บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 พวกเราควรไปเกิดได้แล้ว

บทที่ 5 พวกเราควรไปเกิดได้แล้ว

ลูกจันทร์กวาดสายตามองสำรวจรอบ ๆ บ้านที่ดูแปลกตาสำหรับเธอเป็นอย่างมาก หลังจากที่เธอตายไป เวลาล่วงเลยมานานทุกสิ่งรอบตัวล้วนถูกปรับเปลี่ยน แม้เธอจะเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้สองวันแล้ว แต่ทุกสิ่งสำหรับเธอยังคงแปลกใหม่จนยากจะละสายตา

"ของในเรือนล้วนแปลกประหลาดยิ่งนัก โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่าโทรทัศน์แม่ครูว่าหรือไม่"

สินที่เป็นวิญญาณผีทหารเอ่ยออกมาน้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะต้องอยู่รับใช้ข้างกายลูกจันทร์มานานทำให้เขาเองก็ไม่ค่อยพบเจอสิ่งแปลกใหม่บนโลก เขาจ้องมองสิ่งที่ทิวากรเรียกว่าโทรทัศน์ในตอนนี้กำลังมีคนพูดคุยกันอยู่แววตาของสินเต็มไปด้วยความสงสัย

ลูกจันทร์ไม่ได้สนใจสินแต่อย่างใด เธอจ้องมองสิ่งที่ทิวากรเรียกว่าโทรศัพท์ตาเป็นประกาย เพราะทิวากรต้องออกไปทำงานทำให้เขาตัดสินใจซื้อโทรศัพท์และสอนวิธีใช้ให้เธอ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็สามารถจดจำวิธีโทรหาและรับสายทิวากรได้

"แม่ครู..."

"ว่าไง"

"จากที่ข้าดู ตอนนี้ท่านขุนก็ดูมีความสุขเหมือนอย่างที่แม่ครูต้องการแล้ว....มันอาจถึงเวลาแล้วหรือไม่"

"........"

"ข้าคิดว่าพวกเราควรไปเกิดได้แล้ว.." สินพูดออกมาเสียงเรียบสายตามองลูกจันทร์ที่ถือโทรศัพท์ยืนนิ่งไม่ตอบอะไร

การไปเกิดเป็นสิ่งที่ผีทุกตนต่างปรารถนา แต่เขาและแม่ครูหลีกเลี่ยงมาตลอดหลายร้อยปี สำหรับแม่ครูเพียงแค่อยากเห็นท่านขุนคนที่นางรักมีความสุข ส่วนเขาเพียงอยากอยู่เคียงข้างนางไม่ว่าจะฐานะไหนก็ตาม..

ยังไม่ทันที่ลูกจันทร์จะได้ตอบอะไรออกไปเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็ดังขึ้น ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะกดรับสายอย่างร้อนรน ทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสายก็ทำให้หัวใจของเธอพองโตเปี่ยมไปด้วยความสุข

[จันทร์สะดวกคุยไหมครับ]

"สะดวกค่ะ คุณทิพูดมาได้เลยค่ะ"

[พอดีผมจะโทรมาบอกว่าวันนี้ผมติดประชุมงาน อาจจะกลับดึกนะครับ]

"อ๋อค่ะ"

[อยู่คนเดียวได้ไหมครับ กลัวไหม]

"อยู่ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงจันทร์นะคะ"

[เดี๋ยวช่วงเย็นผมจะสั่งอาหารให้ไปส่งที่บ้านนะครับ จันทร์อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม]

"ไม่ต้องสั่งก็ได้ค่ะ ในตู้เย็นมีของอยู่เดี๋ยวจันทร์ทำกินเองก็ได้ค่ะ"

[เอางั้นเหรอครับ?]

"ค่ะ จันทร์จำวิธีใช้ของในครัวตามที่คุณทิเคยสอนได้"

[ก็ได้ครับ แต่ถ้ามีอะไรโทรมาหาผมได้ตลอดเลยนะไม่ต้องกลัว]

"ได้ค่ะ คือว่า....คุณทิจะกลับมากินข้าวที่บ้านไหมคะ"

[อืม.....ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะประชุมเสร็จกี่โมงแต่ผมจะรีบกลับนะครับ ถ้าจันทร์หิวทานก่อนได้เลยนะครับไม่ต้องรอก็ได้]

"ได้ค่ะ"

เวลา 21.30 น.

ทิวากรกลับมาถึงบ้านในสภาพอิดโรยเหตุเพราะการประชุมงานที่ยืดเยื้อมาหลายชั่วโมง หากถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะโครงสร้างแบบบ้านของเขาที่ใช้เสนอลูกค้าถูกซินแสตัวดีที่ลูกค้าจ้างมาคัดค้าน

จะเชื่อซินแสทิวากรไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่างน้อยควรเชื่อคำแนะนำด้านความปลอดภัยโครงสร้างอาคารของสถาปนิกอย่างเขาบ้างสิ!!

"คุณทิ กลับมาแล้วเหรอคะ"

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน เสียงหวานของหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยก็ดังขึ้น ทิวากรมองลูกจันทร์ที่ถือแก้วน้ำเดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม

"จันทร์ยังไม่นอนเหรอครับ"

"จันทร์บอกแล้วไงคะว่าจะรอคุณทิ กลับมาเหนื่อย ๆ กินน้ำก่อนสิคะ"

ลูกจันทร์ยื่นแก้วน้ำให้คนตรงหน้าก่อนจะช่วยชายหนุ่มถือกระเป๋าเดินเข้าไปในบ้าน ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูอิดโรยเพราะเหนื่อยจากการทำงาน

"คุณทิทานข้าวมาหรือยังคะ"

"ยังเลยครับ กับข้าวที่จันทร์ทำยังพอเหลือไหมครับ"

"มีค่ะ จันทร์ทำเผื่อคุณทิอยู่ในครัวแต่น่าจะเย็นหมดแล้ว คุณทิไปอาบน้ำก่อนก็ได้ค่ะเดี๋ยวจันทร์จะอุ่นกับข้าวให้"

"เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ครับ ลำบากจันทร์แย่เลยนี่ก็ดึกแล้ว"

"ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ทำให้ได้ถือว่าช่วยตอบแทนที่คุณทิช่วยจันทร์ไว้"

ทิวากรที่รู้ว่าไม่อาจเถียงคนตรงหน้าให้ชนะได้ก็ยอมจำนนแต่โดยดี ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อผ้าอาบน้ำให้ร่างกายผ่อนคลาย

กลิ่นอาหารหอมคละคลุ้งไปทั่วภายในบ้าน ทิวากรในตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงขายาวดูสบายเดินออกมาจากห้อง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวรูปร่างบอบบางกำลังยกอาหารไปวางบนโต๊ะ พอได้เห็นท่าทางเงอะงะที่พยายามถืออาหารอย่างระวังไม่ให้หก ทิวากรก็อดยิ้มตามไม่ได้

"คุณทิอาหารเสร็จพอดีเลยค่ะ" ลูกจันทร์มองอาหารไทยที่เธอตั้งใจทำตรงหน้า ทุกอย่างล้วนเป็นอาหารที่ท่านขุนเคยชอบในอดีต

"อร่อยครับ"

เมื่อได้ชิมรสชาติของอาหารตรงหน้าทิวากรก็เอ่ยชมออกไปทันที แม้จะมีบางอย่างที่เขาไม่ชอบแต่พอได้ชิมรสชาติกลับรู้สึกว่าถูกปากจนเขาต้องตักกินซ้ำอีกรอบ

"อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะคะ"

"จันทร์ทำอาหารเก่งขนาดนี้เปิดร้านได้เลยนะครับ"

คนที่ถูกชมว่าทำอาหารเก่งตอนนี้คลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว แววตาจ้องมองคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ยิ่งเห็นว่าคนตรงหน้ากินอาหารที่เธอทำอย่างเอร็ดอร่อยก็ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

"ถ้าคุณทิชอบต่อไปให้จันทร์เป็นคนทำอาหารดีไหมคะ"

"ก็ดีนะครับ แต่จะลำบากจันทร์ไหม"

"ไม่ลำบากเลยค่ะ จันทร์อยากทำ"

"ถ้างั้นก็เอาตามนี้ครับ ถ้าจันทร์อยากให้ผมซื้ออะไรเข้ามาในบ้านผมได้เลยนะครับ"

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในยามนี้ช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ทิวากรรู้สึกว่าบ้านที่เคยเงียบเหงาและน่าเบื่อของเขาพอมีลูกจันทร์มาอยู่ด้วยกลับดูมีชีวิตชีวา

ทั้งที่พึ่งเคยรู้จักกันเพียงแค่ไม่กี่วันแท้ ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้....

เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมงกลางดึกที่ผู้คนต่างนอนหลับใหล ทิวากรที่นอนหลับพักผ่อนอยู่บนเตียงกำลังนอนพลิกตัวไปมาราวกับตนเองกำลังฝันร้าย

เขาสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเจ็บแน่นที่หน้าอกและอยากจะอาเจียน แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานความรู้สึกเจ็บและอยากอาเจียนก็จางหายไปอย่างน่าประหลาด เขาเป็นแบบนี้มาตลอดสองเดือน แม้จะไปพบแพทย์ก็หาสาเหตุของอาการที่เขาเป็นอยู่ไม่ได้

เมื่ออาการเจ็บปวดที่เป็นอยู่หายไปทิวากรก็ล้มตัวนอนพักผ่อนตามเดิม เขาไม่รู้เลยว่าภายในห้องของเขามีใครบางคนกำลังยืนจ้องมองเขาอยู่

วิญญาณหญิงสาวในชุดนักศึกษาใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลจนดูน่ากลัว ตอนนี้กำลังยืนฉีกยิ้มดวงตาจับจ้องชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนเตียง ร่างบางก้าวเท้าเดินตรงไปยังเตียงนอนก่อนจะขึ้นคร่อมร่างอยู่บนตัวคนที่หลับอยู่

หญิงสาวใช้มือทึ้งผมของตัวเองออกมาหนึ่งกำมือ ก่อนจะใช้มืออีกข้างบีบปากของทิวากรให้อ้าออก ไม่นานเส้นผมของเธอก็ถูกส่งเข้าไปอยู่ในปากของชายหนุ่มจนหมดกำมือ

"อีกไม่นาน มึงก็ต้องไปอยู่กับกู ถ้ามึงตายเจ้านายถึงจะยอมปล่อยให้กูเป็นอิสระ อย่าโทษกูเลย โทษตัวมึงเองเถอะที่มาทำให้นายกูไม่พอใจ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel