยกเลิกงานแต่งงานไปเลยก็ได้

“ฉันไม่ไป ปล่อย” ภูวษายื้อแขนของตัวเองเพื่อจะเป็นอิสระ แต่ยิ่งเธอยื้ออีกฝ่ายกลับยิ่งออกแรงจับแน่นขึ้นจนภูวษารู้สึกเจ็บ

“เธอบอกแล้วนี่ว่าไม่ไป คุณก็ควรหยุดตื๊อได้แล้ว” จู่ๆ ก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นมาคว้ามือของนักเต้นเปลื้องผ้าคนนั้นแล้วสลัดให้ออกจากต้นแขนของภูวษา

“แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย นี่มันเรื่องผัวเมีย” เสียงที่ตะคอกกลับมาบ่งบอกว่าไม่พอใจที่ถูกขวาง

“มุกตลกๆ แบบนี้ยังมีคนใช้อีกหรือไง”

“อย่าแส่ได้ไหม” คำพูดของนักเต้นเปลื้องผ้าที่ฟังดูถ่อยช่างสวนทางกับรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของเขานัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนที่ยื่นมือมาช่วยภูวษาด้วยความหวังดีถอดใจ

“ไม่ได้ด้วยสิครับ เพราะผมเป็นสามีของเธอ” ประโยคที่ได้ยินทำให้ภูวษาที่กำลังเมาเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่มาแทรกก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นเขาว่าที่สามีของเธอ แม้ภาพมันจะเลือนรางผลคงมาจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลายแก้ว เขาคงตามมาเพราะเป็นห่วงเธอสินะ ต้องใช่แน่ๆ

“คุณติณห์ มาได้ยังไงคะเนี่ย”

“เห็นไหม เธอเรียกชื่อผม” มิณทร์เล่นตามน้ำไปทันที แม้ชื่อที่ได้ยินจะรู้สึกคุ้นหูแต่บนโลกใบนี้ใครก็ชื่อติณห์กันได้ทั้งนั้น

“ค่ะ...นี่แฟนฉันเอง” ภูวษาส่งยิ้มหวานมาให้มิณทร์ที่ตอนนี้เธอมองว่าเป็นติณห์ ซึ่งรอยยิ้มนี้ของเธอมันทำให้หัวใจคนมองรู้สึกแปลกๆ หรือเขาดื่มเหล้ามากเกินไปจนสมองเพี้ยนถึงได้รู้สึกดีกับผู้หญิงตรงหน้าที่เมาจนจำผิดจำถูก

“เอ่อ...งั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า” หนุ่มนักเต้นเปลื้องผ้าเห็นท่าไม่ดีจึงต้องรีบปล่อยเป้าหมายไปก่อน จากนั้นก็เดินหายไปกับความสลัวภายในรีสอร์ต

“คุณครับ...คุณ”

“คุณติณห์ ทำไมวันนี้ถึงหล่อจังเลยคะ” ภูวษาสบตาเขาพร้อมกับจ้องมองไปที่ริมฝีปากของว่าที่สามี จู่ๆ ก็อยากจูบเขาขึ้นมาหรือเพราะเธอนั้นโหยหาสัมผัสที่ว่าจากคนรักมาตลอดสองปีกระมัง

แม้จะเคยได้ยินคำว่ารัก แม้จะเคยถูกเขากุมมือ แม้จะเคยถูกเขากอด แต่เขากลับไม่เคยหอมหรือจูบเธอเลยสักครั้ง แม้กระทั่งตอนที่ถูกเขาขอแต่งงาน

“อ้าว! คุณติณห์มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ฝากยายรินด้วยแล้วกัน เพราะดาวทั้งเพลียทั้งง่วงทั้งเมามาก ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” ราตรีรีบบอกนั่นเพราะอยากเปิดโอกาสให้เพื่อนรักได้อยู่กับติณห์ตามลำพัง อะไรๆ ที่ภูวษาอยากให้เกิดมันอาจเกิดคืนนี้ก็ได้

“เดี๋ยวครับคุณ” มิณทร์พยายามเรียกผู้หญิงคนนั้น ทว่าเธอกลับไม่แม้แต่จะหันหลังมามองด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยืนเท้าสะเอวแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ สมองกำลังคิดว่าจะจัดการกับผู้หญิงตรงหน้าดียังไงดี

แต่เสียงฟ้าร้องสลับฟ้าแลบที่เกิดขึ้นบ่งบอกว่าฝนกำลังจะตก นั่นคือตัวกระตุ้นให้มิณทร์รีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มจึงอุ้มเธอขึ้นแล้วพามาที่ห้องพักของตัวเองก่อน

ภูวษาซบใบหน้าลงไปหัวไหล่ของเขา อ้อมกอดอบอุ่นที่โหยหาทำให้เธอยังคงใจเต้นแรง ขณะนั้นก็คอยมองเสี้ยวหน้าของเขาไปด้วย ผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยอย่างนั้นเหรอ มันคงไม่ผิดหากเธอกับเขาจะวิวาห์เหาะก่อนคืนส่งตัว

ยิ่งคิดเลือดในกายของภูวษาที่เวลานี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่จำนวนมากก็สูบฉีดจนร้อนรุ่มไปหมด และเมื่อมาถึงห้องพักเธอก็มอบจูบให้เขาก่อน จูบแรกที่ภูวษาเฝ้ารอ

มิณทร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะปล่อยให้อะไรๆ มันดำเนินต่อ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีอะไรกับผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จัก

แสงแดดที่สาดส่องผ่านม่านในห้องนอนกระทบกับใบหน้าของภูวษา นั่นทำให้เธอค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นจากการนอนหลับที่กินเวลาไปหลายชั่วโมง

ภูวษานอนกะพริบตาปริบๆ ไล่อาการมึนงงที่ยังคงมีอยู่บ้าง ซึ่งมันน่าจะเป็นอาการเมาค้างเพราะเมื่อคืนเธอดื่มเหล้าไปมากทีเดียว ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องราวให้ภาพบางช่วงในหัวที่มันขาดหายไปให้สมบูรณ์

เธอเมาแต่ขณะที่รอให้ราตรีกลับมารับก็ถูกนักเต้นเปลื้องผ้าคนนั้นมาตอแย ติณห์คือพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย ชายหนุ่มมาได้ยังไงเธอก็ไม่ได้ถาม จากนั้นเขาก็อุ้มเธอมาที่ห้อง เธอจูบเขาแล้ว...ภาพมันก็ตัดไปทำไมเธอถึงจำอะไรแทบไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งความรู้สึกตอนเสียเวอร์จิ้น

เสียงน้ำที่ดังออกมาจากในห้องน้ำบ่งบอกว่าติณห์อยู่ในนั้น ภูวษาดึงผ้าห่มผืนหนาออกจากตัวแล้วก้มมองก็เห็นว่าเวลานี้ตัวเองเปลือยเปล่า ไม่มีอะไรหลงเหลือบนร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว แม้จะจำอะไรไม่ได้แต่ภาพจิตนาการในหัวมันล้ำไปไกลจนกู่ไม่กลับ นั่นทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว ขัดเขินมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

และก่อนที่ตัวจะระเบิดเพราะความเขินอายเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ภูวษามองหาที่มาของเสียงแล้วจึงเห็นกระเป๋าสะพายวางอยู่บนโซฟา หญิงสาวอยากไปรับสายแต่สภาพเปลือยเปล่าในตอนนี้ก็เป็นอุปสรรค เสื้อผ้าก็อยู่ไกลเกินเอื้อม ถ้าเดินตัวเปล่าไปตอนนี้ก็กลัวคนในห้องน้ำจะเปิดออกมาเห็น

“เอาไงดีๆ” ภูวษาถามกับตัวเอง แต่เพียงครู่เดียวก็ปิ๊งไอเดียดีๆ เธอดึงเอาผ้าห่มที่ห่มตัวเองอยู่ในตอนนี้มาคลุมตัวไว้ แล้วค่อยๆ กระโดดไปหาโทรศัพท์ทีละก้าวกระทั่งคว้ามันออกมาจากกระเป๋าได้สำเร็จ แม้จะทุลักทุเลไปหน่อยก็ตาม

และพอเห็นชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ก็ทำให้ภูวษาประหลาดใจ เพราะตอนนี้ติณห์อยู่ในห้องน้ำไม่ใช่หรือแล้วเขาโทรมาหาเธอทำไมหรือว่าอยากได้อะไร นั่นทำให้ภูวษากดรับสายเขาทันที

“ค่ะคุณติณห์”

“ตื่นแล้วหรือครับ”

“ตะ...ตื่นแล้วค่ะ” ภูวษาเอ่ยรับอายๆ แต่พอจะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้นเธอกลับเจอแต่ภาพดำๆ คล้ายจอความจำมันดับ

“จะกลับกี่โมงครับ ผมจะได้เข้าไปรับมากินข้าว”

“เอ๊ะ!” คนฟังอุทานออกมาอย่างตกใจ

“ว่าไงครับจะถึงกรุงเทพฯ ประมาณกี่โมง” ติณห์เอ่ยถามขึ้น เพราะวันนี้เขาได้รับคำสั่งจากผู้เป็นแม่ให้ไปรับภูวษา ให้ทำตัวดีๆ กับเธอ เธอจะได้รักเขาไปนานๆ

“เอ่อ...น่าจะราวๆ หกโมงเย็นค่ะ” ภูวษาเอ่ยบอกด้วยอาการมือเริ่มเย็น

“โอเค งั้นทุ่มหนึ่งผมไปรับนะครับ”

“ค่ะ”

“ว่าแต่ปาร์ตี้สละโสดสนุกหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น

“สนุกค่ะ” คำตอบดังมาจากภูวษา แต่ทว่ามือและเท้าของเธอกลับเย็นเฉียบ

“น่าเสียดาย เพราะถ้าไม่ห้ามผมคงไม่พลาดปาร์ตี้นี้ของคุณแน่”

“ตอนนี้คุณติณห์อยู่ที่ไหนหรือคะ” ขณะเอ่ยถามภูวษาก็มองไปยังห้องน้ำ จังหวะการเต้นของหัวใจเธอในตอนนี้มันไม่ปกติเพราะความกลัวเป็นเหตุ

ถ้าเกิดติณห์ตอบว่าอยู่บ้านขึ้นมาเธอจะทำยังไง

“บ้านครับ” คำตอบจากปลายสายทำให้ภูวษาสตั้นไปชั่วขณะ แล้วคนในห้องน้ำคือใคร คนเมื่อคืนที่เธอคิดว่าเขาคือติณห์เป็นใครกันหรือเธอเมาหนักจนเห็นใครก็ไม่รู้เป็นชายหนุ่มอย่างนั้นเหรอ นอกจากมองผิดแล้วเธอกับเขาคนนั้นยังมีอะไรกันอีก

ภูวษานั่งช็อกจนตัวแข็งทื่อ สมองมึนงงและใจค่อยๆ บอบช้ำกับความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิต และเมื่อรับรู้ว่าจู่ๆ ภูวษาก็เงียบไป ติณห์จึงเอ่ยถามขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณริน”

“ปะ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ไว้เจอกันตอนเย็นนะคะ” ภูวษาดึงสติกลับมาตอบ แต่ในใจนั้นบอบช้ำเกินจะเอ่ย

“ครับ” เอ่ยรับเสร็จติณห์ก็วางสายไป ส่วนภูวษากำลังช็อกและยิ่งช็อกหนักเป็นสองเท่าเมื่อหันไปเห็นประตูห้องน้ำกำลังถูกเปิดออก

ผู้ชายคนนั้นกำลังเดินออกมาโดยเขาสวมผ้าขนหนูแค่ผืนเดียวติดตัว ภูวษายังมองไม่เห็นหน้าเขาเพราะอีกฝ่ายก้มหน้าและมีผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมหัวอยู่ เขายืนเช็ดผมที่พึ่งสระให้หมาดก่อนจะเงยหน้าขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เขาและเธอสบตากัน

“คุณติณห์” ภูวษาอุทานออกมาและชื่อนี่ก็ทำให้อีกฝ่ายพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ คล้ายไม่พอใจ

“ผมชื่อมิณทร์ครับ ไม่ได้ชื่อติณห์” มิณทร์เอ่ยบอก เพราะตั้งแต่เมื่อคืนเธอก็เอาแต่เรียกเขาด้วยชื่อติณห์ตลอด จนอดคิดไม่ได้ว่าคนรักของเธอน่าจะชื่อนั้น หรือไม่เธอก็จำคนผิด

“ไม่ใช่คุณติณห์จริงๆ ด้วย” ขณะเอ่ยประโยคนี้น้ำตาของความเสียใจปนช็อกก็ไหลอาบแก้มภูวษา เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะเมาหนักถึงขั้นขาดสติมองคนผิดแล้วทำเรื่องที่ไม่ควรทำลงไป

ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีใบหน้าคล้ายกับติณห์ราวกับแกะก็ยังคงเป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี เขาไม่ใช่ติณห์และหากชายหนุ่มรู้เรื่องนี้ขึ้นมา...

เขาจะมองเธอยังไง

เขาจะยังคงรักเธออยู่อีกไหม

ภูวษาร้องไห้สะอึกสะอื้นจนมิณทร์ไม่สบายใจไปด้วยอีกคน เสียงสะอื้นไห้ของเธอมันบาดหัวใจเขา น้ำตาของเธอมันทำให้เขาหดหู่ ต่อให้ตอนนี้เธอจะไม่ได้ร้องโวยวายหรือฟูมฟาย แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญ

“คุณ...” มิณทร์ไม่มีจังหวะได้พูด เพราะคนตรงหน้ายังคงก้มหน้าร้องไห้อยู่ ท่าทางของเธอในตอนนี้ช่างแตกต่างจากแม่เสือสาวคนเมื่อคืนนัก

ตั้งแต่โตมาเขาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนหลังมีเซ็กซ์แบบนี้เหมือนกัน แม้จะเป็นเซ็กซ์แบบวันไนท์สแตนด์แต่ตื่นมาก็จบแล้วแยก ทว่าครั้งนี้กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เพราะเหมือนกับว่าผู้หญิงตรงหน้าจะจำคนผิดมองเขาเป็นอีกคนถึงปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้น รวมถึงเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนร้องไห้ไม่มีเสียงแล้วรู้สึกเจ็บเท่านี้มาก่อน

“คุณช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหม” หลังจากนั่งร้องไห้มาครู่ใหญ่ภูวษาก็เอ่ยขอขึ้น ซึ่งแต่ละคำที่พูดออกไปนั่นมันทำให้เธอเจ็บกว่าที่คิด

“อะไรนะครับ”

“ฉันอยากให้คุณช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ” ภูวษาย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นชายที่ชื่อว่ามิณทร์ด้วยดวงตาที่แดงก่ำและบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อครู่

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้” มิณทร์รับปากอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเอ่ยถามชื่อของเธอขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขาอยากรู้จักใครสักคนจริงๆ “คุณชื่ออะไร”

“ฉันขอไม่ตอบได้ไหม”

“ได้ครับ งั้นผมถามใหม่คุณหิวไหม เดี๋ยวผมออกไปสั่งอะไรให้กิน” เหตุผลที่มินทร์จะออกไปจากห้องในตอนนี้ เพียงเพราะอยากสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้อีกฝ่ายมากกว่า เพราะหากเขายังอยู่เธอก็คงยังห่อตัวในผ้าห่มแบบนั้น

“หิวค่ะ...ขอบคุณมาก” ภูวษาเอ่ยบอก มิณทร์จึงรีบแต่งตัวแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มาถือไว้ จากนั้นก็เปิดประตูออกไปจากห้องพัก ชายหนุ่มยืนพิงบานประตูครู่หนึ่งแล้วสาวท้าวเดินไปยังร้านอาหารเพื่อสั่งอาหารและกาแฟ

เมื่ออยู่ตามลำพังภูวษาก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นจากนั้นก็ปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะตัดสินใจรีบแต่งตัวเพราะอยากออกไปจากที่นี่ก่อนที่มิณทร์จะกลับมา แต่ทุกอย่างมันดูยากไปหมดเพราะแค่หยิบเสื้อผ้ามาใส่ก็กินเวลาหลายนาที นั่นอาจเพราะมือของเธอที่ทั้งสั่นและเย็นเฉียบ

กระทั่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ภูวษาก็เปิดประตูแล้วก้าวออกไปจากห้อง เป้าหมายคือห้องพักของตัวเอง เมื่อมาถึงก็ตรงเข้าห้องน้ำ ท่าทางรีบร้อนของเธอทำให้ราตรีที่นั่งเล่นโทรศัพท์รอภูวษาอยู่ในห้องถึงกับงงตามไปด้วย จึงลุกไปยืนหน้าประตูห้องน้ำแล้วเคาะสองสามครั้ง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel