บท
ตั้งค่า

5. อำนาจในมือ (1)

‘ข้าเป็นฮองเฮา ใยข้าต้องหวาดกลัวต่ออำนาจสนมเช่นพวกเจ้า’

.

.

.

เสียงเอะอะโวยวายดังครึกโครมมาแต่ไกล ย้ำเตือนว่าเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้นดังที่ขันทีในตำหนักวิ่งมาแจ้ง ทว่าสตรีในชุดโดดเด่นสมฐานะกลับไม่คิดจะรีบเร่ง เยื้องย่างราวกับเดินชมสวนดอกไม้ ข้างกายมีโอรสนอกสายเลือดจับจูงมือมาด้วยอีกคน

“เสด็จแม่อย่าไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ลูกได้ยินเสียงข้าวของแตก เกรงว่าเสด็จแม่จะได้รับอันตรายไปด้วย”

“องค์ชายอย่าได้กังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะดูแลฮองเฮากับองค์ชายเป็นอย่างดี”

“เจ้าตัวคนเดียว จะสู้กับคนมากมายได้อย่างไร ฟังจากเสียงแล้วน่ากลัวนัก”

“เชื่อเต๋อคุนเถิด เขาเก่งกาจเรื่องนี้” หนิงจินลูบศีรษะ ปลอบเด็กชาย อันที่จริงนางก็ไม่คิดจะพาเด็กชายมาดูเรื่องไร้แก่สารพวกนี้ ทว่าไป่เฉิงกลับไม่ยอม ร้องจะมาด้วยให้จนได้

ดูเหมือนว่าหลายวันที่อยู่ด้วยกัน เด็กชายจะเริ่มจะสนิทใจกับนางมากขึ้น เดี๋ยวนี้กล้าพูด กล้าถาม ทั้งยังกล้าต่อล้อต่อเถียง เมื่อครู่ก็พึ่งขู่นางมาว่าหากไม่พาตนเองมาด้วยจะนำเรื่องไปบอกบิดา หนิงจินจึงต้องพามา

“กรี๊ด! ปล่อยข้านะ” เสียงของสนมขั้นเฟย เซี่ยเจียวมี่ ดังลั่นไปทั่วบริเวณ ภาพสองสตรีกำลังดึงทึ้งเส้นผมกันจนยุ่งเหยิง ปรากฏต่อหน้าคนในตำหนักกวนผิง

ขนาดผู้ที่พึ่งเข้ามาอยู่ในวังอย่างแม่นมซู ยังส่ายหัวให้กับภาพตรงหน้า หากนางกำนัลอาวุโสตำหนักไทเฮามาพบเห็นเข้า มีหวังคงเป็นลมล้มพับเป็นแน่

เพราะสนมที่ผ่านการคัดเลือกล้วนเป็นนางกำนัลอาวุโสเหล่านั้นที่สอนงาน สนมของฮ่องเต้เจิ้งเฟยอวี่ก็เช่นกัน

ในรัชสมัยของฮ่องเต้เจิ้งเฟยอวี่มีสนมอยู่ไม่มาก เนื่องด้วยพึ่งครองบัลลังก์ได้เพียงห้าปี อีกทั้งฝ่าบาทมีราชกิจมากมายที่ต้องทำ

วังหลังจึงมีฮองเฮาเสิ่นหนิงจิน สนมขึ้นกุ้ยเฟยสองนาง คือซ่งรั่วซี องค์หญิงจากแคว้นซ่ง และเจียงลี่จู บุตรีของอัครมหาเสนาบดีเจียงไห่จง ส่วนสนมขั้นเฟยมีอีกสามนาง คือเติ้งซูหลิน หลานสาวแม่ทัพใหญ่ เติ้งห่าวหรง คนที่สอง เซี่ยเจียวมี่บรรณาการจากชนเผ่าแถบชายแดน และคนสุดท้าย เกาอันฝู เป็นสนมนางเดียวที่องค์ฮ่องเต้พาเข้าวังด้วยองค์เอง เป็นนางเดียวที่มีทายาทให้ฝ่าบาทนั่นก็คือ องค์ชายไป่เฉิง

ข้ารับใช้ในวังต่างรู้ดีว่าสนมเกาเป็นสนมรัก หากยังมีชีวิตอยู่ คงได้เลื่อนขั้นเป็นถึงหวงกุ้ยเฟย แต่น่าเสียดายที่นางร่างกายอ่อนแอ หลังจากที่คลอดองค์ชายได้ไม่นานก็สิ้นลม

“ฮองเฮาเสด็จ! ฮองเฮาเสด็จ!!” ขันทีฟ่งหนานตะโกนอยู่สองสามรอบ เหล่าธารกำนัลของสองตำหนักที่ทะเลาะตบตีกันอยู่หยุดชะงัก ทรุดกายลงก้มหมอบกับพื้น จะมีก็แต่นายเหนือหัวที่ยังไม่ยอมหยุด ทั้งที่รู้ว่าเสิ่นหนิงจินเดินมาถึงศาลาแล้ว

ผู้คนในวังหลังรู้ดีว่านอกจากสนมเติ้งซูหลิน ไม่มีสนมนางใดยำเกรงต่อองค์ฮองเฮา หนึ่งคงเพราะฝ่าบาทมิใคร่จะใส่ฮองเฮา สองคงเพราะก่อนหน้าพระนางปฏิบัติต่อทุกคนดีจนไม่มีผู้ใดยำเกรง

“เต๋อคุน ไปเอาน้ำมาสาดสุนัขกัดกันเสียหน่อยเถิด” เสิ่นหนิงจินหันไปสั่งด้วยใบหน้ายิ้มๆ เรื่องที่สตรีพวกนั้นมิเกรงกลัวนาง ต้องโทษที่ก่อนหน้าหนิงจินมีอำนาจในมือแต่กลับใช้ไม่เป็น

วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดี ปรับเปลี่ยนทุกอย่างเสียใหม่

ซ่า~ กรี๊ด!!! เสียงแหลมสอดประสานเข้ากันอย่างลงตัว การกระทำราวสุนัขกัดกันแย่งอาหารสิ้นสุดลงทันทีที่น้ำเย็นเฉียบจากสระหลวง ชโลมไปทั่วร่างของสนมทั้งสอง

“นะ นี่พระนางทำสิ่ง ชุดหม่อมฉันเปียกไปหมด” เจียงลี่จูปาดน้ำออกจากหน้างาม ไม่ต่างกันกับเซี่ยเจียวมี่ที่ตะคอกออกมาอย่างไร้ความยำเกรง คงคิดว่าตนเองเป็นสนมรักที่ฝ่าบาทแวะเวียนไปหาบ่อยครั้ง

“วิปลาสไปแล้วหรือ!”

หนิงจินกระตุกยิ้มออกมาด้วยแววตาแข็งกระด้าง หากเป็นก่อนหน้านางคงคิดถึงหน้าสวามี กดความโมโหของตนเองไว้ และจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

ทว่ายามนี้นางไม่คิดจะทำเช่นนั้น

“เสี่ยวไป่ แม่จะสอนเจ้า”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“คนเราควรรู้ฐานะของตนเอง อยู่สูง แต่ใช้ชีวิตไร้ค่าไร้ราคาเป็นเรื่องไม่ควร อยู่ต่ำ จะปฏิบัติตนสูงเสียดฟ้าก็ใช่เหตุ ต้องตระหนักอยู่ทุกลมหายใจว่าตนเป็นหงส์หรือเป็นเพียงกาที่เสาะหาสีขาวมาแตะแต้มตนเอง” ว่าแล้ว ตากลมก็เหลือบไปมองขันทีฟ่งหนาน อีกฝ่ายก็รู้งาน สั่งให้คนจับสองสนมนั่งคุกเข่าลงกับพื้น

การกระทำไร้ซึ่งความอ่อนโยน ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกใจกับการกระทำของเสิ่นฮองเฮา คงเพราะไม่เคยเห็นพระนางเป็นเช่นนี้มาก่อน

เสิ่นหนิงจินเดินสำรวจภายในศาลา พบว่าข้าวของประดับตกแต่ง ทั้งฉากกั้นที่วาดโดยจิตกรชื่อดังของแคว้น แจกันเคลือบหลายใบที่มีมูลค่าหลายตำลึงทอง ล้วนแตกหักด้วยน้ำมือของคนพวกนี้

“เรื่องเป็นมาอย่างไร”

“นางสาปแช่งหม่อมฉันก่อน” เซี่ยเจียวมี่เชิดหน้าไปมองคนข้างๆ

“นางต่างหากที่ลงมือกับหม่อมฉันก่อน เป็นเพียงเฟย กลับกล้าถกเถียงสนมขั้นกุ้ยเฟยอย่างหม่อมฉัน หากฮองเฮาจะตัดสินโทษก็ควรคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน มิเช่นนั้นผู้ที่จะลำบากอาจมิใช่พวกข้า” ใบหน้าแดงช้ำจากการตบตีเงยขึ้นมองมารดาแผ่นดิน นางเป็นกุ้ยเฟย สูงกว่าเซี่ยเจียวมี่หนึ่งขั้น ทั้งยังเป็นบุตรสาวคนเล็กของอัครมหาเสนาบดี

จะทำสิ่งใดก็ควรตรึกตรองให้ดีเสียก่อน

“หึ...ข้าเป็นฮองเฮา เหตุใดข้าต้องหวาดกลัวต่ออำนาจอันน้อยนิดของสนมเช่นพวกเจ้า!”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel