5 คุณหนูจวนโหว
วันนี้เป็นวันสำคัญของแม่ทัพเฉา แม่ทัพหนุ่มอายุน้อยเพิ่งกลับมาจากชายแดน คนผู้นั้นห้าวหาญเกรียงไกร สงครามครั้งนี้นอกจากปกป้องดินแดนแล้ว ยังสร้างความดีความชอบ อย่างการที่สามารถนำเชื้อพระวงศ์จากชางอู่มาเป็นตัวประกัน
กองทัพเฉาตั้งค่ายอยู่นอกเมืองสองวัน วันนี้เป็นกำหนดการกลับเข้าเมืองเพื่อเฉลิมฉลอง นอกจากเป็นจอมทัพผู้เกรียงไกรแล้ว เฉาเสวียนอวี้ยังมีศักดิ์เป็นหลานชายแท้ ๆ ของฮองเฮา หล่อเหลา มีสถานะสูงส่ง สง่างาม อีกทั้งยังสร้างชื่อเสียง ย่อมตกเป็นที่หมายปองของสตรีทั้งเมืองหลวง จึงมิแปลกเลยที่บนท้องถนนในเวลานี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
สตรีน้อยใหญ่ล้วนแต่งตัวอย่างงดงาม เพื่อหวังว่าจะเป็นที่สะดุดตาของชายหนุ่ม ถนนหน้าจวนโหวเป็นถนนเส้นหลักที่ขบวนของกองทัพมีกำหนดผ่าน จี้หานเยี่ยนที่เวลานี้ได้ขึ้นเป็นฮูหยินเอก สั่งให้บ่าวไพร่จัดเตรียมสถานที่เอาไว้เช่นเดียวกัน
นางมีบุตรสาวที่อายุห่างจากเฮ่อฟู่หลิงเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีบุตรสาวของซื่อหลิวฟางที่อายุไล่เลี่ยกัน น่าเสียดายที่หลังจากนั้นพวกนางก็มิได้คลอดบุตรชายหญิงให้กับจวนโหวอีก
จี้หานเยี่ยนเดินนำหน้า เฮ่อหยวนฮวาเดินตามหลัง เยื้องย่างเชื่องช้ากิริยางดงามสมกับเป็นกุลสตรี นางแต่งกายด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์ เส้นผมบนศีรษะถูกจัดแต่งด้วยทรงเรียบง่าย ประดับด้วยปิ่นมุกเพียงไม่กี่ชิ้น
ทันทีที่นางปรากฏตัว ผู้คนต่างก็จ้องมองนาง ชายหนุ่มหลายคนหยุดนิ่ง แทบจะลืมหายใจ นอกจากรอชื่นชมยินดีกับกองทัพแม่ทัพเฉาแล้ว การได้พบหน้าธิดาทั้งสามของจวนโหว ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเช่นกัน มีข่าวลือออกมาไม่ขาดสายว่าพวกนางล้วนแล้วแต่เป็นหญิงงาม
หลังจากฮูหยินใหญ่จี้หานเยี่ยน ก็เป็นซื่อหลิวฟางและบุตรสาวคนเล็กสุดที่เดินตามกันมาติด ๆ น่าเสียดายที่คุณหนูสามนั้น มิได้งดงามตามคำร่ำลือเหมือนกับพี่สาวทั้งสอง เมื่อปรากฏตัวจึงมิได้ดึงดูดสายตาของผู้ใด
เวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง สตรีสวมชุดสีม่วงก็ปรากฏตัว
บรรยากาศรอบด้านที่อื้ออึง ครึกครื้น เงียบสงบลงในบัดดล เฮ่อฟู่หลิงยืดตัวขึ้นเล็กน้อย มองไปยังอนุภรรยาทั้งสองของบิดา ด้วยสายตาอย่างผู้ชนะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่แต้มชาดสีแดงเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปยังที่นั่งที่ควรเป็นของจี้หานเยี่ยน โดยมิได้สนว่าพวกนางจะมองตนเช่นไร
“คุณหนูใหญ่ นั่นเป็นที่นั่งของฮูหยินนะเจ้าคะ” หญิงรับใช้ของจี้หานเยี่ยนรีบเดินเข้าไปห้ามปราม
เฮ่อฟู่หลิงมิได้สนใจสิ่งที่หญิงรับใช้ของจี้หานเยี่ยนกล่าว
“ตรงนั้น... ให้เจ้านายของเจ้าไปนั่งตรงนั้นสิ” หญิงสาวผายมือไปยังที่นั่งรองที่อยู่ถัดออกไปไม่ห่างกันนัก
“แต่... ที่ตรงนั้นพวกบ่าวจัดเอาไว้ให้ฮูหยินนี่เจ้าคะ” นางยังคงยืนกราน จะเป็นไปได้อย่างไรให้ผู้อาวุโสกว่า ไปนั่งที่นั่งรอง
เฮ่อหยวนฮวาพ่นลมหายใจออกมาอย่างพยายามสงบสติอารมณ์
“ท่านแม่... เราสองคนไปนั่งตรงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” นางไม่อยากให้เกิดการโต้เถียงกันตรงนี้ เพราะรู้นิสัยของพี่สาวของนางคนนี้ดี หากนางอยากได้สิ่งใดนางก็ต้องได้
“น้องรองฉลาดนัก รู้ว่าอะไรควรอะไรมิควร” เฮ่อฟู่หลิงพึงพอใจก่อนจะหันขวับไปหาหญิงรับใช้ตัวต้นเรื่อง “ส่วนเจ้า... ไว้รอ... ให้จบงานนี้ก่อน”
พอรู้ว่าจะต้องถูกลงโทษนางก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูใหญ่ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าผิดไปแล้ว คุณหนูใหญ่โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยนะเจ้าคะ” เสียงโวยวายขอรับผิดของหญิงรับใช้ค่อนข้างดัง ดึงดูดให้ผู้คนหันกลับมาสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าจวนโหวอีกครั้งหนึ่ง
นางยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งดังขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ขบวนของเฉาเสวียนอวี้ก็ปรากฏตัว พร้อมกับเคลื่อนที่เข้ามาใกล้กับจุดที่เฮ่อฟู่หลิงและคนอื่น ๆ อยู่ มากขึ้นเรื่อย ๆ
“หุบปากเดี๋ยวนี้” เฮ่อฟู่หลิงกำหมัดแน่น เพราะหากนางยังโวยวายไม่หยุดเช่นนี้ ภาพลักษณ์ของนางเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ทัพเฉาย่อมเสียหาย
ไม่ใช่แค่เฮ่อฟู่หลิงเท่านั้นที่รู้ว่าเฉาเสวียนอวี้กำลังใกล้เข้ามา เฮ่อหยวนฮวาเองก็เห็นเช่นกัน นางเห็น ท่าไม่ดี รีบวิ่งไปคุกเข่ากอดหญิงรับใช้ของมารดาเอาไว้อย่างปกป้อง
“พี่ใหญ่... อย่าลงโทษเสี่ยวเหวินเลยนะเจ้าคะ ฮึก...” ไม่ได้พูดจาขอร้องเท่านั้น แต่นางยังบีบน้ำตา “พี่ใหญ่... ฮึก... ได้โปรดนะเจ้าคะ เสี่ยวเหวินนางไม่ได้ตั้งใจ นางเป็นเพียงหญิงรับใช้เท่านั้น ที่บ้านมีน้องชายตาบอดและแม่ที่ป่วยหนัก หากท่านลงโทษนางเหมือนกับที่ทำกับบ่าวไพร่คนอื่น ๆ คนที่บ้านของนางจะเป็นเช่นไร” เฮ่อหยวนฮวาจงใจกล่าวเสียงดัง มันดังเพียงพอที่จะให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบ ใกล้ ๆ กันได้ยินว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชาวบ้านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับแม่ทัพเฉาเลิกให้ความสนใจขบวนที่กำลังผ่านมาทางนี้ น้ำตาของหญิงงามเรียกร้องความสงสารของผู้คนได้เป็นอย่างดี
“ข้าทำอะไร... ข้าทำอะไรนางหรือยัง” เฮ่อฟู่หลิงแค่บอกว่าจะคิดบัญชีเท่านั้น อย่างมากแค่สั่งให้ไปอยู่ห้องซักล้าง ไม่ก็โบยสักสิบที บ่าวรับใช้ที่กล้าเหิมเกริมกับเจ้านาย มิสมควรถูกลงโทษอย่างนั้นหรือ? หญิงสาวควบคุมโทสะของตัวเองไม่ได้แล้ว เผลอตัวแผดเสียงดังใส่พวกนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร
“พี่ใหญ่ ได้โปรดยกโทษให้เสี่ยวเหวินด้วยนะเจ้าคะ” เฮ่อหยวนฮวา คราวนี้ร้องไห้กระซิกเสียงดังยิ่งกว่าเดิม นอกจากกอดหญิงรับใช้เอาไว้แล้ว นางยังแสดงท่าทางอ่อนแอออกมา ค่อย ๆ คลานเข่าเคลื่อนตัวไปอยู่ต่อหน้าพี่สาวของตนเอง
ใครเห็นก็เวทนา ข่าวลือที่ว่าคุณหนูฟู่หลิงเป็นสตรีร้ายกาจเห็นจะจริง นอกจากเรื่องความงดงามแล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นที่กล่าวถึง นั่นก็คือนิสัยร้ายกาจของนางนั่นเอง ที่ว่าตบตีบ่าวไพร่ เอาแต่ใจตนเอง ข่มเหงพี่น้องและแม่เลี้ยง เป็นอันว่าทุกคนนั้นได้เห็นการกระทำเหล่านั้นด้วยตาของตนเอง
หากเปรียบคุณหนูรองว่าเป็นผู้จิตใจดีมีเมตตา ประดุจดั่งโพธิสัตว์ คุณหนูใหญ่ก็คงจะเป็น... นางมารชั่วร้าย...
