ผีสาวที่ 4(1)
เจ้ากระต่ายน้อยสีขาว
ยังคงเป็นกระท่อมหลังเล็ก กระต่ายน้อยสีขาวเต้นโหยงโหยงมุดเข้ามาในห้อง เมื่อครู่มันกำลังเล่นกับนายสาวอย่างสนุกสนาน ไฉนจู่ๆ เจ้านายก็หายไป ด้วยความสงสัยจึงกระโดดตามหาจนถึงในเรือน
“ตับๆ ตับๆ ตับๆ”
เสียงกระแทกหนักๆ ทำให้เจ้ากระต่ายสงสัยยิ่งนัก เมื่อติดตามไปยังต้นเสียง ภาพที่เห็นกับเป็นนายสาวถูกตัวผู้ใช้กำลังทุบตี “…”
กระต่ายน้อยเห็นเจ้านายถูกจับให้หมอบลงไปบนโต๊ะกลมตัวหนึ่ง ก้นขาวๆ ของนางเกยออกมาข้างนอก บั้นท้ายก็ถูกมือตัวผู้ข้างหลังจับไว้ พร้อมทั้งยืนกระเด้งเอวใช้ท่อนซุงทิ่มแทงเข้าใส่นายสาวตนเอง
“ตับๆ ตับๆ ตับๆ”
เจ้ากระต่ายผู้ภักดีเห็นเจ้านายโดนรักแกก็ไม่รอช้า มันตัดสินใจกระโดดสุดความสามารถ จนลอยสูงขึ้นมาเกาะอยู่ที่ต้นขาตัวผู้ชั่วร้าย หวังจะฝังเขี้ยวคมๆ ของตนเข้าใส่เนื้อหนังมัน
“เกะกะจริง! ฟริ้ว! ตุบ!” น่าเวทนาเจ้ากระต่ายน้อย เขี้ยวแหลมคมไม่ทันได้ประทับลงมา หูยาวๆ ทั้งสองก็ถูกคว้าจับ โดนเหวี่ยงออกหน้าต่างจนลอยเคว้ง ตกลงหัวปักยังแปลงผักเบื้องนอกไป “…”
คฤหาสน์ตระกูลหวัง
โถงรับรองกลางห้อง นักบัญชีประจำตระกูลหลายคนตรวจแล้วตรวจอีก นายท่านหวังกลัวความผิดพลาดมาก เค้าลงมาคุมงานด้วยตนเองอีกครั้ง ตรวจนับบัญชีทรัพย์สินกองใหญ่เป็นรอบที่สามแล้ว
“ฮือ ฮือ ท่านพี่ พวกเราต้องทำลายทิ้งมากถึงเพียงนี้เลยหรือ” ฮูหยินหวังยืนหลั่งน้ำตาภายใต้การประคองบุตรสาว แม้จะกลับเข้ามาอาศัยในคฤหาสน์ได้แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะมีเจ้าสำนักหรงพักอาศัยอยู่ด้วย นางได้ยินสามีเล่าให้ฟังถึงคราเคราะห์ครั้งนี้แล้ว แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อแก้ไขดวงชะตา
“ปึง! นางสารเลว หรือเจ้าอยากให้ข้าตาย!”
เฒ่าหวังฟาดฝ่ามือใส่โต๊ะจนถ้วยชาพลิกคว่ำ เค้ารู้สึกรำคาญใจยิ่งนักที่ภรรยาห่วงทรัพย์สินมากกว่าชีวิตตัวเอง ดุด่านางอีกหลายความก็สั่งบ่าวรับใช้ให้ลากตัวนางออกจากห้องไป
“พวกเจ้าตรวจสอบให้ดี อย่าให้ผิดพลาดแม้แต่ตำลึงเดียว!”
กล่าวจบเศรษฐีหวังก็ก้มลงอ่านสมุดบัญชีอีกครั้ง นับตั้งแต่รู้ว่าต้องทำลายทรัพย์สินกว่าครึ่งในชีวิต แม้จะยากทำใจแต่ก็ยังดีกว่าตาย เจ้าสำนักหรงบอกว่า มีแต่ต้องทำบุญอุทิศเงิน ให้ผีสาวหัวขาดเป็นค่าทดแทนครึ่งหนึ่ง ไม่เช่นนั้นนางไม่ยินยอมไปเกิดใหม่แน่นอน
“นายท่าน อาจารย์ให้มาถามว่านับเสร็จหรือยังขอรับ อีกสามวันเป็นเวลาดวงดาวเรียงตัวแล้ว”
นักพรตน้อยผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เศรษฐีหวังรับปากว่าใกล้เสร็จแล้ว ให้เจ้าสำนักหรงเตรียมทำพิธีได้เลย เค้าจะจัดหาเงินทองมาให้ทันเวลาแน่นอน
***
ตึกหลังปีกตะวันตก ส่วนนี้เมื่อก่อนเคยเป็นที่พักอาศัยของเจ้านายทั้งหลาย เพราะถูกวิญญาณร้ายยึดครอง แม้จะทวงคืนกลับมาได้บางส่วน แต่เรือนที่ผีหัวขาดสิงสู่ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าย่างเท้าเข้ามา
“เจ้าสำนัก! คิดถึงท่านจังเลย”
หรงเสียนเพิ่งจะเปิดประตู เผิงรั่วรั่วที่นั่งอยู่บนตั่งเตี้ยก็รีบพุ่งตัวเข้ามากอด เพราะไม่ทันคิดว่าตนเองวางศีรษะไว้บนตัก ยามร้อนใจลืมไปว่าไม่ได้นำมาต่อกับลำตัว สุดท้ายก็กลิ้งหลุนๆ ไหลมาหยุดอยู่แทบเท้าผู้เป็นนาย “…”
“ซุ่มซ่าม นักนะ”
หรงเสียนผลักร่างเล็กผีสาวออก เค้าก้มลงไปหยิบศีรษะนางขึ้นมา ปัดเศษสกปรกให้อย่างทะนุถนอม จากนั้นวางต่อกับลำคอให้
เผิงรั่วรั่วตัวเล็กน่ารักสูงเพียงช่วงอก สมัยยังมีชีวิตนางโง่เขลานัก ไม่ทันถึงวัยปักปิ่นก็ถูกผู้อื่นหลอก สุดท้ายถูกโยนความผิดต้องโทษประหาร ตายกลายเป็นผีเร่ร่อนตั้งแต่ยังโตเต็มสาว
“อยากกลับสำนักแล้วหรือไม่?”
ผีสาวผงกศีรษะ นางไม่ชอบเลยเวลาถูกใช้ออกมาทำงานข้างนอก อยู่แต่ในห้องแคบๆ ไปวันๆ เหงาจะตายอยู่แล้ว
“อีกสามวันข้าจะพาเจ้ากลับไปดีหรือไม่ ทำงานรอบนี้คงได้เงินไม่น้อย เจ้าจะได้อยู่เล่นกับเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋ได้นานๆ”
เสี่ยวไป๋คือเจ้ากระต่ายขาว ส่วนเสี่ยวเฮยเป็นศิษย์รุ่นเล็กผู้หนึ่งในสำนัก เจ้าหมอนั่นมีหน้าที่ทำอาหารและจุดธูปส่งมาให้นาง เผิงรั่วรั่วจึงสนิทสนมกับมันราวกับพี่น้องคลานตามกันมา
“กุ้งหิน! ข้าอยากกินกุ้งหิน ข้าจะกินกุ้งหิน!”
ผีน้อยรั่วรั่วฟังว่าจะได้เงินเยอะก็นึกอยากของโปรด กุ้งหินปกติราคาตัวละหลายตำลึง หากไม่ใช่โอกาสพิเศษจริงๆ นางแทบไม่ได้ลิ้มรส ดังนั้นเป็นตายไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนเสื้อเจ้าสำนัก เขย่าจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับปากนาง
“ปล่อยข้าได้แล้วนางผีตะกละ! มากินนี่ก่อนค่อยคุยเรื่องกุ้งหิน ถ้าทำได้ดีข้าจะให้กินจนพุงกางไปเลย”
หรงเสียนชักแขนเสื้อออกจากมือผีสาว เค้าเดินตรงเข้าไปนั่งยังตั่งเตียงหลัวฮั่น จากนั้นถ่างขาทั้งสองออก เป็นเชิงว่าให้นางเข้ามาปรนนิบัติตามหน้าที่ของตนเอง
“กุ้งหิน! ข้าจะกินกุ้งหิน!”
เผิงรั่วรั่วย่นจมูกอย่างไม่พอใจ แต่นางก็ยังคุกเข่าลงกลางหว่างขาเจ้าสำนัก ฝังศีรษะมุดเข้าไปใต้ชุดคลุมยาว จากนั้นให้มือความหาแท่งเนื้อเหี่ยวๆ อมไว้ในปากไม่นานก็ใหญ่โตขึ้น พอได้ที่แล้วค่อยผงกหัวขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความชำนาญ
