
บทย่อ
ขณะที่เผิงรั่วรั่วยังเป็นวิญญาณเร่ร่อนตัวคนเดียว ไม่ทราบว่าเป็นโชคดีหรือร้าย นางพบเจอคนที่สามารถมองเห็นผี แต่เจ้าผู้นั้นกับเป็นนักพรต พบกันวันแรกนางก็ถูกฟาดหวดด้วยแส้เถาวัลย์หนาม จากนั้นถูกจับเป็นทาสรับใช้แทนวัวแทนม้า บางครั้งยังถูกข่มเหงให้บำเรอกามอีกด้วย! “…” ******************************** เนื้อหาบางส่วน เผิงรั่วรั่วใช้มือตีน้ำป๋อมแป๋ม นางดำผุดดำว่ายขึ้นลง ชุดบางเบาพอเปียกชื้นก็แนบเนื้อ เปิดเผยสัดส่วนสงวนทั้งหมด แต่นางก็ไม่อับอายต่อสายตาผู้ใด บนฝั่งมีเพียงกระต่ายน้อยและเจ้าสำนักหรง นางบัดเดี๋ยวหงายท้องว่ายเข้าหา เปิดส่วนโหนกนูนยั่ว แต่ก็ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะไม่สนใจซักนิด ยังคงนั่งสมาธิไม่ลืมตา ไม่มีปฏิกิริยาว่าจะสนใจนางแม้แต่น้อย ผีสาวต้องย่นจมูกน่ารัก นางเชิดปากน้อยๆ ขึ้นจนสูง แสดงท่าทีเป็นเชิงว่าอีกฝ่ายเสแสร้งแกล้งดัด ทั้งๆ ที่บุรุษตรงหน้าบ้ากามแค่ไหนนางนั้นรู้ดีกว่าใคร “ท่านเจ้าสำนัก ลงมาเถอะเจ้าคะ ข้าใช้ปากดูดให้ในน้ำดีหรือไม่” Trigger -มีการร่วมเพศแบบโจ่งแจ้ง -มีฉากเลิฟซีนเกือบทุกตอนย้ำว่าเกือบทุกตอนนะคะ คำเตือนตัวโตๆ นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป การกระทำที่ไม่เหมาะสมของตัวละครไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างและควรแยกแยะให้ได้ค่ะ นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของคนเขียนล้วนๆ ไม่มีเจตนาพาดพิงใคร หรือสถานที่ใด อ่านเพื่ออรรถรสนะคะ **นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของ สำนักพิมพ์ซาชิกิวาราชิ ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ ภาพปกก็ห้ามเอาไปใช้นะคะ** กฎหมายคุ้มครองงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์ แล้วกำหนดโทษหนักแก่ผู้ทำละเมิดไว้ชัดเจน การละเมิดต่องานของผู้สร้างสรรค์ทั้งทำซ้ำ ดัดแปลงงาน เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับความยินยอมตามกฎหมาย ต้องมีโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หากพฤติกรรมทำละเมิดดังกล่าวเพื่อการค้า ผู้กระทำจะมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผีสาวที่ 1(1)
ผีหัวขาดตระกูลหวัง
เสียงกู่เจิ้งและผีผาประสานสอดคล้อง คณิกาหลายนางส่ายเอวพลิ้วไหวแสดงท่วงท่า ร่ายรำอ่อนช้อยจนกระทั่งดนตรีประกอบจบลง แขกเหรื่อที่นั่งรับชมอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือชื่นชมออกมา
“แปะ แปะ แปะ”
“มีอะไรน่าดู เพียงเท่านี้เจ้าก็ไขว้เขวแล้ว เสียทีติดตามข้ามานาน ส่ายไปมาแบบนี้เรียกว่าร่ายรำได้หรือ”
ชายชราหนวดหนูเอ่ยกับศิษย์ด้วยความเหยียดหยาม เห็นเนื้อหนังแค่นิดหน่อยก็ทำตาโตหื่นกาม ช่างเป็นคางคกไม่เคยลิ้มรสเนื้อหงส์อย่างแท้จริง
“โถ่อาจารย์ พวกนางงามขนาดนั้นท่านยังต้องการอะไรอีก หากไม่เหลือบแลหน้าตาเช่นนี้ จะกล้าเรียกตนเองว่าเป็นบุรุษได้ยังไง”
ทั้งสองโต้เถียงเรื่องความงามอีกเล็กน้อย จนเห็นเป้าหมายขยับออกจากโต๊ะ เมื่อพบว่าเจ้าผู้นั้นเรียกคณิกานกต่อของตนขึ้นห้อง ศิษย์อาจารย์จึงได้วางใจ หลบออกมาจากหอนางโลม เพื่อไปดักรอเศรษฐีคนนั้นอยู่ด้านนอก ปฏิบัติการตามแผนที่ได้ร่ำเรียนมา
***
“นายท่านโปรดหยุดก่อน!”
เฒ่าหวังขณะเดินโซซัดโซเซจะไปขึ้นรถม้า เค้าพลันชะงักได้ยินเสียงเรียกข้างทาง เมื่อครู่เพิ่งจะเริงรักกับสาวแรกรุ่นอวบอัดมากไปหน่อย ขาทั้งสองจึงเกิดอาการอ่อนเปลี้ยอยู่บ้าง
“มีอะไรหรือท่านนักพรต”
พรตชราหนวดหนูไม่ตอบคำ เค้าเพียงมองสำรวจอีกฝ่ายขึ้นลงสองรอบ จากนั้นล้วงกระดาษยันต์แผ่นหนึ่งจากแขนเสื้อ บอกอีกฝ่ายว่าหากต้องการความช่วยเหลือ ตนเองอาศัยชั่วคราวอยู่อารามทิศเหนือนอกเมือง แล้วเดินจากไปปล่อยให้เศรษฐีหวังงุนงง
คฤหาสน์ตระกูลหวัง
“ปึง ปึง ปึง”
ประตูไม้หนานมู่หน้าคฤหาสน์ถูกเคาะเป็นรอบที่สามแล้ว บ่าวรับใช้เปิดออกดูก็ไม่พบผู้คน แรกๆ เค้ายังเดินสำรวจตรวจสอบ หากแต่ครึ่งคืนผ่านไปบ่าวเฝ้าประตูโชคร้ายก็จับไข้ตัวสั่นอยู่ในผ้าห่ม ร่ำร้องในใจหาบิดามารดา หลายวันต่อมา
“ไม่ไหวแล้วขอรับนายท่าน ตอนนี้ไม่มีใครกล้าไปเข้าเวรเฝ้าประตูแล้ว แต่ละคนล้วนถูกผีหลอกจนขวัญเสีย ป่วยนอนซมอยู่บนเตียงหมด”
พ่อบ้านรายงานเรื่องลี้ลับหลายวันมานี้ให้เจ้าบ้านทราบ เค้าเกิดมาเกือบหกสิบปีก็เพิ่งเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน
“เหลวไหล โลกนี้ไหนเลยมีผีสาง เจ้าเรียกนักบู้ตึกเรามารวมกันให้หมด คืนนี้ข้าจะพาพวกเจ้าจับผีด้วยตัวเอง” นายท่านหวังไม่เชื่อเรื่องเร้นลับ เค้ามั่นใจว่าต้องมีใครซักคนก่อกวนแน่ๆ
***
ครึ่งคืนต่อมา
“ไหนผีสางของพวกเจ้า แยกย้ายไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้จัดเวรยามเฝ้าประตูปกติ อย่าให้ข้าได้ยินเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก” รออยู่หลังประตูครึ่งค่อนคืน เสียงเคาะก็ยังไม่ดังขึ้นเหมือนวันก่อนๆ เพียงแต่ขณะทุกคนกำลังจะลุกออกจากที่ซุ่ม เสียง ปึง ปึง ปึง ก็ดังขึ้นทันที
“เอี๊ยด!” เฒ่าหวังไม่รอช้ารีบพุ่งไปเปิดประตูคฤหาสน์ตนเอง
“ว่างเปล่า” นายท่านใหญ่ของบ้านผู้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนต้องขมวดคิ้ว เค้าสอดส่องส่ายตาฝ่าความมืดหน้าบ้าน แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยบุคคลอื่น เมื่อสำรวจหน้าประตูก็ไม่พบก้อนหินหรือกิ่งไม้ หากเป็นผู้คนขว้างปามาไหนเลยเก็บกลับได้ทัน
“ปึง ปึง ปึง”
เพียงแค่ปิดประตูได้ไม่นาน เสียงเคาะก็ดังขึ้นอีกครั้ง เฒ่าหวังเริ่มหวาดกลัวบ้างแล้ว เป็นเช่นนี้อีกสามสี่รอบ นายและบ่าวทั้งหมดก็กอดกันกลม จากนั้นไม่รอจนฟ้าสาง ต่างก็พากันมุดผ้าห่มคลุมโปงห้องใครห้องมัน
***
“ท่านนักพรตเป็นเช่นไรขอรับ ช่วยได้หรือไม่”
“อืมม ข้าดูไม่ผิดจริงๆ ท่านถูกวิญญาณตนหนึ่งอาฆาต โชคดีที่ยังเก็บยันต์แผ่นนั้นไว้ในบ้าน หาไม่ป่านนี่คงได้ไปพบยายเมิ่งในปรโลกแล้วละ”
เมื่อคืนพอเฒ่าหวังกลับเข้าห้องด้วยความหวาดกลัว เค้าก็นึกถึงคำพูดนักพรตที่พบกันครั้งก่อน ฝืนนอนตัวสั่นจนกระทั่งรุ่งเช้า จึงส่งคนไปเชิญอาจารย์ผู้นี้มา ยามนี้พอฟังว่าตนเองกำลังถูกผีร้ายอาฆาต ขาก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง
“นายท่านใจเย็นก่อน ช่วยเปิดแผ่นหลังให้ข้าดูหน่อยสิ”
อนุภรรยาสาวสองนางช่วยถอดเสื้อผ้าตามคำขอ เมื่อพวกนางเห็นรอยแดงเป็นเส้นริ้วๆ ต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกอกตกใจ
“ไฉนแผ่นหลังข้าเป็นเช่นนี้!”
พรตหนวดหนูส่ายหน้าเบาๆ สองที ขณะที่นายท่านหวังโวยวายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เค้ามองผ่านกระจกทองเหลือง ความมัวหมองยิ่งขับเน้นให้เส้นเหล่านั้นน่ากลัวกว่าเดิม
***
อารามร้างแห่งหนึ่ง
