คนสำคัญของท่านประทาน
กลางห้องทำงานใหญ่ของประธานบริษัทกีรติแอคเซส บรรยากาศภายในห้องดูครื้นเครงมากกว่าทุกวันเพราะเจ้าของห้องอารมณ์ดีกว่าทุกวันที่เคยเป็น เสียงเพลงสากลของชาวตะวันตกตาน้ำข้าว สอดประสานกับเสียงจังหวะที่ปลุกเร้าฟังแล้วคึกคักสบายอารมณ์อยู่ในที
"พี่ทิว ทำไมวันนี้ดูเหมือนเจ้านายของเราจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษล่ะ หรือว่าท่านประธานมีเรื่องอะไรดี ๆ รึเปล่า?"
พนักงานหญิงวัยยี่สิบกว่าเอ่ยถามเลขาคนสนิทของท่านประธานที่เดินเข้ามาในห้องพักด้วยความสงสัย หรือจะเรียกว่าเธอเป็นหน่วยกล้าตายก็ว่าได้เพราะทุกคนต่างก็อยากรู้คำตอบ แต่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเอ่ยถาม
"ไม่กลัวถูกไล่ออกรึไง! ทำไมกล้าถามเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ท่านประธานไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัวทุกคนน่าจะรู้ดี"
ทิวสนตอบกลับพร้อมกับกวาดสายตาคมมองทุกคนเพื่อสยบความอยากรู้อยากเห็นที่ฉายชัดบนใบหน้า แม้ทิวสนจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแรงมา ทิวสนต้องเป็นตัวกรองสะสางไม่ให้ทุกอย่างปะทุร้อนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็รู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด หากจะมาถามเรื่องของเจ้านายกับเขา แน่นอนว่าคงต้องกลับไปมือเปล่าเท่านั้น
"โถ่พี่ทิว พวกหนูก็แค่อยากรู้ ก็ต่อมเผือกมันทำงานอ่ะ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่าให้ถึงเวลาที่ท่านประธานเครียดเลย น่ากลัวชะมัด!"
ก้านแก้วหรือหญิงสาวคนเดิมเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ท่านประธานของตนเองจริงจังกับงาน บุคลิกน่าเกรงขามในยามที่มุ่งมั่นช่างน่ากลัวจนลูกน้องที่อยู่ใกล้ขนลุกขนพอง
"คุณทิว คุณทิวคะ ดูนี่เร็ว! ท่านประธานให้ทิปป้าตั้ง 5,000 ป้าแค่เข้าไปเสิร์ฟกาแฟกับน้ำตามปกติเหมือนทุกวันเองนะคะ"
ยังไม่ทันที่ทิวทนจะได้ปรามลูกน้องตรงหน้า แต่ป้าอ้อยหญิงสูงวัยที่เป็นแม่บ้านรับผิดชอบดูแล้วความสะอาดบนชั้นของทีมท่านประธานก็วิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับธนบัตรสีเทา 5 ใบ
"ค่อย ๆ เดินครับป้า เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก"
เลขาหนุ่มรีบหมุนเก้าอี้มาให้ป้าแม่บ้านนั่งพักเอาแรง ก่อนที่ก้านแก้วหนึ่งในทีมงานจะเอ่ยขึ้น
"นั่นไงพี่ทิว! หนูบอกแล้วว่าท่านประธานต้องมีเรื่องดี ๆ แน่นอน บอกน้องซักหน่อยไม่ได้หรอ น๊า"
"จริงอย่างงที่หนูก้านว่านะคะคุณทิว ป้าว่าท่านประธานต้องกำลังมีความรักแน่นอนเลยค่ะ เชื่อป้า สายตาคนแก่มองไม่ผิดหรอก ขนาดเห็นแก้วกาแฟท่านประธานยังยิ้มเลยค่ะ"
รามที่เดินออกมาตามหาเลขาคนสนิทเพราะต้องการสั่งงาน เมื่อได้ยินคำพูดของลูกน้องใต้การปกครองก็นึกถึงใบหน้าของคนที่เป็นต้นเหตุแห่งรอยยิ้ม
"แฮะ แฮ่ม! ขนาดนั้นเลยเหรอครับป้า"
"ใช่สิคะ ท่านประธานหน้าตามีความสุขขนาดนั้น ป้าละอยากเห็นหน้าคนรักขะ..."
ป้าอ้อยที่นั่งหันหลังให้ท่านประธานพูดความในใจออกไปเกือบหมด กว่าหญิงสูงวัยจะรู้ตัวว่าตนเองพลาดไปแล้วก็ตอนที่เห็นพนักงานคนอื่น ๆ ยืนก้มหน้ากันทุกคน
"ป้าอยากเห็นหน้าคนรักของผมเหรอครับ งั้นผมเรียกมาให้ป้าอ้อยดูดีไหมครับ"
น้ำเสียงของรามนุ่มทุ้มแต่ลูกน้องกลับเหงื่อแตกพลั่กเพราะคาดเดาเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ถูก
"ป้าขอโทษค่ะท่านประธาน ป้าผิดไปแล้ว ปะ..ป้าขอโทษค่ะ"
"ป้าไม่ต้องร้อง ผมไม่ได้ว่าอะไรเลย ถ้าป้าอยากเห็นผมก็แค่จะเรียกมาให้ดู ผมก็คิดถึงเค้าเหมือนกัน ทิวนายตามฉันมาหน่อย"
ประโยคหลังรามหันไปเรียกเลขาคนสนิท ก่อนจะเดินนำหน้ากลับไปที่ห้องของตนเอง ทิ้งไว้เพียงป้าอ้อยกับพนักงานในทีมให้อกสั่นขวัญแขวนอยู่ในห้องพักทานของว่าง
ในห้องประธานบริษัท
"ท่านประธานอย่าถือสาป้าอ้อยเลยนะครับ ผมต้องขอโทษแทนทุกคนด้วย วันนี้ทุกคนต่างก็แปลกตากับท่าทางของท่านประธานก็เท่านั้น คราวหลังผมจะอบรมทุกคนให้ดีครับ"
ทันทีที่เข้ามาถึงในห้อง ทิวสนก็รีบเอ่ยขอโทษแทนทุกคนเพราะกลัวว่าคนอื่น ๆ จะตกที่นั่งลำบากเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"นายก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะทิว ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย ที่เดินออกไปตามจะบอกให้สั่งซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ ๆ มาสัก 1 ช่อ แล้วใส่ข้อความนี่ไปด้วย ทีแรกกะว่าจะให้ส่งไปให้ปั้นสิบที่ไนต์คลับ แต่เอามาไว้ที่นี่ก็ได้ ไหน ๆ ทุกคนก็อยากรู้ว่าเป็นใคร ฉันก็จะได้ป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าปั้นสิบคือคนของฉัน"
"ได้ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"
"ยังมีอีกเรื่อง"
"ท่านประธานสั่งผมมาได้เลยครับ"
"สั่งซื้อถุงยางอนามัยมาไว้ให้ฉันด้วยนะทิว เอามา 3 กล่องใหญ่เลย แล้วก็ซื้อเข็มหมุดปักผ้ามาด้วย เอาทุกอย่างเก็บไว้ในรถของฉัน อีกสักหนึ่งชั่วโมงให้คนลงไปรอรับปั้นสิบข้างล่างด้วย สั่งอาหารกลางวันมาเผื่อปั้นสิบด้วยนะ"
"ครับท่านประธาน"
แม้ทิวสนจะสงสัยว่าเจ้านายของตนกำลังจะทำเรื่องพิเรนทร์อะไรอีก แต่ก็ไม่มีคำถามใดกลับไปกวนใจผู้เป็นนายนอกจากที่เลขาหนุ่มจะรีบไปทำตามคำสั่งอย่างรู้หน้าที่
ทิวสนเป็นเลขาคนเดียวนับตั้งแต่วันแรกที่รามเข้ามาช่วยงานบิดาที่กีรติแอคเซส ซึ่งกินเวลายาวนาน 5 ปี เขาจึงกลายเป็นคนที่รู้ใจท่านประธานมากที่สุด ทั้งในเวลางานและนอกเวลางาน กระทั่งสเปคของคู่ขาก็ต้องผ่านการคัดกรองจากทิวสน ก่อนจะส่งขึ้นเตียงให้ผู้เป็นนาย
"ทำอะไรอยู่น๊าหนูปั้น"
เสียงนุ่มทุ้มพึมพำกับตนเองเบา ๆ ก่อนที่ใบหน้าของท่านประธานหนุ่มจะเผยรอยยิ้มแห่งความคิดถึง มือถือเครื่องแพงราคาเฉียดแสนถูกหยิบยกขึ้นมาพร้อมกับกดเข้าไปในแอปพลิเคชันสีเขียว ก่อนจะเข้าไปในห้องแชทของคนที่กำลังถวิลหา
'ฝากซื้อกาแฟ 20 แก้วได้ไหมคะ หนูช่วยเอามาส่งที่ออฟฟิศได้ไหม?'
'ไม่ได้ ปั้นไม่ว่าง คนงานของพี่ใหญ่มีเยอะแยะก็ใช้ไปสิ เผื่อพี่ใหญ่ไม่รู้ เดี๋ยวนี้เค้ามีเดลิเวอรี่ส่งถึงที่นะครับ หรือแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว'
[รูปภาพ]
'ทีนี้จะว่างได้รึยังครับ เร็วหน่อยนะถ้าเกิน 12.00 น. รูปบนเตียงของเราคงถูกส่งไปหาตัวเล็กแน่นอน'
'ไอ้พี่ใหญ่! คนขี้โกง ชิ'
'จะมาหรือไม่มา พี่ให้โอกาสหนูเรียกใหม่อีกทีนะเมียจ๋า อย่าแม้แต่คิดจะลืมหน้าผัว เดี๋ยวจะโดนกระแทกจนรูแหก'
ไม่มีการตอบกลับใด ๆ หรือปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้รามยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะกดเข้าไปดูรูปที่เพิ่งส่งให้ปั้นสิบอีกครั้ง หน้าจอสมาร์ตโฟนฉายรูปของปั้นสิบที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของราม ส่วนเจ้าตัวหันมายิ้มใส่กล้องด้วยความภูมิใจ ใครจะว่าเขาให้วิธีสกปรกเขาก็ไม่สน ในเมื่อเขาเลือกแล้วว่าต้องการคนนี้ ทั้งปั้นสิบเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเขาอีกด้วย หากแต่ยังมีบางเรื่องที่ปิดกั้นอยู่ นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องค้นหาในวันข้างหน้าระหว่างที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
.
.
"ไอ้พี่ใหญ่บ้า! คอยดูเถอะ พลาดเมื่อไหร่แม่จะเล่นให้ยับเลย"
ปั้นสิบที่กำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่ในห้องทำงาน จำต้องวางมือจากทุกอย่างเมื่อถูกตามตัวอย่างเร่งด่วนจากพี่ชายของเพื่อนสนิท ที่ได้ลิ้มลองความสดใหม่จากเรือนร่างของตนเป็นคนแรกนับแต่เกิดมา
ใจหนึ่งก็กลัวว่ารามิลจะรู้แล้วโกรธที่ไปยุ่งเกี่ยวกับพี่ชายของเพื่อน ใจนึงก็ถูกความกลัวกับเรื่องราวเมื่อครั้งในอดีตที่สร้างรอยแผลเอาไว้ หลากหลายความรู้สึกกำลังตีกันให้วุ่นในหัวของปั้นสิบจนลืมบอกเพื่อนในเรื่องสำคัญที่ตั้งใจเอาไว้
มือเรียวกดสั่งกาแฟ 20 แก้วตามที่รามสั่ง ไม่นานคนตัวเล็กคว้ากระเป๋าสะพาย กุญแจรถคันโปรดและมือถือ ก่อนจะเดินลงไปที่ลานจอดรถแล้วบึ่งออกไปที่ร้านกาแฟทันที
กริ๊ง
"หวัดดีจ้ะน้องปั้น มาเร็วว่าที่คิดไว้นะเนี่ย รอแป้บนึงนะจ๊ะเด็ก ๆ กำลังใส่ถุงให้"
ดารณีเจ้าของร้านกาแฟที่เป็นรุ่นพี่ในมหาลัยเดียวกันเอ่ยทักทายปั้นสิบอย่างเป็นกันเอง
"ได้ครับพี่ดา วันนี้เลมอนชีสเค้กเสร็จรึยังครับ"
"เสร็จแล้วจ้ะ เอากี่ชิ้นดีจ๊ะ ถ้าไปที่เดียวกันพี่จะแพคใส่กล่องใหญ่ให้ จะได้ขนย้ายได้สะดวก"
"อืออ เอาตามจำนวนกาแฟเลยครับพี่ดา"
แม้ปั้นสิบจะไม่รู้ว่ารามสั่งกาแฟไปเลี้ยงใคร หรือเนื่องในโอกาสอะไร แต่เจ้าตัวก็ถือวิสาสะสั่งเค้กให้พร้อมสรรพ
"ได้จ้ะ ของน้องปั้นด้วย 1 ชุดเหมือนเดิมนะจ๊ะ"
"ครับพี่ดา"
หลังจากได้รับออเดอร์เพิ่ม ดารณีก็รีบรุดเข้าไปแพ็คสินค้าให้ปั้นสิบด้วยความรวดเร็วคล่องแคล่ว ส่วนปั้นสิบก็นั่งสำรวจร้านและขนมไปเรื่อย ๆ ถึงเจ้าตัวจะทำไนต์คลับ แต่ความชอบกลับเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่น
ไม่นานกาแฟและเค้กก็ถูกจัดเรียงใส่ในรถมาเซราติคันหรูของปั้นสิ ก่อนที่เจ้าของรถจะมุ่งหน้าสู่กีรติแอคเซสให้ทันเวลาเที่ยงวัน
เอี๊ยดด ปึก
"พรู้วว โชคดีนะที่มาทันเวลา ถ้าไม่ได้พี่ดาช่วย ป่านนี้คงมาไม่ทันแน่ ๆ พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่ ไหนบอกจะให้เวลา 1 สัปดาห์ นี่แค่วันแรกก็มาขู่กันแล้ว"
ปั้นสิบบ่นพึมพำกับตัวเองในระหว่างที่ลงจากรถ เป็นจังหวะเดียวกับทิวสนที่เดินลงมาต้อนรับคนสำคัญของเจ้านาย เพราะรามรู้ว่าถ้าเขาเป็นคนลงมารับของ ปั้นสิบต้องรีบชิ่งหนีแน่นอน
"สวัสดีครับคุณปั้น เดี๋ยวพวกเราช่วยเองครับ"
"คะ..ครับ"
ปั้นสิบมีท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อทิวสนมีคนติดตามลงมาถือของมากถึง 4 คน อีกทั้งทุกคนยังจ้องมองปั้นสิบไม่วางตาจนปั้นสิบเริ่มทำตัวไม่ถูก
"เชิญคุณปั้นด้านบนดีกว่าครับ คุณรามรออยู่"
ทิวสนผายมือไปยังทางเดินที่ตรงไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ พนักงานที่อยู่แถวนั้นต่างก็เริ่มจ้องมองมาที่คนตัวเล็กที่รับอภิสิทธิ์พิเศษ ถึงขั้นที่ให้เลขาของท่านประธานลงมารอต้อนรับ
"เอ่อ ปั้นหมดธุระแล้ว ขอตัวกลับเลยดีกว่าครับ อีกอย่าง รถของปั้นก็จอดขวางทางคนอื่นด้วย"
"ไม่ได้ครับ คุณรามรออยู่ด้านบน ส่วนรถของคุณปั้นสิบ มีสิทธิ์เทียบเท่ากับรถของท่านประทานทุกประการครับ ไม่ว่าจะจอดที่ไหนก็ได้"
คำพูดของทิวสนดังพอที่คนรอบข้างจะได้ยินและรับรู้ความสำคัญของเด็กหนุ่มคนนี้ แม้ก่อนหน้าปั้นสิบจะเคยมาที่นี่กับรามิลบ้างแล้ว หากแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นการป่าวประกาศที่ต่างจากเดิมไปโดยสิ้นเชิง
เด็กคนนี้คือคนสำคัญของท่านประธาน นั่นคือสิ่งที่ทุกคนได้รับรู้ในวันนี้
