บทที่ 3
“คุณขันอะไร ฉันไม่เห็นขัน?” อนิลทิตาชักฉิว
“ไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเธอหรอก แต่มันอดนึกถึงที่พวกเราผู้ชายชอบพูดกันขึ้นมาไม่ได้”
“พูดอะไร?”
เธอมองเขาอย่างระแวง
จากระยะที่นั่งห่างกันไม่มาก ทำให้พอจะมองเห็นชัดระดับหนึ่ง
ผู้ชายที่นั่งข้างๆ นอกจากยังหนุ่ม หน้าตาเขายังคมสันชวนมอง พูดภาษาชาวบ้านๆ ก็รูปหล่อนั่นแหละ
“พูด... อย่าโกรธล่ะ” เสียงออกตัวไว้ก่อนฟังว่าคนพูดยิ้มอยู่ในใจ “คืออย่างนี้ เวลาเจอรถคันไหนใช้ถนนประเภทตามใจฉัน เรามักจะพูดกันว่า ผู้หญิงขับแหง แล้วก็มักจะทายถูกเสียด้วย”
“คุณจะว่าฉันล่ะสิ นอกจากใช้รถใช้ถนนไม่เป็นอย่างพวกผู้ชายอย่างคุณ ยังเลินเล่อขนาดปล่อยให้น้ำมันรถหมดกลางทาง”
“ผมเปล่า คุณพูดของคุณเอง” เขาเปลี่ยนสรรพนามจากเธอเป็นคุณ ก่อนแนะนำตัวเอง “ผมชื่อณัทธร”
อนิลทิตาซึ่งกำลังเมินออกนอกรถ เพราะนึกโมโหชายหนุ่ม ถึงกับหันขวับ
“คุณคือ... คู่หมั้นพี่อัญ?”
“ครับ” เขาตอบรับสั้นๆ
อนิลทิตามองเขาอย่างพิจารณา และให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น
เธอเคยได้ยินพี่สาวพูดถึงคนรัก ก่อนจะกลายเป็นคู่หมั้นภายในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากรู้จักและคบหากันได้ไม่นานทางโทรศัพท์หลายครั้ง โดยไม่เคยเจอตัว
ฟังว่าเป็นหนุ่มรูปหล่อ มีฐานะมั่นคง มีที่ดินมากมายนับพันๆ ไร่ ก็นึกขันว่าความรักทำให้พี่สาวเห็นผู้ชายคนหนึ่งเลิศเลอไปหมด
แต่เห็นอย่างนี้ ต้องยอมรับว่าพี่สาวไม่ได้พูดเกินจริง แต่ดูเหมือนอัญญดาจะลืมบอกไปอย่างหนึ่ง
นอกจากรูปหล่อ ณัทธร มณฑารพ ยังเป็นผู้ชายมีเสน่ห์ชวนมอง ซึ่งไม่ได้มีในผู้ชายหน้าตาดีทุกคน
อนิลทิตาลอบมองชายหนุ่มอย่างตั้งใจ
ฉวยโอกาสขณะอีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาขับรถฝ่าพายุฝนฟ้าคะนอง มองไล่ลงตั้งแต่ใบหน้า
เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างอย่างนี้ เขายิ่งดูคมสัน คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปากหุบสนิทได้รูปงาม มุมปากหยักยกเหมือนพร้อมที่จะยิ้มอย่างคนอารมณ์เย็น และใจดี ปลายคางออกเหลี่ยมเล็กน้อยมองเห็นเงาเขียวครึ้มของไรหนวดเครา ที่ชวนอิจฉาคือขนตาดกหนายาวงอนเป็นแพ
ผิวจริงของเขาน่าจะขาว แม้ส่วนที่พ้นร่มผ้าดูคล้ำแดด
การสำรวจไม่หยุดแค่ใบหน้าชวนมอง แต่ยังมองกราดเรื่อยลงมาตามลำคอ หาไหล่ ไปที่แขนล่ำสัน มือหนาประกอบด้วยนิ้วยาวเล็บเจียนมนสะอาดสะอ้าน
เขาแต่งกายด้วยเสื้อกางสีเทาเข้มจัดจนดูเผินๆ นึกว่าสีดำ เชิ้ตแขนยาวพับแขนไว้ครึ่งๆ เน้นช่วงปลายแขนล่ำสัน พอกับกางเกงยีนส์เทาดำพอดีตัว เน้นมัดกล้ามแน่นของต้นขาสู่ขายาวตรง ที่ปลายขามองเห็นบูทดำมีรอยขีดข่วน บ่งบอกความสมบุกสมบันในการถูกใช้งาน
ขณะมองมือสีน้ำตาลจาง ประกอบด้วยนิ้วยาวได้ส่วนบนพวงมาลัย พลันนึกสงสัยว่ามือที่ดูแข็งแรง ทรงพลังในการหยิบจับ จะอ่อนโยนเป็นไหมนะ...
สำนึกที่ว่าความคิดกำลังจะออกนอกลู่ด้วยความใคร่รู้ จึงรีบละสายตาจากมือหนาตวัดขึ้นสูง หวังจะแอบมองใบหน้าชวนมองนั้นอีกนิด
แล้วความอับอายชนิดแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ถ้าทำได้ ก็แผ่ไปทั่ว ทันทีที่สบเข้ากับตาคมฉายแววขัน
สิ่งที่พอทำได้ในวินาทีของความขายหน้า คือรีบเมินหน้าออกไปมองนอกรถ แต่ไม่ก่อนที่ใจสาวจะโลดขึ้นแล้วหล่นวูบ พร้อมความรู้สึกหนึ่งตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจนับแต่วินาทีนั้น
ขณะขับรถมุ่งหน้าสู่บ้านมาลัยด้วยใบหน้าหมอง อนิลทิตา พิรุฬพร อดคิดไม่ได้ว่า เหตุการณ์วันนี้เหมือนเมื่อปีก่อนโน้นไม่มีผิด
ครั้งนั้น เธอเดินทางกลับบ้านเพื่อมาร่วมงานศพบิดา
มาครั้งนี้ เธอต้องกลับมาเผาศพพี่สาวที่จากไปด้วยวัยเพียงแค่ยี่สิบหกปี
เมื่อได้รับข่าวพี่สาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตคาที่ ความรู้สึกแทบไม่ต่างจากครั้งรู้ข่าวการจากไปอย่างกะทันหันเนื่องจากอาการหัวใจวายของบิดา
เธอยังไม่รู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คิดว่าป่านนี้พี่เขยของเธอคงอยู่ในสภาพหัวใจสลายแล้วอย่างสิ้นเชิง
ณัทธรรักลูก รักภรรยา นั่นคือที่เธอคิดและเชื่อมาตลอด แม้ว่าอัญญดาจะเคยโทรมาบ่นเบื่อสามีที่ไม่ค่อยมีเวลาให้
“พี่เบื่อๆๆ”
เสียงดังมาตามสายซอยถี่ยิบฟังหงุดหงิดพร้อมจะระเบิด
“วันๆ คุณณัทไม่เคยอยู่บ้าน เอาแต่ทำงาน จะเห็นหัวก็โน่นมืดค่ำ พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะอิน... ก็เข้าใจหรอกว่าต้องดูแลทุกอย่างเพราะไม่มีคุณพ่อช่วยอย่างแต่ก่อน”
ขณะรับฟังเธอเข้าใจว่าเป็นอารมณ์ของคนกำลังท้องกำลังไส้ อารมณ์แปรปรวน อยากได้รับความเอาใจใส่จากคนที่เป็นพ่อของลูกมากเป็นพิเศษ ก็พยายามปลอบกลับไปกลางๆ ไม่เข้าข้างฝ่ายไหน เท่าที่พอจะทำได้
“พี่อัญก็หาอะไรทำเข้าซี ลองถักนิตติ้งไหมล่ะ อินจะซื้อหนังสือวิธีถักส่งไปให้ ถักถุงเท้าถุงมือเล็กๆ ให้หลานก็ได้”
“โอ๊ย! ไม่เอา ถักน้งถักนิตอะไรพี่คงขาดใจตายก่อนจะลงมือ เนี่ยขอตังค์คุณณัทไว้ ว่าจะไปทัวร์ญี่ปุ่นกับเพื่อนๆ แหม! แค่เราบอกจะไปเที่ยวเท่านั้นแหละหน้างอเป็นอะไร แล้วก็ไม่บอกหรอก จะให้หรือไม่ให้ หนีเข้าไร่ไปซะอย่างนั้น”
“อะไรกันคะ จะเที่ยวอีกแล้ว สองเดือนก่อนพี่อัญก็เพิ่งไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อนๆ มาไม่ใช่หรือคะ?”
“เฮ่อ! เกาหลีก็งั้นๆ แหละ ถ้าไม่อยากดูคอนเสิร์ตบอยแบรนด์ที่ชอบก็คงไม่ไป ใจพี่อยากไปญี่ปุ่นหน้าดอกซากุระบานมากกว่า”
นึกถึงที่เคยพูดคุยกันทางโทรศัพท์อนิลทิตาก็จุกที่คอ
อัญญดาอาจจะไม่ใช่พี่สาวที่ดีวิเศษ พูดจริงๆ บ่อยครั้งที่ทำตัวไม่น่ารักเลย แต่พี่ก็คือพี่ โตมาด้วยกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างตามประสา แต่ก็ไม่เคยมีอะไรรุนแรง
พูดถึงความสนิทสนมระหว่างพี่น้อง ตั้งแต่โตๆ กันก็อาจจะห่างกันไปบ้าง เพราะต่างคนต่างมีกลุ่มเพื่อนของตน ชอบใช้ชีวิตคนละรูปแบบ
อัญญดามีเพื่อฝูงมากหน้าหลายตา ส่วนใหญ่เป็นพวกชอบเที่ยว ชอบสังสรรค์ สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ไปวันๆ ส่วนเธอมีชีวิตเรียบง่ายๆ พ้นจากวัยเรียนก็ทำงาน
เพื่อนที่คบหาก็มีแต่ที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันกลุ่มเล็กๆ หลังเรียนจบก็แยกย้ายกันไป
บางคนไปเรียนต่อต่างประเทศ บางคนก็เลือกที่จะทำงานตามที่เรียนมาเช่นเดียวกับเธอ
นานๆ อาจจะมีนัดเจอกันสักครั้ง แต่ส่วนใหญ่มักว่างไม่ตรงกันก็เลยห่างเหินกันไปเรื่อยๆ
