บท
ตั้งค่า

4. ลบเลือน (2)

“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ! อุ๊บ! ขอพระทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“มิเป็นไร”

“ชะ เช่นนั้นลูกขอไปเก็บของมานอนที่นี่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะได้อยู่ดูแลเสด็จแม่ยามดึก” ดวงตาเล็กเปล่งประกายไปด้วยความหวัง

“อืม ไปเถิด เอาเพียงของจำเป็นก็พอ มิต้องขนมาทั้งหมด”

“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่” ว่าแล้วเด็กชายก็ก้มคำนับ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวลงศาลาไป

แม่นมซูเอ่ยพูดคุยกับหนิงจินด้วยความเอ็นดู พูดคุยแล้วพูดอีกว่าหนิงจินเหมาะจะเป็นแม่คน วันหน้าไป่เฉิงจะเติบโตเป็นองค์ชายที่ดี ทว่าพูดเรื่องผ่อนคลายกันได้ไม่กี่ประโยค เสียงประกาศการมาถึงของใครบางคน ก็ทำให้รอยยิ้มที่พึ่งจะปรากฏขึ้น เหือดหายไปในพริบตา

“ฝ่าบาทเสด็จ!”

ทั้งหนิงจิน ทั้งข้ารับใช้ที่อยู่บริเวณนั้นต่างลุกขึ้น ค้อมตัวคำนับต่อผู้มาใหม่ เพียงเห็นชายผ้า ปักลวดลายมังกรด้วยดิ้นทอง ก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้เพียงใด สองเท้าจึงขยับถอยหลัง เว้นระยะห่างจากสวามี

“นั่งเถิด”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” กายผอมนั่งลงตามรับสั่ง ใบหน้างามยังคงก้มเล็กน้อย ไม่คิดจะเงยขึ้นสบพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิ

“หมอหลวงมาตรวจแล้วใช่หรือไม่”

“เพคะ”

“อาการเป็นอย่างไร ดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่”

“เพคะ” เสียงเรียบยังคงตอบกลับด้วยคำเดิม อันที่จริงเสิ่นหนิงจินแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายกลับมาไวถึงเพียงนี้

“แล้วเป็นอันใด เหตุใดจึงก้มหน้าก้มตา เงยขึ้นมามองข้า” คิ้วศรขยับพันกัน ตามอารมณ์ของเจ้าของ

“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”

ปัง! เสียงฝ่ามือกระทบลงบนโต๊ะดังลั่นไปทั่วบริเวณ เหล่าธารกำนัลต่างก็ทรุดกายก้มหมอบอยู่กับพื้นอย่างรู้หน้าที่

“ดื้อด้านนัก ที่ตกน้ำตกท่าไปก็เพราะความดื้อด้านของเจ้า รู้ทั้งรู้ว่าตนเองว่ายน้ำไม่เป็น ยังจะลงไม่ล่องเรืออีก พานทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปกันหมด” คำตำหนิจี้จุดดำในใจของหนิงจินจนเจ็บลึก ดวงหน้างามเชิดมองใบหน้าหล่อเหลาที่เคยลุ่มหลง

เสิ่นหนิงจินมองคนที่ทำให้นางเจ็บช้ำด้วยสายตานิ่งเฉย ทว่าภายในอกกลับเดือดพล่าน ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนช่วยนาง เหตุใดต้องมายุ่ง แล้วที่เอ่ยว่าจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หมายถึงผู้ใด

หมายถึงสนมนางนั้นหรือ

“...”

“...” ในเมื่ออีกฝ่ายจ้อง หนิงจินก็ไม่คิดจะหลบ

“...”

“เฮ้อ~” ความเงียบถูกทำลายด้วยเสียงถอนหายใจของฮ่องเต้เจิ้งเฟยอวี่ สงครามนี้จึงเป็นเฟยอวี่ที่ยอมถอนสายตาของตนออกมา

แต่ถึงอย่างนั้นภายในศาลาก็ยังไร้เสียงพูดคุยตอบโต้ ต่างคนต่างหันหน้าไปคนละทาง ติดอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง บรรยากาศจึงชวนให้อึดอัดมากขึ้นไปอีก

อันที่จริงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ด้วยเพราะพี่ชายของพวกเขาเป็นสหายกัน พี่ชายของเจิ้งเฟยอวี่คือฮ่องเต้องค์ก่อน ฮ่องเต้เจิ้งฟานเฉิง และเสิ่นชุน พี่ชายของหนิงจินเป็นองครักษ์คนสนิท

ทั้งเฟยอวี่และหนิงจินต่างก็ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง แน่นอนว่าสตรีเพียงคนเดียวในกลุ่ม ย่อมเป็นแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าหนิงจินอยากได้สิ่งใดก็พากันหามาให้ ซึ่งคนที่ตามใจหนิงจินที่สุดคงหนีไม่พ้น เจิ้งเฟยอวี่ ที่บัดนั้นเป็นเพียงองค์ชาย

ทว่าหลังจากฮ่องเต้เจิ้งฟานเฉิงและเสิ่นชุนจากไป ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไปด้วย เจิ้งเฟยอวี่ต้องสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพี่ชาย ส่วนครอบครัวหนิงจินก็อย่างที่รู้ และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ย่ำแย่ลงนับตั้งแต่หนิงจินก้าวเข้าวังหลวง

ศีรษะเล็กส่ายเบาๆ ไล่ความคิดเรื่อยเปื่อย ในเมื่อยามนี้เขาลืมเรื่องทั้งหมดไปแล้ว นางก็ไม่คิดเก็บเรื่องพวกนั้นเอาไว้ มือเรียวหยิบกินขนมในจานกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งชาและขนมบนโต๊ะพร่องลงไปกว่าครึ่ง ในที่สุดเสิ่นหนิงจินก็อดทนรอไม่ไหว

“เมื่อใดฝ่าบาทจะกลับตำหนักหรือเพคะ”

“แผ่นดินนี้เป็นของข้า ที่ตรงนี้ก็เช่นกัน เจ้าถือสิทธิ์อันใดมาไล่ข้า”

“มิได้เพคะ หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้พระองค์ติดไข้จนล้มป่วย หากเป็นเช่นนั้นเหล่าสนมคงร้องไห้กันระงม ถึงครานั้นวังหลังคงต้องขุดสระเพิ่ม เพราะเกรงว่าน้ำจะท่วมพระราชวัง” ทันทีที่ได้ยินประโยคก่อกวนของหนิงจิน เจ้าแผ่นดินก็ลุกพรึบ สะบัดชายผ้าอย่างไม่พอใจ พลางเอ่ยทิ้งท้ายให้หนิงจินเจ็บใจเล่น

“เจ้าหายแล้วก็ดี รีบกลับมาทำหน้าที่ของตนเสีย ข้าเหนื่อยกับเรื่องบ้านเมือง แล้วยังต้องมาสะสางเรื่องในวังหลังอีก”

“...”

“เจ้าอยากได้มิใช่หรือตำแหน่งฮองเฮา ได้มาแล้วก็ทำให้หน้าที่ให้ดีเสีย”

เสิ่นหนิงจินอารมณ์เสียกับคำสั่งของสวามี เรื่องในวังหลังของตนเองแท้ๆ ยังจะให้คนอื่นช่วยจัดการ มีหน้ามากล่าวค่อนแคะนางอีก

สนมพวกนั้นก็เต็มที อยู่ดีๆ กันไม่ได้เลยหรือไร

บ่นไปเพียงไม่กี่วัน ก็เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง หลังจากที่อาการดีขึ้น ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ ก็มีเรื่องให้น่าปวดหัวเข้ามาทันที

“ฮองเฮา! ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel