บท
ตั้งค่า

3 อย่าไว้ใจใคร

เฮ่อฟู่หลิงรีบกลับมาจากวังหลวงทันทีที่ได้ยินว่าท่านแม่ของนางกำลังป่วยหนัก นางถูกสั่งให้เข้าวังไปเมื่อปีก่อน เป็นเหตุผลที่ตัวของฟู่หลิง บิดาของนางหรือท่านแม่มิอาจปฏิเสธได้ อีกทั้งการเข้าวังของนางนั้นยังเกิดจากพระกระแสรับสั่งของฮองเฮาหมิงหวัง โดยบอกว่าจะรับนางเข้าไปเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีในวังหลวง

คราแรกนางก็มิได้อยากไปเพราะช่วงหลัง ๆ มานี้ร่างกายของท่านแม่ย่ำแย่ลงไปทุกที จากสตรีที่เคยแข็งแรง กลายเป็นคนที่ไม่สามารถก้าวขาออกไปไหนได้

เมื่อรับรู้ข่าวว่าท่านแม่ป่วยหนักอาจจะอยู่ได้อีกไม่ถึงสามเดือน เฮ่อฟู่หลิงก็รีบทูลขอร้องให้พวกเขาส่งนางออกจากวัง แน่นอนว่าเสด็จน้าฮองเฮาที่ใจดีรับปากนางในทันที

“องค์หญิงป่วยหนักงั้นเหรอ”

“เพคะ เสด็จน้า... ให้หม่อมฉันออกจากวังหลวงเถิดนะเพคะ หม่อมฉันจะกลับไปดูแลนาง”

ฟู่หลิงคุกเข่าอ้อนวอน และแล้วในที่สุดก็ได้รับพระกรุณา

เมื่อมาถึงเรือนร้อยดอกไม้ของมารดา นางเห็นบิดานั่งกุมมือท่านแม่อยู่ เช่นนั้นก็รีบวิ่งเอาตัวเข้าไปแทรก แต่เขากลับยืนหยัดอยู่เช่นนั้นไม่ยอมปล่อยมือ นางอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น มีหรือจะสู้แรงบุรุษเช่นบิดาของนางได้

“เหตุใดจึงไม่ทักทาย” เฮ่อป๋อเหยียนขมวดคิ้ว นางมาแล้วก็วิ่งเข้ามาแทรกตัว ไม่มีมารยาทเลยจริง ๆ องค์หญิงมิใช่คนที่จะไม่สอนเรื่องพวกนี้ให้กับบุตรสาวของตนเอง นี่ย่อมเป็นความคิดความอ่านของเด็กคนนี้อย่างแน่นอน

แค่หน้าของเขา นางยังไม่อยากจะมอง คิดหรือว่านางอยากจะทักทาย ในเมื่อเขาไม่หลีกทาง นางจึงคุกเข่า เอาหน้าสอดแทรกเข้าไปพบหน้ามารดาของตนเอง

“ท่านแม่ หลิงเอ๋อมาแล้วเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรีบแทรกมือเข้าไปอยู่ระหว่างมือของท่านแม่และท่านพ่อ หวังจะให้ท่านพ่อของนางขยับถอยออกไป แต่ไม่เลย เขาไม่ถอย แต่กระนั้นเขาก็ยังเหลือที่ว่างให้นางนิดหนึ่งพอจะแทรกมือเล็ก ๆ ของนางเข้าไปได้ แล้วกระชับมือนางและท่านแม่เอาไว้แน่น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นางก็ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน

“หลิงเอ๋องั้นเหรอ” อันหนิงลืมตาขึ้นมาพบใบหน้าของบุตรสาว น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง

“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว ท่านต้องหายดี” เฮ่อฟู่หลิงฝืนยิ้ม นางไม่ต้องการให้มารดาของตนเองเห็นน้ำตา

“ไปอยู่ในวังหลวงเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาใจดีกับเจ้าหรือเปล่า” นางห่วงเหลือเกิน ห่วงบุตรสาวของนางเหลือเกิน ก็ได้แต่หวังว่าสามีจะทำตามที่เขารับปากกับนางเอาไว้

“ดีเจ้าค่ะ เสด็จน้าฮ่องเต้ กับเสด็จน้าฮองเฮาดีกับข้ามาก ๆ ท่านแม่... ดูเสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่สิเจ้าคะ ท่านน้าทั้งสอง ได้พวกมันมาจากชางอู่ มีอยู่เพียงไม่กี่พับพวกเขายกให้ข้าหมดเลย ข้าตั้งใจจะเก็บมันเอาไว้ รอวันที่ท่านเดินเหินได้สะดวก ท่านใช้สีชมพู ข้าใช้สีฟ้า เมื่ออยู่รวมกันต้องสวยมากแน่ ๆ” ฟู่หลิงพูดออกไปตามความรู้สึกของนาง สิ่งเดียวที่เด็กหญิงรู้ในตอนนี้นั่นก็คือ พวกเขาใจดี พวกเขาอยู่ข้างนาง และไม่ได้หวังร้าย แตกต่างจากสิ่งที่มารดาเคยพร่ำสอนเหลือเกิน

“เหอะ!!” องค์หญิงอันหนิงแค่นหัวเราะ การกระทำของคนพวกนั้นมีหรือจะไม่แอบแฝงและเต็มไปด้วยผลประโยชน์ นางไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาหวังดีต่อบุตรสาวของนางอย่างจริงใจ

อันหนิงรู้ตัวเองดีว่าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว คนป่วยเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าสามีของตนเอง

“ท่านโหว... ท่านออกไปก่อนได้หรือไม่ ขอข้าคุยกับนางตามลำพัง”

เขาไม่อยากถอยออกไป อยากอยู่เคียงข้างนางให้ถึงที่สุด แต่ในเมื่อเป็นความปรารถนาของนาง เขาจะทำสิ่งใดได้

“ได้ ข้าจะไปรอข้างนอก” เฮ่อป๋อเหยียนจำต้องปล่อยมือภรรยา แล้วหันหลังถอยกลับออกไป

เมื่อประตูห้องปิดลงแนบสนิท องค์หญิงอันหนิงนั้นมีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกให้นางรับรู้เอาไว้

“หลิงเอ๋อ... เจ้าชอบพวกเสด็จน้าของเจ้ามากหรือไม่” ผู้เป็นมารดาถามซ้ำอีกครั้งอย่างเป็นกังวล

“ชอบเจ้าค่ะ เสด็จน้าฮ่องเต้ชอบเล่าเรื่องของพระองค์กับท่านแม่เมื่อครั้งยังเด็กให้หม่อมฉันฟังอยู่บ่อย ๆ” เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นดวงตาของเด็กหญิงก็เป็นประกาย

ในหัวของน้องชาย มีหรือพี่สาวที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเยาว์เช่นนาง จะไม่รู้ว่าเขานั้นคิดอย่างไร คนพวกนั้นกำลังใช้แผนซื้อใจ บุตรสาวของนาง และสุดท้ายแล้วก็จะลงมือกำจัดนางในภายหลัง ฟู่หลิงน้อยของนาง หน้าตางดงาม เมื่อเติบโตขึ้นสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเขาแน่ไม่มากก็น้อย

“หลิงเอ๋อ... เด็กดีของแม่ ฟังแม่ให้ดี อย่าไว้ใจใครทั้งนั้น อย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ ในทันที ให้เจ้าสังเกตพวกเขาด้วยตาของตัวเอง เสด็จน้าของเจ้าทั้งสองพระองค์อาจจะไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เจ้าคิด” องค์หญิงอันหนิงพักเหนื่อยแล้วเริ่มพูดต่อ “ระวังตัวเอาไว้เถิดเด็กดี แม้กระทั่งท่านพ่อของเจ้า เขาก็มิอาจไว้ใจได้ เจ้าเป็นคนเก่ง ฉลาดเฉลียว มีพรสวรรค์ เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ได้รวดเร็ว น่าเสียดาย... ที่แม่ยังสอนเพลงกู่ฉินให้เจ้าได้ไม่ครบ น่าเสียดายจริง ๆ”

“ท่านแม่อย่าพูดเช่นนั้น พักผ่อนสักสี่ห้าวัน ท่านก็ลุกขึ้นมาสอนหนังสือข้าได้อยู่แล้ว ท่านรู้ไหมว่าเวลานี้ข้าคัดอักษรได้สวยมาก วาดรูปก็งดงาม ร่ายรำก็ได้ คุณธรรมสำหรับสตรีข้าก็เรียนรู้ทั้งหมดแล้ว ที่ท่านเป็นคนพร่ำสอนข้า ข้านั้นล้วนแตกฉาน เหลือแค่เพียงเพลงกู่ฉินเท่านั้น... ท่านแม่... ท่านต้องสอนข้านะเจ้าคะ ยังมีอีกหลายเรื่องให้ข้าต้องเรียนรู้จากท่าน” เด็กหญิงบอกกับมารดา

“มีอีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี” องค์หญิงอันหนิงบอกแก่บุตรสาว “เจ้าจงจดจำกลอนบทนี้เอาไว้ให้ดี วันข้างหน้ามันจะมีประโยชน์แก่เจ้า

ลมวสันต์หวนพัด...นำพาสัญญา

เสียงกระดิ่งแว่วมา...จากแดนไกล

ปลุกเหล่าปักษา...ที่เคยพลัดไป

ให้หวนคืนรังใจ...ใต้ปีกหงส์ทอง

“เจ้าค่ะ ข้าจะจดจำมันเอาไว้” แม้นจะไม่เข้าใจความหมายของกลอนบทนี้ แต่นางก็จดจำถ้อยคำเหล่านั้นเอาไว้เป็นอย่างดี

“เสียดาย... เสียดายเหลือเกิน” องค์หญิงเองก็อยากมีชีวิตอยู่ให้นานกว่านี้ เท่าที่ตัวเองนั้นจะทำได้ แต่เวลาชีวิตของนางเหลือน้อยเต็มที “ไปเรียกพ่อเจ้าเข้ามาหาแม่ได้หรือไม่”

“...” แม้จะไม่ชอบใจที่ท่านแม่เรียกหาเขา แต่กระนั้นนางก็ จำยอมไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาด้านใน

เขายืนอยู่หน้าห้อง แผ่นหลังเหยียดตรง นางเพิ่งจะเห็นว่าปีนี้เขามีเส้นผมสีขาวแซมอยู่บนศีรษะ เหมือนจะเตี้ยลงด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ท่านพ่อ... ท่านแม่ให้ท่านเข้าไปพบนางเจ้าค่ะ”

‘ท่านพ่อ’ นานมากแล้วที่นางไม่เรียกเขาเช่นนี้

เฮ่อป๋อเหยียนไม่รีรอ รีบเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว โดยมีเด็กหญิงเดินตามหลังเข้าไป ท่านพ่อทำร้ายท่านแม่ถึงเพียงนี้ เหตุใดนางจึงยังปักใจรักเขาไม่เสื่อมคลาย เพราะเหตุใดกันเล่า สิ่งที่มารดาแสดงออกนั้นเหมือนคนไม่ได้รักกัน แต่นางเป็นบุตรสาว อยู่ใกล้ชิดกับท่านแม่ที่สุด มีหรือจะไม่รู้ว่าในใจของนางนั้นคิดสิ่งใด

“ประคองข้าขึ้นนั่งที” อันหนิงบอกกับสามี

“ได้สิ...ให้ข้าหวีผมให้เจ้าได้หรือไม่” เฮ่อป๋อเหยียนมองไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง เขาจะลุกไปหยิบแต่ ฟู่หลิงมองเหมือนรู้ความคิด นางรีบวิ่งไปหยิบหวีแต่งผมที่วางอยู่หน้ากระจกอย่างรวดเร็ว

“ท่านหวีผมไม่ได้เรื่อง...”

“ข้าจะพยายาม” เฮ่อป๋อเหยียน ประคองนางไว้แนบอกของตนเองแล้วบรรจงหวีผมให้นางอย่างอ่อนโยน

ผู้เป็นบุตรสาวนั่งอยู่ปลายเตียงฝืนยิ้มแจ่มใสออกไป

“เรื่องที่ข้าขอร้องท่านเอาไว้ ท่านรับปากแล้วนะ” นางขอร้องให้เขาใจดีกับบุตรสาว สักหน่อย ตามใจนางบ้าง และปกป้องนางเท่าที่จะทำได้ เขารับปากนางแล้ว แต่นางยังไม่มั่นใจจึงถามย้ำอีกครั้ง

“รับปาก... ข้ารับปากอยู่แล้ว สิ่งที่เจ้าขอร้องมาทั้งหมด ข้ารับปาก”

“งั้นก็ดี... ดีมากแล้ว” อันหนิงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อกระซิบกับเขา “อาเยี่ยน... ข้ารักท่าน... ข้าไม่เคยไม่รักท่าน แต่กับเรื่องที่ผ่านมานั้น... ข้าไม่มีวันให้อภัยท่าน เราสองคนอย่าได้พบกันอีกเลย...”

“...” เฮ่อป๋อเหยียนพูดไม่ออก คำว่ารักจากปากของนางเขารอมันมานานเหลือเกิน ผ่านมาครึ่งค่อนชีวิตกว่าจะได้ยินคำนั้น นางก็เป็นเช่นนี้ มีวิธีการทำให้เขาทรมาน ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย

“...” พวกเขากระซิบกัน ฟู่หลิงไม่ได้ยิน

“แม่รักเจ้านะหลิงเอ๋อ...”

มือขององค์หญิงอันหนิงที่จับกับมือของเฮ่อป๋อเหยียนค่อย ๆ อ่อนแรงและทิ้งตัวลง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel