3
ดอกแก้วรู้สึกว่าตัวเธอลีบเล็กลงในทันที เขาทำให้เธอรู้สึกว่าการมาของเขาในครั้งนี้เสียเวลาหนักหนา
“อายุเท่าไหร่แล้ว” คนถามไม่ได้มองหน้า น้ำเสียงกระด้างเหมือนเขาพูดลอยๆ คนเดียว ดอกแก้วสะดุ้งใบหน้าเหลอหลา
“หูตึงว่างั้น”
เขายังพูดต่อ…
“คะ?” เธอไม่แน่ใจว่าเขาถามเธอหรือเปล่า เลยมองเขาแบบงุนงง
“เพิ่งรู้ว่าได้เมียหูหนวก แถมยังเป็นใบ้อีก”
เขาพูดแดกดัน...
“สิบแปดค่ะ”
เธอรีบตอบ ค้อนเขาเสียหนึ่งที
“มีนมหรือยัง ริอยากจะมีผัว” ดอกแก้วใบหน้าเหลอหลา ก้มมองหน้าอกตัวเอง เธอมีนมแล้วนี่นา
บ้าน่ะสิ!
มาหาว่าเธอไม่มีนม เธอค้อนเขาตาคว่ำ เถื่อนๆ แบบนี้ไง เมียถึงทิ้งไปมีผัวใหม่
เธออุบอิบว่าเขา แต่คนหูดีหันขวับมามอง เธอหลบสายตาวูบ ไม่กล้ามองหน้าเขาอีก เอาแต่มองมือตัวเองที่กุมกันแน่นบนตัก
เธอต้องไปเป็นเมียเขาจริงๆ เหรอนี่
ดอกแก้วคิดอย่างหดหู่ใจ
ผู้ชายอะไรหน้าดุ แลดูใจร้าย เย็นชา ไร้อารมณ์สุดๆ!!!
“โหย... เมียลูกพี่พวกเรา แจ่มไปเลยว่ะ เด็ดดวงสุดๆ ยังเด็กอยู่เลย”
ลูกน้องของสันต์นั่งกินเหล้าเถื่อน กำลังพูดถึงเมียเด็กของเจ้านายอย่างออกรส
“กูเห็นแล้ว ตอนลูกพี่พากลับมา หน้าใสกิ๊ก ตัดผมสั้นเสมอหูนี่แหละ ยังเด็กอยู่เลย ตัวเล็กนิดเดียว เวลาเดินกับลูกพี่เรานะ ยังกับพ่อกับลูกน่ะ” คนพูดหัวเราะร่วนอย่างสนุกปาก
“เพิ่งจบมัธยมปลายมั้ง ยังกับลูกพี่เราไปพรากผู้เยาว์เด็กอายุสิบแปดเลยว่ะ”
“สิบแปดเหรอวะ นึกว่าสิบห้า อายุห่างกันยังกับลุงกับหลาน พ่อกับลูก”
โครม!!!
เสียงท่อนไม้หรืออะไรสักอย่างโยนมากลางวงเหล้า ลูกน้องของสันต์วงแตกกระเจิดกระเจิงไปตามๆ กัน
ทำท่าจะด่า แต่อ้าปากค้างกันถ้วนหน้าเมื่อเห็นคนที่ถูกนินทายืนกอดอกหน้าตาถมึงทึงอยู่ไม่ไกลนัก
“นั่งแดกเหล้าตั้งแต่หัววัน งานการไม่ทำกันหรือไงวะ”
“ตอนนี้เอ่อ... พักเที่ยงอยู่ครับลูกพี่”
“เออ... นั่งนินทากูอยากกินตีนใช่ไหมพวกมึง”
ทุกคนเงียบกริบ ขืนพูดออกไปได้โดนมากว่าด่าแน่ ตั้งแต่จับได้ว่าเมียมีชู้ ทุกคนก็รู้ว่าสันต์เกลียดผู้หญิงยังกับอะไรดี แต่ที่ยอมแต่งงานครั้งนี้เพราะนภา... มารดาของสันต์ขอร้องแกมบังคับ
สันต์รำคาญก็เลยรับคำส่งๆ ไป หลังจากไปแต่งงานบ้านเมียเด็กแล้ว ก็เอาเมียกลับมาทิ้งไว้กับมารดา ไม่สนใจไยดีเมียตัวเองเลยสักนิด
“นายแม่ให้มาตามคุณสันต์ไปพบครับ” เสียงของลูกจ้างมาตามด้วยน้ำเสียงหวาดๆ เพราะเดาได้ว่าตอนนี้สันต์กำลังอารมณ์ไม่ดี
“เรื่องอะไร”
“ไม่ทราบครับ”
“รู้เรื่องอะไรบ้าง”
“เอ่อ...” คนถามถึงกับอึกอักอ้ำอึ้ง…
“ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง”
คนพูดเดินย่ำเท้าไปขึ้นรถจิ๊บ ก่อนขับไปยังเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนพักของบิดามารดา
ลูกน้องเกาหัวมองหน้ากันอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าหมู่นี้เจ้านายของพวกเขาเป็นอะไร อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ หงุดหงิดตลอดเวลา ใครพูดอะไรก็ขัดหูขัดตา ขัดใจไปเสียหมด
“ลูกพี่เป็นอะไรวะ”
“สงสัยไม่ได้อึ๊บเมีย”
“แกรู้ดี”
“จริงนี่หว่า ตั้งแต่ได้เมียกลับมานี่ไม่เห็นเคยนอนกับเมียสักครั้ง”
“มึงรู้ได้ไง ไปนอนเฝ้าใต้เตียงลูกพี่หรือไง”
“กูอยู่กับลูกพี่ตลอด ลูกพี่นอนในไร่ เมียนอนบ้านใหญ่กับนายแม่” คมซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทเล่าให้ทุกคนฟัง คนอื่นๆ ตาโตไปพร้อมๆ กัน
“หรือเหมือนเอ็งว่า... หงุดหงิดเรื่องไม่ได้อึ๊บเมีย”
“ปากหมาไปเถอะ ลูกพี่มาได้ยิน ได้กินตีนแทนแดกเหล้า”
“กูก็บอกว่ามึงพูด กูไม่รู้ไม่เห็น”
“มึงได้กินตีนกูก่อน” ไอ้คมง้างเท้าจะเตะเข้าให้ อีกหลายคนหลบแทบไม่ทัน
“เห็นนายแม่จะให้จัดงานแต่งอีก เชิญแขกมากมาย ลูกพี่เราไม่สนใจเลย”
“สงสัยนายแม่จะบ่นเรื่องนี้แหละ”
คมรู้ดีว่าเจ้านายทำเป็นเฉย คิดว่าไปสู่ขอเมียมาได้แล้วก็เสร็จสิ้นกันไป แต่สันติกับนภาเป็นที่นับหน้าถือตา ก็อยากจัดงานแต่งให้ลูกชาย เมียคนแรกน่ะไม่ได้จัดให้หรอก แค่ทำพิธีเล็กๆ เพราะนภาไม่ชอบชุติมาตั้งแต่ต้น
เขาพอรู้หรอกว่าชุติมาเป็นยังไง แต่สันต์รักเมียมาก เรียกว่าทั้งรักทั้งหลง ก็เลยไม่สนใจความเป็นมาของชุติมา
