บทที่ 4 ข้าสัญญา..
บทที่ 4 ข้าสัญญา..
[ไอ้ทิ ถ้ามีอะไรน่าสงสัยให้แจ้งความแล้วติดต่อมาทันทีเข้าใจไหม]
"เข้าใจแล้ว"
[อย่าไว้ใจ ยัยนั่นอาจวางแผนเพื่อเข้าหาพวกเราก็ได้]
"วางแผน? ถึงขนาดไม่ยอมไปทำบัตรประชาชนใหม่ ทั้งที่ตัวเองอายุยี่สิบแล้วเนี่ยนะ"
[ก็ทุกอย่างมันดูน่าสงสัยไปหมด กลับไปก็คงต้องให้คนไปสืบประวัติดู]
ทิวากรในตอนนี้กำลังคุยโทรศัพท์กับธนาที่กำลังตักเตือนเขาเรื่องที่พาลูกจันทร์กลับมาด้วย ความจริงเขาวางแผนที่จะนั่งเครื่องบินกลับเพื่อลดระยะเวลาเดินทาง แต่ปัญหาอยู่ที่ลูกจันทร์ บัตรประชาชนมีปัญหา แม้เธออายุยี่สิบแล้วบัตรประชาชนของเธอยังเป็นเด็กหญิงอยู่เลย ทำให้ธนาและหยกที่มีธุระด่วนต้องบินกลับไปก่อน ส่วนเขาต้องอยู่จัดการเรื่องเอกสารกับเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
ลูกจันทร์ที่ใช้ชีวิตมาหลายร้อยปีในตอนนี้กำลังท้อแท้กับชีวิต ดวงตาคู่สวยมองอาหารที่อยู่ตรงหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะเป็นวิญญาณมานานสินะ เลยไม่รู้ว่าไอ้ชิ้นเนื้อที่ทิวากรเรียกว่าสเต๊กมันกินยังไง
"แม่ครูเรียกข้าหรือ"
"ไอ้สินมึงรู้หรือไม่ว่าไอ้นี่มันกินยังไง"
ลูกจันทร์พึมพำเบา ๆ ดวงตาจ้องมองไปหาทิวากรที่ออกไปคุยสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์อยู่นอกร้านกำลังเดินเข้ามาด้านใน สำหรับนางต่อให้ตอนนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแค่ไหน นางก็พร้อมที่จะเรียนรู้ขอเพียงได้อยู่กับเขาเช่นนี้
"จันทร์ทำไมยังไม่กินครับ ไม่ชอบเหรอ"
"คุณทิคือว่าจันทร์ไม่รู้ว่าต้องกินยังไง" ลูกจันทร์พูดออกมาด้วยท่าทางเขินอาย
ทิวากรที่เห็นเช่นนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา แววตาที่จับจ้องคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดู นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่เขาเป็นคนสอนใครสักคนกินสเต๊ก พอได้เห็นท่าทางเงอะงะที่พยายามเชื่อฟังทำตามที่เขาสอนก็อดยิ้มตามไม่ได้
น่ารัก...คำนี้หรือเปล่าที่บรรยายท่าทางคนตรงหน้าตอนนี้ได้
"คุณทิหั่นสเต๊กเก่งมากเลยค่ะ"
ลูกจันทร์พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แววตาของเธอที่มองตรงหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมและเทิดทูน สำหรับเธอไม่ว่าทิวากรจะทำอะไรล้วนเก่งและยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว
คนที่ถูกชมว่าหั่นสเต๊กเก่งตอนนี้คลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แม้จะไม่ได้คิดว่าตัวเขาจะได้รับคำชมเพียงเพราะการหันสเต๊กก็ตาม ทิวากรจับจ้องคนตรงหน้าที่กำลังนั่งส่งยิ้มให้เขา
ทุกครั้งที่มองหน้าลูกจันทร์ไม่รู้ทำไมต้องมีความรู้สึกผิด ราวกับต่อให้ชดใช้ด้วยเงินทั้งหมดที่มีก็ไม่มีทางพอ...
"จันทร์ ผมเคยทำอะไรผิดกับจันทร์หรือเปล่า"
ลูกจันทร์ที่ถูกคนตรงหน้าถามออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว ชะงักเล็กน้อยก่อนจะแสร้งยิ้มออกมาอีกครั้ง
สำหรับนางท่านขุนไม่ได้ทำผิดอะไรเลยสักนิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม การที่นางทุกทรมานเฝ้ารอเขามาตลอดหลายร้อยปี ก็เป็นนางที่เลือกจะยึดติดเองไม่ใช่ความผิดของเขา
คนที่ดีแบบเขาจะทำผิดต่อนางได้ยังไง..
"คุณทิกับจันทร์พึ่งเคยเจอกัน จะมีเรื่องที่คุณทิทำผิดกับจันทร์ได้ยังไง"
"นั่นสิ ผมคงคิดมากไปเอง"
"คุณทิเป็นคนดีมากนะคะ ไม่มีทางที่จะทำผิดต่อใครหรอก"
"จันทร์มองผมดีเกินไปแล้วครับ"
ไม่หรอกสำหรับข้าท่านเป็นบุรุษที่ดียิ่งนัก...
ลูกจันทร์พูดกับตัวเองในใจแววตาที่มองทิวากรวูบหนึ่งเต็มไปด้วยความเศร้า นางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่โอบกอดร่างไร้วิญญาณของคนตรงหน้าไว้ ก่อนจะสัญญากับตัวเองว่า ในครั้งนี้นางยินยอมแลกทุกสิ่งขอเพียงแค่ให้ทำให้คนตรงหน้ามีความสุข
ไม่ว่าสิ่งใดที่ท่านต้องการ ข้าจะพร้อมจะแลกทุกสิ่งเพื่อนำมามอบให้ท่าน
ท่านขุนในชาตินี้ ข้าจะทำให้ท่านได้ทุกอย่างที่ปรารถนา
ข้าสัญญา..
สามวันต่อมา
บ้านของทิวากร
ลูกจันทร์หยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านไม้ชั้นเดียวที่มีรั้วไม้สีขาวล้อมรอบ ดวงตาคู่สวยมองทิวากรที่กำลังเปิดประตูรั้วก้าวเท้าเดินนำเธอเข้าไปในลานบ้าน ร่างบางหยุดชะงักมองชายชราในชุดสีขาวกำลังยืนจ้องเธออยู่แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"กลับไปในที่ของมึง อย่าได้มาระรานคนในบ้านหลังนี้" ชายชราพูดออกมาเสียงเย็น แววตาที่จ้องมองลูกจันทร์และสินผีทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังเต็มไปด้วยความอาฆาต
'แม่ครู หากไม่ได้รับอนุญาตข้าก็เข้าไปไม่ได้'
ลูกจันทร์ที่ได้ฟังสินพูดก็พยักหน้ารับรู้ เพราะเธอเป็นวิญญาณที่สิงสู่ร่างกายโดยที่เจ้าของร่างยินยอมเลยสามารถเข้าไปได้ แต่สินที่เป็นวิญญาณผีทหารโบราณนั้นไม่ใช่ สินไม่สามารถเข้าไปในบ้านที่มีเจ้าที่คุ้มครองอยู่ได้หากเจ้าของบ้านไม่ยินยอม
"จันทร์มีอะไรหรือเปล่า"?
"คุณทิ ขอพวกเราเข้าไปอยู่ในบ้านด้วยได้ไหมคะ"
ทิวากรขมวดคิ้วมองลูกจันทร์ที่ยืนอยู่หน้าบ้านพักของเขา คำว่า 'พวกเรา' ที่คนตรงหน้าพูดออกมาทำให้เขารู้สึกแปลกใจ แต่ก็คิดว่าเธออาจจะพูดผิดเลยไม่ได้สงสัยอะไรอีก
"ได้ เข้ามาสิครับ"
เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านลูกจันทร์ก็คลี่ยิ้มออกมา เธอปรายตามองชายชราที่เป็นผีเจ้าที่ยืนมองเธอและสินเดินเข้ามาในบ้านโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้
'อย่าได้กังวลเลย ข้ามิได้มาทำอันตรายเขา ข้าเองก็ตั้งใจจะปกป้องเขาเช่นเดียวกัน'
ลูกจันทร์พึมพำบอกชายชราอย่างแผ่วเบาถึงสาเหตุการมาของเธอ ร่างบางก้าวเท้าเดินตามหลังของทิวากรเข้าไปในบ้านที่ดูสะอาดตา ก่อนจะกวาดสายตามองสำรวจรอบ ๆ บ้านที่มีของดูแปลกตาสำหรับเธอเป็นอย่างมาก หลังจากที่เธอตายไป เวลาล่วงเลยมานานทุกสิ่งรอบตัวล้วนถูกปรับเปลี่ยนให้ดูแปลกตา
"ที่นี่เป็นบ้านเก่าของพ่อแม่ผมที่เสียไปนานแล้ว พอดีคอนโดของผมกำลังปรับปรุงกว่าจะเข้าอยู่ได้คงอีกหลายเดือน ระหว่างนี้พวกเราอยู่ที่บ้านนี้ไปก่อนนะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะที่นี่มีสองห้องนอน จันทร์ใช้ห้องนี้ได้เลย"
"ขอบคุณนะคะที่ช่วยจันทร์"
ทิวากรมองคนตรงหน้าที่กำลังกล่าวขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้ม ความจริงเขาก็เกิดสงสัยในตัวเองเช่นเดียวกันว่าทำไมถึงตัดสินใจให้คนแปลกหน้ามาอาศัยอยู่ด้วย
แค่เพราะทนเห็นผู้หญิงคนนี้เสียใจหรือต้องถูกเผาทั้งเป็นไม่ได้เหรอ?
"ถ้าไม่ได้คุณทิช่วยไว้ จันทร์คงถูกเผาทั้งเป็นไปแล้ว"
"ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัยแล้ว"
"คุณทิไม่กลัวว่าจันทร์เป็นผีร้ายจริง ๆ เหรอคะ"
"ผมไม่ค่อยเชื่ออะไรที่งมงายแบบนั้น จันทร์ก็เป็นคน ยังหายใจ ยังพูดได้ จะเป็นผีได้ยังไง จริงไหมครับ"
"ค่ะ จันทร์จะเป็นผีได้ยังไง"
